“อาเล่ย...ลูกสะใภ้ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงวัยกลางคนที่ยังคงความงดงามดั่งสาวน้อยวัยแรกแย้มรีบเร่งฝีเท้าเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องหอ มองบุตรชายที่ยืนนิ่งจ้องมองไปยังบานประตูด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ร่างกายนางอ่อนแอมากขอรับท่านแม่ ตอนนี้หมอกำลังทำการรักษานางอยู่...”
โหวปีศาจตอบโดยที่ไม่แม้แต่จะละสายตาจากบานประตู ราวกับเฝ้ารอคอยที่จะให้หมอเปิดประตูออกมา แล้วบอกข่าวแก่เขาว่านางปลอดภัยแล้ว
ฮูหยินเฉิงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความกังวลที่มากล้นไม่ได้น้อยไปกว่าบุตรชายคนโต
เสี้ยวอึดใจต่อมา เสียงฝีเท้าหนักๆ หลายฝีเท้าพุ่งตรงมายังเรือนหอของโหวปีศาจอย่างเร่งรีบ
“ข้าได้ข่าวจากพ่อบ้านแล้ว อาการนางไม่สู้ดีสินะ เช่นนั้นยาเม็ดนี้น่าจะช่วยนางได้ไม่มากก็น้อย”
ประมุขเฉิงเอ่ยขึ้นโดยถือกล่องโอสถหมื่นปีจากคลังสมบัติของตระกูลมาด้วย หวังว่าโอสถเม็ดนี้จะช่วยฟื้นคืนร่างกายของลูกสะใภ้ให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็ว
“พี่สะใภ้ต้องไม่เป็นอะไร ขะ...ข้าไม่อยากเห็นพี่สะใภ้ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว ข้าไม่อยากเห็นอีกแล้ว ฮือ...”
เด็กสาวที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่นได้เพียงปีเดียวถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ใบหน้าหวานน่ารักบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาแดงก่ำอาบไปด้วยหยาดน้ำตาเป็นสาย สะอึกสะอื้นฮักจนร่างบอบบางสั่นเทาโยกคลอนไปทั้งสรรพางค์กาย
“เด็กโง่อย่าเพิ่งฟูมฟายจนเกินไปนัก พี่สะใภ้ของเจ้าต้องหายดีอย่างแน่นอน”
ผู้เป็นบิดาดึงบุตรสาวคนรองเข้ามากอด ขณะนั้นเองบุตรชายคนสุดท้องที่มีอายุเพียงสิบสี่ปี กำลังเริ่มเป็นหนุ่มแขนขายืดยาวเก้งก้างก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“พะ...พี่สะใภ้จะตายอีกแล้วหรือขอรับท่านพี่”
คำถามที่ทำให้ครอบครัวสกุลเฉิงถึงกับนิ่งงันคล้ายมีหินก้อนใหญ่ถ่วงทับที่อกจนแทบหายใจไม่ออก ภาพเหตุการณ์ที่แสนเจ็บปวดผุดขึ้นในห้วงแห่งความทรงจำอีกครั้ง กลิ่นคาวเลือด คราบน้ำตา และการสูญเสียยังคงตราตรึงเพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้น…เมื่อวาน!
“เสี่ยวหง...พี่สะใภ้ของเจ้าจะต้องไม่ตาย”
โหวผู้เป็นบุตรชายคนโตของตระกูล ยื่นมือไปวางบนไหล่ของน้องชายคนเล็กอย่างปลอบโยน ภาพทุกอย่างในชาติก่อนยังคงกระจ่างชัด
อีกสองปีนับจากนี้...สงครามอสูรจะลุกลามจนยากจะทัดทาน ทุกคนในตระกูลเฉิงร่วมออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่อย่างหาญกล้า ทว่าอสูรเจ้าเล่ห์กลับเหลี่ยมจัดกอปรกับมีไส้ศึกภายใน ทำให้กองทัพของเขาเพลี่ยงพลั้งล้มตายราวกับฝูงแมลงบินเข้ากองเพลิง
น้องชายคนเล็กผู้ถือครองพลัง ‘ควบคุมเงา’ ได้สูญเสียแขนทั้งสองข้าง บิดาผู้ถือครองพลัง ‘บทเพลงแห่งปีศาจ’ ได้ถูกกรีดเย็บริมฝีปากจนไม่อาจเอื้อนเอ่ย น้องสาวผู้ถือครองพลัง ‘เพลิงเนตร’ ได้สูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง และมารดาถูกแทงเข้าที่ไหล่ใกล้หัวใจและกำลังเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ส่วนเขาถูกจ้วงแทงตามร่างกายนับร้อยแผล แม้จะยังตั้งหลักสู้สุดตัว แต่ก็เกินกำลังจนแทบล้มทั้งยืน
เมื่อวานนี้...พวกเขาทุกคนกำลังจะตาย หากไม่ใช่เพราะถานอ้ายเยว่ช่วยชีวิตไว้ พวกเขาก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ และเผ่าพันธุ์มนุษย์อาจถูกกวาดล้างจนสิ้นสูญ
อ้ายเยว่ยื่นมือเข้ามาช่วยทุกคนโดยแลกกับชีวิตของนาง!
“แม่ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะหวนคืนกลับมาในวันนี้ ถ้าเร็วกว่านี้อีกสักปีสองปีก็คง...”
เฉิงหวังเล่ยหลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินน้ำเสียงเศร้าของมารดา เขาจึงหันไปหาแล้วใช้สองแขนโอบกอดมารดาเอาไว้อย่างปลอบโยน
“สิ่งที่ท่านแม่ทำเพื่อพวกเรานั้นยิ่งใหญ่และไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ข้าจะไม่มีวันลืมความเสียสละในครั้งนี้ของท่านแม่เลย ไม่ว่าพวกเราจะย้อนกลับมาวันใดหาใช่สิ่งที่ต้องเพ่งโทษ เพราะสิ่งสำคัญคือวันนี้ เวลานี้ ชั่วขณะนี้ พวกเรามาทำทุกวันให้เป็นวันที่ดีที่สุดกันเถอะขอรับ”
“นะ...นั่นสินะ”
เฉิงเข่อชิงพยายามเม้มริมฝีปากที่สั่นระริก นางในฐานะฮูหยินแห่งสกุลเฉิง เป็นมนุษย์ผู้มีเศษเสี้ยวเซียนและยังเป็นผู้ถือครอง ‘ศิลาหวนคืน’ ศิลาที่มีเพียงหนึ่งเดียว ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
นางได้มีโอกาสใช้มันเพื่อให้ครอบครัวของนางหวนคืนกลับมา หากไม่ใช่เพราะลูกสะใภ้ช่วยชีวิต นางและครอบครัวคงตายในสนามรบ ไม่มีโอกาสได้ใช้ศิลาหวนคืนที่เก็บรักษาเอาไว้ภายในห้องลับของตระกูล
“นับจากนี้ชีวิตของพวกเราจะทำเพื่ออ้ายเอ๋อร์ จะทำให้นางมีความสุข และสมหวังในทุกสิ่งที่นางปรารถนา”
ฮูหยินเฉิงเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา แค่ได้เห็นสามี บุตรชายคนโต บุตรสาวคนรอง บุตรชายคนเล็กกลับมามีร่างกายครบสามสิบสองอีกครั้ง มีลมหายใจอีกครั้ง ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
“พวกเราล้วนเป็นหนี้บุญคุณลูกสะใภ้”
ประมุขเฉิงรวบร่างภรรยาและบุตรทั้งสามเข้ามากอด ทุกคนต่างตั้งปณิธานว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ถานอ้ายเยว่มีความสุขที่สุด ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยสิ่งใดก็ตาม