ตอนที่ : 10 มัดแมน...ล่าหัวคน 2

1752 คำ
เจ้าของร่างงามที่หมดสติด้วยความตกใจค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะกะพริบตาขึ้นลงเพื่อปรับสภาพของแสงสว่าง และเพียงแค่กอพเยียลืมตาขึ้นเต็มดวงนางถึงกับอ้าปากค้างต่อภาพที่เห็นตรงหน้า "กรี๊ด!!!" เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นลั่นป่าดิบชื้นแห่งนี้ ทำให้ชนเผ่ามัดแมนหลายสิบคนหันมามองนางเป็นสายตาเดียวกัน อุมบะ! อุมบา! อุมบะ! อุมบา! อุมบาเรเอรา! พวกมันกระแทกไม้เท้าในมือลงพื้นแล้วร้องเพลงประจำเผ่าอย่างพร้อมเพรียงกัน กอพเยียก้มมองดูสภาพของตนเองที่ถูกมัดเอาไว้ยังเสาต้นหนึ่ง ในสภาพที่มือไขว้หลังถูกปักอยู่ตรงกลางลานกว้าง พวกมันคล้ายกำลังทำพิธีอะไรบางอย่างอยู่ แล้วเงาที่สะท้อนแสงจันทร์ลงบนพื้นของพวกมันแต่ละคน ก็ทำให้นางเข้าใจแล้วว่านั่นไม่ใช่ภูตผีปีศาจอย่างแน่นอน พวกมันคือมนุษย์ เหลือบไปด้านข้างก็เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่กับแม่ ถอดหน้ากากออกจากหัวแล้วเอามานั่งทับเล่น นางจึงกวาดสายตามองดูพวกผู้ชายที่ยืนร้องเพลงประสานเสียงกันอยู่อีกด้านหนึ่ง ไอ้ที่อยู่บนหัวของพวกมันมีลักษณะเหมือนหน้ากากที่เจาะรูตรงตาทั้งสองข้าง มิน่านางถึงมองไม่เห็นตาของพวกมัน ซ้ำบางคนก็สร้างเขี้ยวงอกออกจากจมูก หรือบางหน้ากากก็ไม่มีเขี้ยว เนื้อตัวสีขาวโพลนนั่นก็เหมือนเอาอะไรสักอย่างมาทาตัวเพื่อให้ดูน่ากลัวขึ้น แต่นางไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ฟุบ! "กรี๊ด!!!" นางกรีดร้องอีกรอบเมื่อหัวของคนสดๆ ที่เพิ่งถูกตัดออกจากลำคอถูกโยนมาตรงหน้า เลือดส่วนหนึ่งของสิ่งที่พวกมันโยนมากระเด็นติดใบหน้าของนางด้วย ส่วนคนที่โยนมาก็ยืดอกชูไม้เท้าในมือขึ้น พวกที่เหลือก็ส่งเสียงเฮกันลั่น บางคนก็กรูเข้าไปหาด้วยท่าทางดีอกดีใจ กอพเยียฟังภาษาของเผ่ามัดแมนไม่ออก นางจึงไม่รู้ว่าพวกมันคุยอะไรกันบ้าง เห็นเพียงหญิงสาวในเผ่าคนหนึ่งตรงเข้าไปยืนเคียงคู่กับคนที่โยนหัวมา จากนั้นทั้งหมดก็ส่งเสียงเฮดังลั่น ตามด้วยการร้องเพลงที่นางเองฟังแล้วชวนปวดหัว คล้ายเสียงบทสวดแห่งความตายก็ไม่ปาน คนที่มีลักษณะคล้ายหัวหน้าเผ่าด้วยสังเกตจากไม้เท้าในมือที่มีลักษณะแตกต่างจากคนอื่น เพราะว่ามันมีกะโหลกคนติดอยู่ส่งเสียงสั่งคนในเผ่าให้กระทำการบางอย่าง ไม่ช้าผู้ชายในเผ่าคนหนึ่งก็วิ่งมาเก็บหัวคนที่อยู่บนพื้นดิน แล้ววิ่งตรงไปยังด้านหน้าของเผ่า พิธีการแบบนี้กอพเยียเคยได้เรียนรู้จากตำรามาบ้าง ว่าเป็นการปักหัวเอาไว้ข่มขู่ผู้ที่มารุกรานดินแดนแสนทมิฬแห่งนี้ ว่าอย่าได้มีชีวิตรอดกลับออกไปหากได้เหยียบย่ำเข้ามา นางแทบมองไม่เห็นหนทางรอดของตนเอง ก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับสตรีนางหนึ่งในเผ่าที่กำลังนั่งลับมีดอยู่ด้านข้างอีกมุมของลานกว้าง ฉับ! ฉับ! ฉับ! เสียงหั่นบางสิ่งบางอย่างดังขึ้นเป็นจังหวะเท่าๆ กัน ทำให้คนถูกมัดอยู่กลางลานพุ่งความสนใจไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น "โอ้ก!" ก่อนจะอาเจียนพรวด! ออกมาเมื่อเห็นแล้วว่าสิ่งที่นางกำลังหั่นอยู่นั้นคือ ร่างกายของมนุษย์ที่ไร้ส่วนหัว สตรีนางนั้นยังคงหยิบชิ้นส่วนที่หั่นจากลำตัวคนโยนใส่หม้อดินที่ตั้งอยู่บนกองไฟ จนน้ำในหม้อล้นกระฉอกโดนท่อนฟืนติดไฟเสียงดัง ฉ่า! สายตาของนางจ้องกลับมายังกอพเยียด้วยความเฉยชา หาได้รู้สึกอะไรไม่ต่อสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำอยู่ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติทั่วไปในชีวิตประจำวัน อาการคลื่นไส้ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่อาเจียนออกไปด้วยความรู้สึกคลื่นเ**ยนเมื่อครู่ นี่นางกำลังอยู่ในดินแดนนรกขุมไหนกัน ทำไมมันถึงได้โหดร้ายป่าเถื่อนและทารุณเช่นนี้ ก่อนก้อนแห่งความสะอิดสะเอียนจะแล่นขึ้นมาสมทบอีกรอบ "โอ้ก!" เสียงอาเจียนครั้งที่สองดังขึ้นเมื่อกลั้นอาการเอาไว้ไม่อยู่ จนสิ่งที่พ่นออกมาเลอะตามเสื้อผ้าและปลายคางของตนเอง แต่ไม่อาจเอื้อมมือออกไปเช็ดได้ น้ำหูน้ำตาเล็ดด้วยความกลัว กลัวที่จะต้องตกเป็นอาหารแก่มนุษย์ด้วยกันเอง ในความครื้นเครงของพวกเผ่ามัดแมนที่กำลังทำพิธีประจำเผ่ากันอย่างสนุกสนาน และภายใต้ความเงียบของป่าดิบชื้น ไฟมารก็กระจายกำลังคนรุกคืบเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ดวงตาเข้มมองลอดผ่านเข้าไปเห็นเมียของตนเองที่ถูกจับมัดอยู่กลางลาน นึกสมน้ำหน้านางนักที่อยากจะหนีไปจากเขา จนต้องมาเจอพวกล่าหัวคนแล้วยังเอาเนื้อมากินเป็นอาหารอีก "บุก!" สมุนโจรนับห้าสิบคนวิ่งกรูกันเข้าไปภายในเผ่ามัดแมน เป้าหมายก็คือ นำตัวเมียไฟมารกลับคืนมา เสียงคล้ายฝูงชนแตกตื่นวิ่งหนีกันให้วุ่นวายทำให้คนที่ใกล้หมดแรงอย่างกอพเยีย เบิกตาโตขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นไฟมารเดินตรงลิ่วมาทางนาง "ฮื้อ...ฮือ...ฮือ" น้ำตาถึงกับทะลักไหลออกมาด้วยความดีใจ อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องกลายเป็นอาหารของพวกป่าเถื่อนเหล่านี้ ฉัวะ! "ชอบล่าหัวคนอื่นนักใช่ไหม นี่แน่ะ" ขินเอ่ยขึ้นอย่างชอบใจ เมื่อฟันฉับตัดหัวของพวกมันได้หนึ่งคน ก่อนจะจิกผมแล้วชูขึ้นจากนั้นก็โยนกลับไปให้พวกผู้หญิงที่ยืนมองกันอยู่ พวกนางต่างพากันตกใจวิ่งหนีแตกกระเจิงกันไปหมด "เอ๊ย! กูก็ได้หัวหนึ่งเหมือนกันว่ะ" มืดก็ชูหัวพวกมันอีกหนึ่งคนขึ้นให้พวกพ้องดูเป็นการข่มขวัญ 'ถ้าจะสู้กับพวกมัดแมนพวกแกต้องโหดกว่าพวกมัน' นั่นคือคำสั่งที่ไฟมารบอกเอาไว้ก่อนจะก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนทมิฬแห่งนี้ และทุกคนก็ทำตามอย่างเคร่งครัด ฆ่า! ก็ต้องฆ่าให้ตาย เมื่อพวกมันล่าหัวคนอื่นก็ต้องทำให้มันรู้สึกเวลาถูกล่าคืน จะได้ไม่กล้าตามมาล้างแค้นในภายหลัง ระหว่างทางที่เดินตรงไปหาเมียของตนเอง ไฟมารจัดการตวัดดาบของตนเองปาดลำคอของพวกมัดแมนไปถึงห้าคน กอพเยียถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วจนนางแทบอยากจะเป็นลม ก่อนจะหลับตาแน่นเมื่อเห็นไฟมารง้างดาบขึ้นสูงแล้วฟันฉับ! ลงมายังตัวนาง ฟึบ! เชือกที่รัดรอบลำตัวถูกตัดขาดทำให้นางค่อยๆ ปรือดวงตาขึ้นมอง ก่อนจะเห็นว่ามันบาดลึกเข้าไปยังบริเวณสาบเสื้อของนางอีกส่วนหนึ่ง กอพเยียถึงกับใจหายวาบ ถ้าเขาลงแรงมากกว่านี้อีกนิดหนึ่งชีวิตของนางก็คงจะดับสิ้น "มันน่าปล่อยให้พวกมัดแมนกินนัก" ไฟมารเข่นเขี้ยวออกมาอย่างโมโห กระชากต้นแขนของนางให้หลุดออกจากเสา แล้วหันไปมองดูสภาพของสมุนทั้งหมดที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย "ฆ่าพวกมันทั้งหมดเลยไหมหัวหน้า" มืดเอ่ยถามพลางกวัดแกว่งดาบในมือไปมาต่อหน้าหัวหน้าเผ่าของพวกมัดแมน ที่ถูกต้อนไปรวมตัวกันอยู่อีกด้านหนึ่ง "ไม่ต้อง!" ไฟมารเดินตรงไปยังคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าเผ่า ส่งรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมกลับไปให้ แล้วกระชากตาเฒ่าวัยชราขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงไปล้มอยู่ที่กลางลานท่ามกลางสายตาของทุกคน ไม่เว้นกระทั่ง กอพเยียที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ ขิน ฉัวะ! เสียงกรีดร้องดังลั่นไม่ว่าชายหรือหญิง ทุกคนออกอาการเสียขวัญเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นหัวของหัวหน้าเผ่าที่พวกมันเคารพรักกระเด็นไปอยู่ตรงกลางลานโดยฝีมือของไฟมาร ก่อนจะเห็นมหาโจรยกปลายดาบขึ้นแล้วตวัดปลายลิ้นไล้เลียหยดเลือดที่ติดอยู่อย่างเลือดเย็น "กลับ!" กอพเยียแทบถลาตามแรงกระชากของไฟมาร เดินผ่านป่าในความมืดออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดนิ่งแล้วหมดสติไป เมื่อเห็นหัวของคนที่ถูกพวกมัดแมนล่าได้ปักเรียงรายอยู่ด้านหน้าอย่างสยดสยอง มหาโจรจึงตวัดร่างของนางขึ้นพาดบ่าแล้วตรงกลับชุมโจรของตนเอง ทางด้านชนเผ่ามัดแมนหลังจากที่หัวหน้าเผ่าสิ้นลม พวกมันก็ต้องเตรียมตัวพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น การที่มีอริที่ร้ายกาจกว่าไม่อาจทำให้รับประกันความปลอดภัยได้ ความจริงแล้วการล่าหัวมนุษย์มันคือประเพณีที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น มันไม่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะว่าเคยพ่ายแพ้ต่อสงครามการสู้รบระหว่างเผ่า พวกมันจึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต โดยการสร้างความโหดเหี้ยมให้แก่ตนเองเพื่อเป็นป้อมปราการปกป้องผู้หญิงและเด็กภายในเผ่า และในวันที่ทำพิธีการเป็นผู้ใหญ่ของผู้ชายทุกคนในเผ่า พวกเขาจะต้องออกไปล่าหัวคนอื่น เพื่อนำมาเป็นสินสอดแต่งเมีย นั่นจึงจะถือว่าเป็นลูกผู้ชายที่สามารถปกป้องลูกเมียได้ และในการไปล่าหัวคนอื่นก็จะต้องมีการสวมหน้ากากทาดินเหนียวตามตัวจนเป็นสีขาวเพื่อข่มขวัญศัตรู หัวที่ล่าได้ก็จะเอาไปปักข่มอริส่วนลำตัวก็จะเอากลับมากินตามความเชื่อที่ว่า การกินเนื้อของคนตายเสมือนได้กินวิญญาณของคนตายเข้าไปด้วย คนตายจะได้ไม่ตามมารังควานในภายหลัง กลายเป็นชนเผ่าที่แลดูโหดเหี้ยมมากที่สุดก็ว่าได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม