"อันนี้ของคุณตอนบ่ายจะได้มีแรงทำงาน" เธอนั่งหน้ายุ่งอยู่หน้าจอโทรศัพท์ไม่รู้ว่างานมีปัญหาหรือกำลังคุยกับใครคนอื่น
"ขอบคุณค่ะบอส เอ่อ...บอสคะอาทิตย์หน้าฉันลากลับบ้านสามวันนะ" บ้านหลังนั้นเธอไม่เคยกลับไปนานมากแล้วเพราะไม่ค่อยถูกกับพ่อเลี้ยงเท่าไรแต่ว่าครั้งนี้แม่ไม่สบายหนักต้องกลับไปเยี่ยมบ้างในฐานะลูกสาวคนหนึ่ง
"ได้สิ คุณทำงานไม่เคยพักได้เลยกลับไปพักที่บ้านบ้างคงจะสดชื่นขึ้นแต่ผมมีข้อแม้นะ"
"อะไรเหรอคะบอส?"
"คุณต้องรับสายผมทุกครั้งหรือถ้าไม่ว่างก็ต้องตอบข้อความทุกวันนะ แล้วห้ามสนใจใครด้วยเข้าใจไหม?"
"เข้าใจทุกอย่างยกเว้นข้อหลังอะค่ะ ทำไมต้องห้ามสนใจใครด้วยคะ?"
"ผมแค่...กลัวว่าคุณจะสนใจคนอื่นมากกว่าไง คุณเป็นคนของผมก็ต้องสนใจผมแค่คนเดียวสิจริงไหม?" นี่คือความจริงใจที่สุดเท่าที่เคยพูดกับเธอแล้วแต่ว่าแววตาคู่นี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เอะใจเลยสักนิดเดียว
"คุณเป็นของผมคนเดียว...อินวา" เขาย้ำอีกครั้งให้เธอเข้าใจในสิ่งที่สื่อออกไปแต่ก็อย่างว่าแหละคนไม่รักต่อให้เขาจะทอดสะพานมากขนาดไหนก็ตัดฉับให้ขาดลงแบบไม่ลังเล
"แน่สิคะก็อินวาเป็นเลขาของบอสน่านนี่ เราไปทำงานกันเถอะค่ะจะบ่ายแล้ว" ถึงคำพูดจะดูแปลกๆไปบ้างแต่เธอก็ชินแล้ว บอสน่านคงกลัวว่าเธอจะมัวสนใจคนอื่นจนไม่ตอบข้อความหรือรับสายเขาแต่ในความจริงเธอแยกแยะได้ว่าอะไรเรื่องงานอะไรคือเรื่องส่วนตัว
งานเธอคือขายเวลาทั้งหมดให้เขาไง!
ถึงแม้ว่าจะลาสามวันแต่ด้วยหน้าที่แล้วก็ต้องมีการคุยงานเล็กน้อยเผื่อมีปัญหา เธอไม่ชอบตามแก้ปัญหาทีหลังเพราะค่อนข้างยุ่งยากและน่าหงุดหงิดส่วนบอสน่านก็ชอบงานที่เรียบร้อยไร้ที่ติ เธอยังไม่แน่ใจว่าคนที่มาแทนชั่วคราวจะทำอะไรถูกใจเขาบ้างแต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงหรอกเพราะเขาใจดีมาก
เธอเชื่อนะว่าไม่มีใครใจดีเท่าบอสน่านแล้ว!
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ถึงเวลาเลขาที่รักลางานเพื่อไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยมาพักใหญ่แล้ว เธอบอกแค่ว่าจะรีบกลับมาให้ทันแล้วจะตอบข้อความทุกวันแต่ไม่สามารถระบุเวลาได้เท่านั้นเองส่วนเลขาที่มาแทนก็น่าจะทำถูกใจเขาบ้างไม่มากก็น้อย
แต่ไม่ใช่แบบนี้แน่!
โครม!!
"ใช้สมองทำงานบ้างรึเปล่าหรือว่าดีแต่สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านไปเรื่อย!!" แฟ้มงานโยนลงต่อให้เลขาคนใหม่พร้อมกับสายตาแข็งกระด้างและน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแสดงความไม่พอใจมากอย่างชัดเจน
"ขอโทษค่ะบอสน่าน เอ่อ...เดี๋ยวฉันเอากลับไปแก้ไขนะคะ"
"ถ้ารอบนี้ทำไม่ได้ก็เซ็นไปลาออกไปซะ!!"
"ค่ะบอส! ฉันขอโทษจริงๆนะคะรับรองว่ารอบหน้าไม่มีพลาดแล้วค่ะ"
เลขาคนใหม่รีบหอบแฟ้มงานเดินคอตกออกจากห้องด้วยใจหวาดหวั่นน้ำตาเอ่อคลอเพราะตลอดสองวันที่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้มีแต่ความกดดันไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจสักอย่าง
จนตอนนี้ชักไม่มั่นใจแล้วว่าแค่หายใจนี่ผิดอีกรึเปล่า
ด้านนอกสายตานับสิบคู่แอบมองแล้วรีบก้มหน้าทำงานอย่างหวาดหวั่นใจไม่รู้ว่าใครจะดวงซวยถูกเรียกเข้าไปด่าอีก สถานการณ์ในออฟฟิศตอนนี้ไม่ต่างจากอยู่ในนรกเลยเพราะบอสเกรี้ยวกราดจนน่ากลัวมาก ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ผิดไปหมดหรือบางครั้งแค่มีเสียงดังเข้าไปรบกวนเล็กน้อยบอสก็เดินออกมากวาดสายตามองนิ่งเงียบเล่นเอาเกร็งจนแทบฉี่ราดอยู่รอมร่อ
หล่อราวเทพบุตรแต่ดุร้ายราวกับยักษ์มาร!
"องค์ลงอีกแล้ว!!"
"อย่าพูดมาเดี๋ยวเสียงดังไปรบกวนได้ฉิบหายกันหมด!"
"กูจะบ้าตายนี่บอสเป็นอะไรวะ!!"
"ใครจะไปรู้วะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบนี้!"
น่านนั่งอ่านรายงานช้าๆพยายามรวบรวมสมาธิให้มากที่สุดแต่ไม่ว่าจะกวาดสายตามองตัวอักษรเท่าไรก็มีแต่ภาพอินวาฉายเข้ามาแทนจนน่าหงุดหงิดที่ความคิดถึงมันทำให้เขากลายเป็นคนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้
เขารู้สึกถึงกลิ่นน้ำหอมของเธอคล้ายว่ามันลอยตลบอบอวลอยู่ในห้องไหนจะน้ำเสียงหวานที่ไม่รู้ว่าจะได้ยินตอนไหน
อินวากลับไปได้สองวันแล้วเหลืออีกแค่หนึ่งวันจะกลับมาจากนั้นวันมะรือเธอก็จะมาทำงานตามปรกติพร้อมกับรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเขาก็พยายามจะใจเย็นกับทุกคนแล้วนะแต่ไม่มีใครทำอะไรถูกใจเลยไม่ว่างานใหญ่งานเล็กก็ผิดพลาดไปหมดทั้งที่เน้นย้ำแล้วว่าสำคัญขนาดไหน
เขาพยายามจะไม่โมโหไม่ใช้อารมณ์แต่พนักงานพวกนี้กลับชอบทำเสียงดังรบกวนสมาธิที่สุด แล้วการที่เดินออกมานอกห้องเพื่อกวาดสายตามองก็แค่เตือนให้รู้ว่าจ้างให้มาทำงานไม่ได้ให้มาเล่นกันถึงงจะเสียงดังได้ตามใจตัวเองเพราะถ้าเขาไม่พอใจจริงใบลาออกก็พร้อมเซ็นเสมอ
"เรียกหัวหน้าบัญชีเข้ามาเดี๋ยวนี้!"
"ค่ะบอสน่าน" แล้วผู้โชคร้ายคนที่สามของวันคือหัวหน้าแผนกบัญชีที่พึ่งส่งแฟ้มงานมาได้ไม่นานนี้
หัวหน้าแผนกบัญชีเข้ามาตามคำสั่งในห้องทำงานหรูแต่กลับรู้สึกว่าอยู่ภายในห้องเย็นมากกว่าเป็นไหนๆ ใบหน้าหล่อของบอสในตอนนี้ไม่ต่างจากรูปปั้นเพราะนิ่งเฉยไร้อารมณ์ความรู้สึกแต่แววตากลับเฉือดเฉือนกันช้าๆพร้อมกับแฟ้มงานว่างตรงหน้า
ตายแน่...ใครก็ได้ช่วยด้วยยยย
เวลาผ่านไปถึงช่วงหนึ่งทุ่มของวันต่อมาเย็นอินวาถอนหายใจด้วยความหนักใจไม่ใช่เพราะเรื่องงานแต่เป็นการกลับไปที่บ้านจนแทบจะเอาตัวไม่รอดในวันสุดท้าย
การที่เธอยอมกลับไปเพราะแม่บอกว่าพี่ชายก็จะมาแต่ที่ไหนได้กลับไม่มีใครมาเลยสักคนนอกจากแม่ที่ป่วยนอนซมอยู่ในห้องนอนแล้วก็พ่อเลี้ยงที่ลวมลามกันทางสายตาแล้วยังแอบย่องเข้าห้องนอนเธอในตอนกลางดึกจนเกือบจะเสียตัวแล้วแต่ถึงอย่างนั้นก็รอดกลับมาได้ถึงสาหัสพอสมควรเลยก็ตาม
เธอจำได้ว่าล้มจนหัวกระแทกพื้นในช่วงที่มึนเบลอพ่อเลี้ยงก็อุ้มไปโยนลงบนเตียงแต่โชคดีที่สามารถหยิบโคมไฟจากหัวเตียงมาฟาดหัวได้ทันแต่ถึงอย่างนั้นก็โดนตบจนเลือดกลบปากถึงสองครั้งติดทำเอาสติมึนเบลอไปอีกครั้ง
เธอยังจำสัมผัสหยาบโลนได้เป็นอย่างดีด้วยความรู้สึกขยะแขยงจนบรรยายไม่ถูก หลังจากโดนตบก็แทบไม่มีแรงหลงเหลืออยู่แต่ก็ยังอุตส่าห์แข็งใจวิ่งหนีแล้วถูกจับข้อเท้าจนล้มลงและในนาทีนั้นเธอถีบพ่อเลี้ยงไม่ยั้งจนมันยอมปล่อยพร้อมตะโกนด่าทอวิ่งตามมาเกือบจะทันอยู่แล้วเชียวดีนะที่รีบขึ้นรถทัน
นับเป็นโชคดีที่คว้ากระเป๋ามาได้ไม่อย่างนั้นเธอแย่แน่!
"เฮ้อ...ถ้าบอสถามฉันจะตอบยังไงเนี่ย?" สภาพเธอในตอนช้ำไปหมดแทบทั้งตัวเลยแถมยังมีไข้อีกด้วย
พรุ่งนี้ต้องไปทำงานทั้งที่สภาพร่างกายไม่พร้อมครั้นจะลางานเพิ่มอีกวันก็เกรงใจเลขาที่มาแทนเพราะได้ข่าวว่าบอสอาละวาดหนักมากพอสมควร เธอยังไม่เคยเห็นบอสในมุมนั้นเลยบางทีทุกคนอาจจะเข้าใจผิดก็ได้เพราะปรกติบอสน่านก็หน้านิ่งแววตาดุอยู่แล้วถึงจะหล่อด้วยก็เถอะ
อินวาเดินไปหยิบกล่องยาแต่อุปกรณ์ทำแผลไม่มีเลยตอนนี้ก็พึ่งจะหนึ่งทุ่มร้านยายังเปิดอยู่ เธอไม่อยากไปโรงพยาบาลเพราะกลัวว่าจะได้เข้าพักรักษาตัวแล้วจะเสียเวลาทำงานไปมากขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเธอโทรบอกพี่ชายที่พึ่งแวะไปที่บ้านเพื่อดูแลแม่แทนอย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าเธออยู่แน่นอน
"...บอส!!" เธอเปิดประตูออกตั้งใจว่าจะไปหาซื้อยาและอุปกรณ์ทำแผลที่จำเป็นต้องใช้แต่กับเจอเขายกมือทำท่าเหมือนว่ากำลังจะเคาะประตูพอดี
"เกิดอะไรขึ้นอินวา!?" เขาแวะมาหาเนื่องจากทนคิดถึงไม่ไหวแต่ใครจะคิดว่าจะเจอเธอในสภาพนี้ละ
"...!" ยังไม่ได้ตอบอะไรตัวก็ถูกดึงไปกอดแน่นมากรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นกรุ่นอยู่ที่หน้าผาก เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกรู้ตัวอีกทีประตูห้องก็ปิดเสียงดังแล้วบอสน่านก็ประคองหน้าเกลี่ยปลายนิ้วที่ปากที่มีรอยช้ำชัดเจนแล้วไล่ปลายนิ้วไปตามรอยช้ำอื่นจนถึงหน้าผากที่ติดพลาสเตอร์เอาไว้
เธอจะโดนเขาดุไหมที่ไม่ระวังตัว?
"ผมถนอมคุณมาอย่างดีมันเป็นใครถึงกล้าทำแบบนี้ห่ะ!?"
"บอสคะคือว่า…"
"ผมถามว่าใครมันทำอะไรคุณ...อินวา!?" เขาต้องพยายามใจเย็นทั้งที่ตอนนี้ภายในใจมันร้อนรนราวกับไฟสุมทรวงขัดกับฝ่ามือที่ลูบไล้ใบหน้าสวยอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บมากขึ้นหากว่าทำอะไรมากเกินไป