“เฮ้ย!” เธออุทานพร้อมกับรีบขืนตัวลงจากตัวเขา ราวกับว่ารังเกียจกันนักหนา
“นี่มันบังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต หรือว่ากรรมตามติดเป็นเงาตามตัวกันแน่วะ” เธอแอบหันไปบ่นงึมงำอีกทาง แต่พ่อคุณก็ยังอุตส่าห์ได้ยินอีก
“ชาติก่อนฉันคงทำกรรมไว้เยอะล่ะมั้ง ชาตินี้ถึงได้หนีไม่พ้นเจ้ากรรมนายเวรอย่างเธอ” มีนาหันขวับมาแยกเขี้ยวใส่ แต่แล้วก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อีก
“เอ๊ะ!เดี๋ยวนะถ้านี่บ้านคุณ แสดงว่าเด็กคนนั้นก็ต้องเป็น…” เธอถามพลางหันไปมองเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่ ยังไม่ทันจะได้คำตอบ สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปสบกับเจ้าหมาตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ จากที่เคยนั่งสงบเสงี่ยม มันก็ผุดลุกแล้ววิ่งตรงมาที่เธอ
“เฮ้ย!” เป็นอีกครั้งที่เธอกระโดดขึ้นไปบนตัวเขาด้วยความตกใจ
“ให้ตายสิ! ตกลงนี่เธอชอบฉันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ถึงได้เอาแต่ลวนลามฉันอยู่ได้”
“เฮอะ! หลงตัวเองชะมัด เป็นคนแบบไหนกันแน่เนี่ย ที่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีสินะ” เธอดันตัวเองออกมามองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ แค่คิดว่าคนตรงหน้ามีลูกมีเมียแล้ว แต่ยังมาทำชีกอกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบ จนนึกอยากจะผละออกมาด้วยความรังเกียจ ติดก็แค่น้องหมาตัวนั้นมันยังไม่ยอมไปไหนนี่สิ
“มองขนาดนี้ คงชอบฉันจริงสินะ” เดี๋ยวนะแสดงออกขนาดนี้ ยังคิดไปได้ นี่ตาเขามีปัญหา หรือว่าหน้าเธอมันสื่ออารมณ์ผิดเพี้ยนกันแน่
“ก็บอกวาไม่ได้ชอบก็ไม่ได้วิโว้ย พูดไม่รู้เรื่องเหรอ” เธอขึ้นเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด กไม่รู้ว่าระหว่างคนกับหมา อย่างไหนที่ทำให้เธอหงุดหงิดมากกว่ากัน
“ใครสั่งใครสอนให้เธอพูดจาแบบนี้กับผู้ใหญ่หายัยเด็กแก่แดด เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับมาตีซะให้เข็ด” เขาเอ็ดคนพูดไม่เพราะเสียงเขียว
“งั้นก็คงเป็นโชคดีของฉันที่ไม่ได้เกิดเป็นน้องของผู้ชายที่พูดจาไม่รู้เรื่องอย่างคุณ”
“ฉันพูดไม่รู้เรื่องตรงไหน” เสียงเขาเข้มขึ้นอีก
“ก็ตรงที่ฉันบอกไปแล้วไงว่าไม่ได้ชอบๆ เข้าใจไหมว่าไม่ได้ชอบ” เธอแทบตะโกนใส่หน้า ด้วยหวังว่าเขาจะเข้าใจและไม่กล่าวหาเธออีก
“ถ้าไม่ชอบก็ลงไปสิ” ไม่พูดเปล่าแต่พ่อคุณยังพยายามจะดันตัวเธอออกด้วย
“คุณก็ไล่หมาคุณออกไปก่อนสิ ไม่งั้นฉันไม่ลงจริงๆ ด้วย” เธอยืรนยันเสียงแข็งพร้อมกับกอดเกี่ยวเขาแน่นขึ้นอีก
“ไม่ลงก็แปลว่าชอบ”
“ไม่ได้ชอบ”
“งั้นลง”
“ไม่ลง”
“งั้นก็แปลว่าชอบ”
“เออ! ชอบก็ชอบ พอใจรึยัง” เธอตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด
“ยัง