“นัง…” ชายกักขฬะเงื้อมือหมายจะตบ ถ้าไม่ติดว่ามือนั้นถูกคว้าเอาไว้ซะก่อน
“มึงเป็นใคร มาแส่อะไรด้วย” ชายคนดังกล่าวสลัดมือออกแรงๆ อย่างกำลังเกรี้ยวกราด
“เป็นใครไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ว่า…ฉันสามารถทำให้แกหลุดจากตำแหน่งเล็กๆ ที่แกพยายามเกาะเป็นเห็บเป็นหมัดอยู่ตอนนี้ได้ก็แล้วกัน จะลองวัดกันสักตั้งไหมล่ะ” เจตต์กระซิบเสียงเขียว แน่นอนว่าสีหน้าท่าทางอีกทั้งบุคลิกที่ดูภูมิฐานของเขา มันทำให้อีกฝ่ายชะงักด้วยความลังเล
“เดี๋ยวจะหาว่าฉันรังแกคนไม่มีทางสู้ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยพวกแกไปก่อน แต่ถ้ามีครั้งหน้า ฉันไม่เอาแกไว้แน่” ก่อนไปชายดังกล่าวก็ยังไม่วายหันมาขู่อาฆาต
“อย่าหวังจะมีครั้งหน้าเลยไอ้ขยะสังคม อย่างแกต้องตายเพราะกระแสโซเชียลวันนี้แหละ” มีนาหยักยิ้มมุมปากหลังพบว่าหลายคนตรงนั้นแอบถ่ายคลิปไว้ เชื่อเถอะว่ามันจะต้องถูกเผยแพร่และกระฉ่อนไปทั่วโซเชียลภายในไม่กี่นาทีนับจากนี้
“ไป…กลับ” จู่ๆ เจตต์ก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมไหล่เปลือยเปล่าของเธอ มิหนำซ้ำยังโอบประคองให้เธอเดินไปพร้อมกันอีก
“เดี๋ยวๆ คุณ จะพาฉันไปไหนเนี่ย ฉันยังทำงานไม่เสร็จ” หลังจากตั้งสติได้ เธอก็พยายามขืนตัวเอาไว้เพื่อจะกลับไปทางเดิม
“จะกลับไปยืนล่อตะเข้ ให้ไอ้พวกบ้ากามมันเข้ามาลวนลามอีกรึไง หรือว่าจริงๆ แล้วที่แต่งตัวแบบนี้เป็นเพราะว่าเธอก็ชอบ”
“ปากเสีย ฉันจะแต่งตัวยังไงแล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย ฉันล่ะไม่เข้าใจสังคมทุกวันนี้จริงๆ เอะอะก็โทษว่าเป็นความผิดของผู้หญิง ทั้งๆ ที่มันเกิดจากสันดารและตัณหาของผู้ชายเลวๆ พวกนั้นต่างหาก ผู้ชายอะนะถ้ามันจะชั่ว ต่อให้เราแต่งตัวมิดชิดจนถึงคอ มันก็ชั่วอยู่ดี” เธอสลัดตัวออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยความโมโห
“หรือเธอจะเถียงว่าการแต่งตัวของเธอมันไม่ได้ดึงดูดให้ไอ้บ้านั่นมันกล้าเข้าทำแบบนั้นกับเธอ”
“ก็ใช่ การแต่งตัวของฉันอาจจะทำให้ไอ้เลวนั่นใช้เป็นข้ออ้างในการทำเรื่องชั่วๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเลวแบบนั้นนี่ อย่างน้อยคุณคนนึง ที่ไม่ได้พิศวาสในรูปลักษณ์วันนี้ของฉัน”
“แน่นอนสิ ก็ไม่ใช่ทุกคนจะชอบพริตตี้หมากระเป๋าแบบเธอนี่” เขาสวนกลับแทบจะทันที
“เหอะ! ฉันก็ไม่ชอบผู้ชายอย่างคุณเหมือนกันแหละ ถึงจะหล่อแต่ถ้าปากเสีย ฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่ ฉันจะกลับไปทำงานของฉันต่อให้เสร็จ ส่วนคุณก็กลับไปอยู่กับลูกกับเมียคุณโน่น” เธอทำท่าจะผละออกมา แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะเสียงของเขาอีก
“ฉันไม่มีเมีย” เขาเผลอโพล่งออกมาเสียงดัง
“แล้วคุณจะบอกฉันเพื่อ? ” คำถามเธอทำเอาเขาถึงกับผงะ
‘เออ…นั่นสิ แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้เจตต์ ไปบอกเขาเพื่อ? ’ เขาก่นด่าตัวเองในใจ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอะไรดลใจให้พูดออกไปแบบนั้น แต่เมื่อพูดไปแล้ว ก็คงต้องแก้สถานการณ์ไปก่อน
“ก็ให้เธอรู้เอาไว้ จะได้ไม่หาว่าฉันมีลูกมีเมียแล้วยังทำท่าชีกอใส่เธออีกยังไงล่ะ” ให้ตายสิ! มันเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย
“ก็คุณบอกเองว่าไม่ชอบหมากระเป๋าแบบฉัน แล้วจะพูดเพื่อ? ทำอย่างกับกลัวแฟนจะเข้าใจผิดอย่างนั้นแหละ แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด งั้นฉันไปล่ะ” สิ้นเสียงเธอก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่แยแสเขาอีก ในขณะที่เขากลับยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม รู้สึกเหมือนกำลังถูกเธอทำให้เสียการทรงตัวยังไงยังงั้น