บทที่ 2(2)

1592 คำ
“เดี๋ยวฉันจะไปถามคนในออฟฟิศแล้วกัน” ส่ายหัวให้กับเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเผชิญ เขาไม่ได้เป็นคนใจดำกับลูกน้อง ตรงข้ามด้วยซ้ำ ใครๆ ต่างรู้ดีว่าฆนนาทเป็นเจ้านายที่ดูแลทุกข์สุขของคนในปกครองได้ดีเยี่ยมคนหนึ่ง แต่ที่เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่นี่ เป็นเพราะเขากำลังนึกตำหนิตัวเองที่มองข้ามรายละเอียดของคนในปกครองอย่างไม่น่าให้อภัยเลย “ขอบคุณค่ะนาย” นางอิ่มยกมือไหว้ขอบคุณอยู่หลายครั้ง จนผู้เป็นนายต้องยกมือขึ้นห้าม แล้วลุกออกไปจากโต๊ะหลังจากจัดการกับอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว “เจ้าประคุณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณของนายชด ช่วยนำทางให้นายด้วยเถอะ” นางอิ่มนึกภาวนาในใจ เพราะใจหวั่นๆ กลัวว่าเจ้านายจะหาบ้านนายชดไม่เจอ และอดนึกเป็นห่วงลูกสาวตัวน้อยของเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีไม่ได้ ภายในตึกสำนักงานขนาดสามชั้นของไร่องุ่นขนาดใหญ่ ตอนนี้เหล่าคนงานชายถูกเรียกเข้ามาพบเจ้านายหนุ่มอย่างเร่งด่วน ทุกคนนั่งรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเมื่อผู้จัดการบอกว่าจะสอบถามเรื่องเกี่ยวกับนายชด “เอาล่ะ มากันหมดแล้วใช่ไหม คนที่รู้จักและสนิทกับนายชด” เสียงผู้จัดการหนุ่มร่างสูงชะลูด ผิวคล้ำแดด กวาดมองสำรวจคนงานจำนวนเกือบยี่สิบคนที่นั่งอยู่บริเวณห้องโถงรับแขกของสำนักงาน “พวกเราก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายครับผู้จัดการ เพราะพี่ชดแกเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด วันๆ ทำแต่งาน พอเลิกงานก็รีบกลับบ้าน” นายสน คนงานอาวุโสที่สุดลุกขึ้น เมื่อมองหน้ากับบรรดารุ่นน้องแล้วก็เห็นยังนั่งนิ่งไม่มีใครกล้าพูดอะไร คงเพราะตื่นสถานที่นั่นเอง “ใช่ครับผู้จัดการ พี่ชดแกขยัน นิสัยดี มีน้ำใจกับพวกเราครับ แต่ติดตรงที่ไม่ค่อยพูด เลยไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องครอบครัวแกเท่าไหร่” นายจักร หนุ่มผิวดำช่วยเสริมอีก เพราะเขาก็ถือว่าสนิทกับนายชดเหมือนกัน “อ่อ...นายมาพอดี” ผู้จัดการหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นร่างสูงของผู้เป็นเจ้านายเดินเข้ามาสมทบ ทุกคนที่อยู่บริเวณรอบๆ ต่างลุกขึ้นทำความเคารพแล้วกลับลงไปนั่งตามเดิมเมื่อเจ้านายพยักหน้ารับพร้อมกับยกมือเป็นเชิงสั่งให้นั่งลง “มากันเร็วดี ได้เรื่องอะไรไหมคมชาญ” ฆนนาทเอ่ยถามผู้จัดการหนุ่มอย่างเป็นการเป็นงาน ใบหน้าคมดุฉายแววจริงจังจนบรรดาลูกน้องนั่งตัวลีบ “ทุกคนบอกว่าไม่มีใคร รู้จักบ้านนายชดเลยครับนาย” “เป็นไปได้ยังไง ที่อยู่ในใบสมัครงานล่ะ” น้ำเสียงเริ่มห้วนจัดกับคำตอบที่ได้ยิน “เอ่อ...เขียนไว้ว่าไม่มีบ้านเลขที่ครับ มีแต่ที่อยู่ตามบัตรประชาชน” รายละเอียดที่มีไม่ทำให้ทุกอย่างกระจ่างได้เลย เพราะนายชดบอกว่าไม่มีญาติที่ไหน มีแต่ลูกสาวเพียงคนเดียวซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกัน เจ้านายหนุ่มใหญ่ครุ่นคิดอย่างกังวลกับเรื่องราวลึกลับของคนงานคนนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่สองพ่อลูกจะอาศัยอยู่ในป่ามาตั้งหลายปี โดยที่ไม่มีใครรู้จักบ้าน แถมทุกคนยังบอกอีกว่าไม่เคยมีใครเห็นลูกสาวคนที่นายชดเคยเล่าให้ฟัง เด็กคนนี้อยู่ในป่า ไม่ได้ร่ำเรียนเหมือนเด็กทั่วไปหรืออย่างไรกัน “นายครับ ผมนึกออกแล้วครับ” เสียงนายจักรโพล่งขึ้นมาอย่างนึกอะไรออก ดวงตาแสดงอาการตื่นเต้นจนเพื่อนๆ รอลุ้นไปด้วย “ว่าไงจักร” เจ้านายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถาม ในใจก็แอบดีใจเหมือนกันหากมีอะไรคืบหน้า “ไอ้กล้าครับ ไอ้กล้ามันเคยเล่าว่าพี่ชดเคยพามันไปเที่ยวบ้าน” “แล้วไอ้กล้ามันไปไหน ทำไมยังไม่มา” ฆนนาทหันมองทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่เห็นนายกล้าคนที่ถูกพูดถึง “อ้าว พาพอดีเลยครับนาย” จักรตะโกนเรียกหนุ่มร่างเตี้ยผิวเข้มที่วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “หวัดดีครับนาย หวัดดีครับผู้จัดการ” กล้ายกมือไหว้แล้วเดินตัวลีบเข้าไปแอบอยู่ด้านหลังของจักร เมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียด ดวงตาคมวาววับที่จ้องมองนั่นทำให้เสียวสันหลังแปลกๆ “นายเคยไปบ้านนายชดใช่ไหมกล้า” เสียงเข้มเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นนายกล้า “เอ่อ...ครับนาย ตั้งแต่ปีที่แล้วครับ” กล้าเอ่ยเสียงเบา สีหน้าแสดงความงุนงงเล็กน้อย “ยังจำทางได้ไหม” “ก็พอจำได้ครับ บ้านแกอยู่ลึกเข้าไปในป่า เลยน้ำตกไปครับ” กล้าพยายามนึกเส้นทางที่ยังพอจำได้ “ดี...งั้นคมจัดคนให้พร้อม เราจะได้เดินทางเลย” ฆนนาทสั่งงานทันที ส่วนตัวเองเดินขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นสองเพื่อเซ็นเอกสารด่วนสองสามฉบับ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน พอเสร็จร่างสูงก็เดินลงมาด้านล่างเพื่อสมทบกับกลุ่มคนงานที่ยืนรอกันอยู่ห้าหกคนพร้อมกับนายกล้าคนนำทาง ป่าทึบท้ายไร่ที่เป็นอาณาจักรของไร่กฤษติกา ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มากเพราะผู้เป็นเจ้าของ ต้องการเก็บรักษาธรรมชาติเหล่านี้เอาไว้ให้คงเดิมมากที่สุด และยังออกกฎสั่งห้ามใครเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเนื่องจากป่าแห่งนี้เป็นป่าลึก มีอันตรายอยู่เต็มไปหมดอีกทั้งฆนนาทยังอยากเก็บน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม เอาไว้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว ไม่ต้องการให้ใครเข้าไปรบกวนยามพักผ่อน กลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนเจ็ดคนพร้อมอาวุธครบมือ เดินลึกเข้าป่าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปราวชั่วโมงเศษพวกเขาแวะพักบริเวณน้ำตกส่วนตัวของเจ้านาย และออกเดินทางกันต่ออย่างเร่งรีบเพราะอยากกลับออกมาก่อนตะวันตกดิน กระท่อมหลังน้อยทำด้วยเปลือกไม้ขนาดใหญ่ ถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นไม้ยืนต้นหลากชนิด รอบๆ บริเวณ ตัวบ้านยกพื้นสูง ดวงตาคมดุสังเกตเห็นแปลงผักขนาดย่อมสามสี่แปลง ถัดไปเห็นราวตากผ้าที่ทำจากกิ่งไม้สองอันปักลงดินแล้วใช้เชือกปอผูกง่ายๆ ความเงียบที่โรยตัวอยู่รอบบริเวณ ทำให้ทั้งเจ้านายและกลุ่มคนงานที่ยืนอยู่หน้ากระท่อมเริ่มออกอาการขนลุกแปลกๆ ในใจแต่ละคนคงกำลังคิดว่าลูกสาวของนายชดอาศัยอยู่ที่นี่จริงหรือ เพราะดูจากสภาพบรรยากาศรอบๆ แล้ว ขนาดพวกเขาเป็นผู้ชายอกสามศอกแท้ๆ ยังนึกกลัว สรรพสิ่งรอบกายมันดูวังเวงเงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงสัตว์น้อยใหญ่ส่งเสียงกันระงมไปหมด “เฮ้!...มีใครอยู่ไหม” นายกล้าตะโกนส่งเสียงนำไปก่อน สองเท้าค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้กับบันไดไม้ไผ่ช้าๆ ดวงตาระแวดระวังหันมองไปรอบตัวอย่างหวาดกลัว “สวัสดี มาใครอยู่ไหม” ฆนนาทส่งเสียงตามไปอีกครั้ง เมื่อยังไม่เห็นวี่แววของผู้เป็นเจ้าของบ้าน “นายครับ คงไม่มีใครอยู่บ้านแน่ๆ เลยครับ” นายกล้าหันมาขอความเห็น พร้อมกับเดินกลับมารวมกลุ่ม เสียงที่ดังอยู่ด้านล่าง ทำให้ร่างบางของหญิงสาวที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่สะดุ้งสุดตัว ดวงตากลมหันมองไปรอบห้องหาสิ่งผิดปกติ เสียงทุ้มกังวานที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้แน่ใจว่าหูเธอไม่ฝาดแน่ นายาลุกนั่งชันเข่ากับพื้น วางหนังสือเล่มหนาไว้ข้างตัว ร่างบางเดินเข่าไปใกล้หน้าต่างเงียบๆ พยายามมองรอดผ่านช่องไม้ลงไปบริเวณหน้าบ้าน พลันร่างบางชาวูบไปทั้งตัวเมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนไม่น้อยเดินป้วนเปี้ยนอยู่เต็มด้านล่าง ริมฝีปากบางสั่นระริกอย่างหวาดกลัวเมื่อคิดถึงอันตรายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น “พ่อจ๋า ช่วยด้วย” พึมพำในใจนึกถึงบิดา บุคคลเดียวซึ่งจะเป็นที่พึ่งให้เธอได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าท่านหายไปไหน ทำไมยังไม่กลับมา ปกติพ่อชดจะกลับบ้านตรงเวลาไม่เคยปล่อยให้เธอต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว นายาหันซ้ายหันขวาอย่างสับสน มือไม้สั่นระริกอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เหงื่อเม็ดเล็กผุดเต็มหน้าผาก มือบางชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อจากความกลัวสุดชีวิต พลันเสียงแผ่วกังวานดังก้องอยู่ข้างหู ‘ออกไปพบเขา นายา’ เสียงที่ดังมาจากที่ไกลแสนไกลแต่ชัดเจนยิ่งนัก ก้องกังวานกลับไปกลับมาเปรียบเสมือนไออุ่นแสนบางที่กำลังโอบล้อมอยู่รอบกาย ขจัดอาการหนาวเหน็บจากความสั่นกลัวที่สาวบ้านป่ากำลังเผชิญ สาวน้อยพยามยามรวบรวมสมาธิ และสติที่แตกกระเจิงไร้ทิศทางจนคิดอะไรไม่ออก สูดหายใจลึกเรียกความเข้มแข็งที่พ่อชดเคยปลูกฝังมาตั้งแต่จำความได้ “แม้เป็นหญิงแต่ลูกพ่อต้องดูแลตัวเองได้ จงมีสติ ไตร่ตรองทุกสิ่งรอบตัว อย่าให้ความกลัวมันครอบงำจนทำให้เราตกที่นั่งลำบาก” คิดได้ดังนั้น นายาค่อยๆ คลานเข่าช้าๆ เข้าหาหน้าต่างไม้ไผ่ปิดสนิทที่อยู่ไม่ไกล มือบางยกขึ้นดันขอบหน้าต่างแง้มออกเพียงนิด แล้วสอดส่ายสายตาสังเกตรอบบริเวณลานเล็กๆหน้าบ้าน เหล่าชายฉกรรจ์ที่เดินไปเดินมาอยู่นั้นมีจำนวนมากก็จริง แต่ท่าทางที่เดินสำรวจบ้านของเธอดูไม่มีลักษณะคุกคามหรือแววตากระหายอยากต่อสิ่งใด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม