บทที่ 2(1)

1563 คำ
“นายครับ วันนี้จะเข้าออฟฟิศหรือเปล่า” เสียงตะโกนดังมาจากหนุ่มหน้าเข้มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถกระบะคันใหญ่ “ไป แต่พวกเอ็งไปกันก่อน เดี๋ยวข้าตามไปตอนสาย” ผู้ถูกเรียกว่า “นาย” ตะโกนตอบ เสร็จแล้วเดินหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่นภายในไร่องุ่นขนาดหลายพันไร่ “รับอาหารเช้าก่อน หรือจะอาบน้ำก่อนคะนาย” เสียงแม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้ามาส่งผ้าขนหนูผืนเล็กให้กับผู้เป็นเจ้านาย หลังจากที่ชายหนุ่มเสร็จจากวิ่งออกกำลังในตอนเช้าเหมือนเช่นทุกๆ วัน พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลนอบน้อม “อาบน้ำก่อนดีกว่า สิบห้านาทีตั้งโต๊ะเลยแล้วกัน” เสียงเข้มตอบกลับแล้วหันตัวก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน ร่างสูงใหญ่ผิวคร้ามแดด เดินเข้ามาในห้องนอนส่วนตัว สายตาคมดุกวาดมองหาผ้าเช็ดตัวที่เคยถูกจัดเตรียมไว้แล้วเดินหายเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ฆนนาท บลูโน่ กษิติธร เจ้าของร่างสูงใหญ่เชื้อสายไทยอเมริกัน อายุสามสิบเจ็ดปี ผู้มีใบหน้าคมสันจากส่วนผสมที่ลงตัวจากสองเชื้อชาติ ดวงตาดุน่าเกรงขามเต็มไปด้วยความเด็ดขาดน่ากลัวยามที่มันลุกเรืองรองด้วยความกรุ่นโกรธ เขาเป็นเจ้าของไร่องุ่นที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือของไทย ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากบิดาที่เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับมารดาของเขาเมื่อสามปีที่แล้ว ฆนนาท ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้เพียงลำพัง เนื่องจากเพิ่งหย่าร้างกับภรรยาสาวสวยหลังเสร็จจากงานศพบุพการีได้เพียงไม่กี่วัน เพราะหล่อนไม่ต้องการใช้ชีวิตที่แห้งแล้งปราศจากแสงสี ท่ามกลางต้นไม้มากมายที่ไม่มีชีวิตชีวา แม้จะได้รสชาติความตื่นเต้นจากชายผู้เป็นสามี! แต่ความแข็งกระด้างเย็นชาไม่ต่างจากหุ่นยนต์ ก็เป็นสิ่งที่หล่อนไม่อาจทนได้เช่นกัน! เมวิษาเป็นสาวสังคมที่ไม่ยอมตัดขาดจากความฟุ้งเฟ้อ หล่อนชอบเที่ยวกลางคืน ชอบพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ชีวิตประจำวันของหล่อนคือการเดินช็อปปิ้งตามห้างและนั่งกินอาหารร้านหรูกับเพื่อนๆ ที่มักจะแวะเวียนมาหาไม่เว้นแต่ละวัน ตลอดการแต่งงานสามปีตามคำแนะนำของมารดาเขา เมวิษาและฆนนาทเหมือนตกอยู่ในเพลิงมรณะร้อนรุ่ม เขาซึ่งเป็นชาวไร่มาตั้งแต่เกิด ชอบชีวิตเงียบสงบท่ามกลางความร่มรื่นของธรรมชาติรอบตัว ส่วนเมวิษานั้นรักชีวิตที่เต็มไปด้วยแสงสีศิวิไลซ์กับผู้คนมากมาย ชีวิตการแต่งงานเริ่มต้นด้วยความราบรื่น เพราะทั้งคู่ยังใหม่ รสรักแสนเร่าร้อนที่ต่างช่วยกันเติมเต็มให้กันไม่ขาด การพะเน้าพะนอเอาใจภรรยาแสนสวยตามที่หล่อนร้องขอ เป็นอะไรที่ฆนนาทเห็นว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ทำแล้วเขาจะได้รางวัลตอบแทนเป็นเซ็กส์ร้อนแรงในช่วงค่ำคืน แต่เพียงเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน เซ็กส์ร้อนแรงกับความวุ่นวายจากบรรดาเพื่อนๆ ภรรยา ที่ขยันแวะเวียนมาเยี่ยมไม่ซ้ำหน้าในทุกๆ วัน งานปาร์ตี้ที่ถูกจัดขึ้นแทบจะวันเว้นวันจากบริษัทออแกไนซ์ชื่อดังจากกรุงเทพฯ เริ่มทำให้ฆนนาทรู้สึกรำคาญและอึดอัด บ้านที่เคยสงบสุขต้องเปิดรับแขกมากหน้าหลายตาจนเขาแทบจำหน้าไม่เคยได้ ทุกสิ่งที่เข้ามาทำให้เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตคู่จนหันกลับไปทำงานอย่างบ้าคลั่งไม่มีเวลามาคอยออกงานต้อนรับแขกของภรรยา ใหม่ๆ เมวิษาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอนานวันเข้า หล่อนเริ่มโวยวายอารมณ์เสียเมื่อเขาปฏิเสธงานปาร์ตี้ของเธอ และสั่งให้ย้ายจากบ้านไปจัดที่โรงแรมในตัวเมืองแทนในครั้งหลังสุดที่เกิดการทะเลาะกันจนแทบไม่มองหน้า ความห่างเหิน ความเบื่อหน่ายเข้ามาแทนที่ชีวิตคู่ บวกกับลักษณะการใช้ชีวิตที่สวนทางกันทำให้การแต่งงานที่ผู้คนทั้งประเทศต่างอิจฉาจบลง!หลังจากเมวิษาเดินเข้ามาบอกเขาว่าเธอมีคนใหม่ และขอหย่าเพราะตอนนั้นเธอกำลังท้อง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่ลูกของเขาแน่ๆ! ฆนนาทจำได้ว่าตอนนั้นเขาโกรธจัดจนแทบจะกลายร่างเป็นฆาตกรฆ่าเมียตัวเองกับชู้รัก แต่ด้วยสติที่ยังหลงเหลือ กับภาพเขียวขจีที่โอบล้อมอยู่รอบตัว ทำให้เขารีบจัดการหย่าขาดพร้อมกับไล่ผู้หญิงคนนั้นออกจากบ้านอย่างไม่ไยดี หากใครถามเขาว่าเสียใจไหมกับความล้มเหลวในชีวิตคู่ ฆนนาทบอกได้เลยว่าเขาไม่เคยเสียใจ เพราะอะไรเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกโล่งเหมือนกับยกก้อนหินหนักๆ ออกไปจากชีวิต สิ่งเดียวที่เขาพอนึกออกคือ เขาอาจไม่เคยรักเมวิษา! เพราะการแต่งงานถูกจัดขึ้นตามความต้องการของผู้ใหญ่ ตลอดสามปีที่หย่าร้าง ฆนนาทใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และอาจจะสุขมากด้วยเพราะมีสาวๆ มากมายแวะเวียนเข้ามาให้เขาได้เสพสุขไม่เว้นวัน ความคิดต่างๆ หยุดลง หลังจากร่างสูงเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งรอให้แม่บ้านยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ “ขอบใจ” เอ่ยสั้นๆ แล้วยกกาแฟดำขึ้นจิบ มือแกร่งเอื้อมหยิบหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจขึ้นมาเตรียมจะเปิดอ่านอย่างเช่นทุกวัน “เอ่อ...นายคะ” แม่บ้านร่างอวบเอ่ยเบาๆ อย่างเกรงใจ สองมือที่กุมอยู่บีบเข้าหากันจนชื้นเหงื่อ หลังจากรวบรวมความกล้ามานานกับเรื่องนี้ “มีอะไร” น้ำเสียงเรียบนิ่ง ดวงตายังจดจ้องอยู่กับข่าวสารตรงหน้า “เอ่อ...คือเรื่องศพนายชดน่ะค่ะ” นางอิ่มพูดออกไปด้วยเสียงสั่นๆ เมื่อนึกถึงบุคคลที่ล่วงลับ “ก็บอกให้ญาติมารับไปจัดการสิ” ฆนนาทวางหนังสือพิมพ์ในมือ หันมามองคู่สนทนาอย่างจริงจัง เมื่อนึกได้ว่าเมื่อวันก่อนมีคนงานหัวใจวายเสียชีวิตกะทันหัน แต่เขาก็บอกให้ผู้จัดการดูแลและจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายไปแล้วนี่ ยังจะมีปัญหาอะไรจนนางอิ่มผู้เป็นแม่บ้านคนสนิท ต้องออกหน้าอีก “คืออิฉันทราบมาว่า นายชดไม่มีญาติที่ไหนค่ะ แต่แกเคยเล่าให้ฟังว่ามีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง...” นางอิ่มรีบรายงานเพราะรู้ดีว่าเจ้านายเป็นคนใจร้อน ถ้าขืนมัวอ้ำอึ้ง มีหวังเรื่องที่จะขอคงหมดหวังเอาง่ายๆ “ก็ไปบอกลูกนายชดสิ ส่วนเรื่องงานศพ ทางเราก็ออกค่าใช้จ่ายให้อยู่แล้ว เรื่องเงินชดเชยก็จัดให้ตามสมควรนั่นแหละ” เอ่ยเสียงเข้ม ขณะก้มลงจัดการกับข้ามต้มปลากลิ่นหอมตรงหน้า “เอ่อ...ไม่มีใครรู้จักบ้านนายชดค่ะนาย แล้ว...เอ่อ ไม่มีใครเคยเห็นลูกสาวนายชดด้วยค่ะ” “อะไรนะ! นี่นายชดทำงานกับเรามากี่ปี ไม่มีใครเคยรู้จักบ้าน ไม่มีใครรู้จักครอบครัวเขาเลยสักคนเนี่ยนะ ทำงานอยู่ด้วยกันทุกวัน พวกมันไม่เคยพูดคุยกันเลยหรือไง” ฆนนาทเงยหน้าขึ้นมาส่งเสียงดุใส่ เมื่อได้รับรู้เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ด้วยความที่เขามีคนงานในไร่หลายร้อยคน เขาไม่มีความสามารถมากมายขนาดจะจำรายละเอียดของคนงานทุกคนได้หมดหรอก ยิ่งคนงานรายวันอย่างนายชดที่มีหน้าที่แค่ในแปลงปลูกด้วยแล้ว ฆนนาทจึงรู้จักแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่ในบรรดาเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันกับนายชดจะไม่รู้ หรืออีกคนที่ยิ่งต้องรู้ก็คือหัวหน้าฝ่ายบุคคลของไร่ แล้วทำไมนางอิ่มถึงบอกว่าไม่มีใครรู้ “ไม่มีใครรู้ค่ะนาย มีบางคนบอกว่านายชดมีบ้านอยู่ในป่าลึก และอยู่กับลูกสาวแค่สองคนเท่านั้น อิฉันเคยคุยกับเขาเหมือนกันแต่ก็ทราบเพียงว่าบ้านหลังนั้นอยู่ลึกเข้าไปในป่าท้ายไร่ค่ะ เดินเท้าเข้าไปก็หลายชั่วโมงสำหรับคนรู้ทาง แต่ถ้าคนไม่เคยเข้าไปคงนานเหมือนกัน” นางอิ่มก้มหลบสายตาดุของเจ้านาย แต่ด้วยสัญญาที่นายชดเคยขอเมื่อหลายวันก่อนทำให้นางต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด ถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมมากมาย แต่จากการพูดคุยช่วยเหลือกันมาหลายครั้ง ทำให้นางอิ่มรู้สึกว่านายชดเป็นคนดีคนหนึ่ง และการฝากฝังลูกสาวให้ช่วยดูแลหากเกิดอะไรขึ้นราวกับรู้ล่วงหน้านั่น ทำให้นางเพิกเฉยไม่ได้ เพียงแค่รู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงอยู่ในป่าคนเดียวลำพัง นางอิ่มก็รู้สึกห่วงใยส่งสารจนต้องรีบหาทางส่งข่าวเรื่องการตายของพ่อให้รู้ และคนที่พอจะช่วยเรื่องนี้ได้ก็มีแต่นายเท่านั้น เพราะไอ้การที่จะให้นางเดินเข้าไปในป่าลึกคนเดียวอย่างไม่รู้จุดหมาย นางก็ทำไม่ได้ “เดี๋ยวฉันจะไปถามคนในออฟฟิศแล้วกัน” ส่ายหัวให้กับเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเผชิญ เขาไม่ได้เป็นคนใจดำกับลูกน้อง ตรงข้ามด้วยซ้ำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม