การแต่งงานผ่านไปอย่างทุลักทุเล ยามที่กำลังยกน้ำชาคำนับฟ้าดิน หลี่รั่วหานก็แกล้งจ้าวไป๋ลู่ โดยการใช้ไหล่ของเขากระแทกไหล่ของนาง จนน้ำชาในถ้วยกระฉอกมาโดนใบหน้าของนางเต็มๆ จ้าวไป๋ลู่เองก็มิยอมแพ้ ยามที่ต้องตักขนมมงคลป้อนให้เขากิน นางก็ตักขึ้นมาเต็มช้อนโดยที่ไม่เป่าให้หายร้อนเสียก่อน ก็ยัดเข้าปากเขาในทันที
ภาพที่เจ้าบ่าวตาเหลือกช่างสร้างความสุนทรีย์ให้คนในงานไม่น้อย
ช่างเป็นงานแต่งที่บันเทิงเสียจริง!!
"เห้อ!!หมิงอวี้ข้าหิวแล้ว"
"ฮูหยินน้อยเจ้าคะ บ่าวจะนำหมั่นโถวมาให้ท่านนะเจ้าคะ"
ยามนี้นางมานั่งพักในเรือนหอเรียบร้อยแล้ว จ้าวไป๋ลู่ยกมือขึ้นลูบท้องด้วยความหิวโหย ให้ตายเถิด การแต่งงานมันช่างทรมาณเสียจริงเชียว
ไม่นานหมิงอวี้ก็นำหมั่นโถวมาให้นางสามลูก จ้าวไป๋ลู่กินจนหมดก่อนจะทิ้งกายลงนอนบนเตียง ความอิ่มทำให้นางรู้สึกง่วงงุนไม่น้อย จึงผล็อยหลับไปเสียอย่างนั้น
หลังจากส่งแขกเหรื่อเรียบร้อยแล้ว หลี่รั่วหานก็เดินเข้ามาในห้องหอก่อนจะสั่งให้หมิงอวี้ออกไปเสีย เขาเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่ และยกเท้าขึ้นมาเขี่ยขานางอย่างรังเกียจ
"อ๊าาาา ซาลาเปาไส้หมูแดง ซดน้ำซุปด้วย เยี่ยม!!!!"
หลี่รั่วหานรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นอกจากนางจะไม่ยอมลุกแล้ว ยังกล้าละเมอถึงของกินอีกด้วย
ตละกละที่สุด!!
"ตื่น!!!ไปนอนพื้นเดี๋ยวนี้ นี่มันเตียงของข้า!!!"
"ห๊า!!ต้องนอนกินที่พื้นถึงจะอร่อยหรือ!!!!!"
หลี่รั่วหานเริ่มหมดความอดทนแล้ว ในระหว่างที่เขากำลังจะยกเท้าขึ้นถีบนางให้ตกเตียง โรคเดิมก็กำเริบขึ้นมาเสียดื้อๆ
บัดซบ!!มันแข็งอีกแล้ว!!
เขายกมือขึ้นจับที่ไปหว่างขาของตนเองก่อนจะมองมาที่จ้าวไป๋ลู่
ฝากไว้ก่อนเถอะเด็กผี!!! ไว้ข้าชักเสร็จแล้วจะมาจัดการกับเจ้า!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลี่รั่วหานจึงรีบเดินไปที่ด้านหลังม่านซึ่งมีอ่างน้ำอยู่ เขาไม่ได้สนใจอ่างน้ำนั้นเท่าใดนัก ยามนี้เขารีบถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมดก่อนจะใช้มือสาวชักลำแท่งแก่นกายขึ้นลงอย่างเมามัน
"อ๊าาาา ชักลงชักขึ้น ชักขึ้นชักลง!!! ซี๊ดดด!!!"
เขาส่งเสียงครวญครางอย่างเสียวสะท้าน นี่เป็นบทสวดสวรรค์ที่เสด็จลุงทรงมอบให้เขา เสด็จลุงบอกว่ายามที่ชักจะต้องท่องบทสวดสวรรค์นี้พร้อมกันไปด้วย จะทำให้พละกำลังที่ข้อมือเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
"โอ้ววว ชักขึ้นชักลง ชักลงชักขึ้น!!!"
ยามนี้เองที่จ้าวไป๋ลู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาพอดี นางขยี้ตาก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
"ผู้ใดมาท่องชักลงชักขึ้น ชักอันใดกัน!!!เอ๊ะ นั่น ใครน่ะ!!"
เมื่อมองฝ่าความมืดที่มีเพียงแสงเทียนเลือนราง นางจึงเห็นว่ามีใครบางคนกำลังทำบางสิ่งอยู่ที่หลังม่านผืนบางนั้น
หรือว่าจะเป็น?
โจร!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจ้าวไป๋ลู่จึงเดินเข้าไปใกล้ม่านนั้นอย่างช้าๆ มือของนางถือหมอนเอาไว้แน่น หากเป็นโจรจริงๆนางจะฟาดมันให้ตายคาหมอนนี่เสีย!!!
นางค่อยๆเยื้องย่างกาย
ทีละก้าว
ทีละก้าว
"ชักขึ้นชักลง ชักลงชักขึ้น!!!!!"
"เจ้า โจร....."
"ชักขึ้นชัก.....โว๊ยยยยยย!!!!"
ภาพที่เห็นทำให้จ้าวไป๋ลู่ถึงกับต้องยกมือขึ้นทาบที่หน้าอกของตนอย่างตื่นตะลึง!!
พระโพธิสัตว์ช่วยด้วย!!!งูยาวมากเจ้าค่ะ!!!
"นี่เจ้า!!ไสหัวไป๊!!!"
"ไปแล้วเจ้าค่ะ เชิญท่านชักต่อเถิด ข้าจะไปนอนแล้ว!!!"
ไม่ต้องอาบแล้วน้ำ นอนมันทั้งแบบนี้นี่แหละ!!!
จ้าวไป๋ลู่สูดหายใจเข้าลึกๆโดยที่มือยังคงตบที่หน้าอกตนเองไม่หยุด
อามุตตาพุท ใหญ่ หนอ ยาว หนอ!!!
ไม่ใช่ สิ!!
หลี่รั่วหานใบหน้าแดงกล่ำด้วยความอับอาย คืนนั้นทั้งคืนเขาทำได้เพียงนอนเอนกายพิงอ่างน้ำอยู่เช่นนั้นจนถึงรุ่งสาง
ยามเช้ามาถึง หลังจากเรียบร้อยแล้ว นางก็มารับสำรับยามเช้าที่โต๊ะอาหาร เมื่อมาถึงก็พบว่าหลี่รั่วหานกำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"ไร้มารยาท ให้ข้ารอเจ้าเป็นนานสองนาน ไม่แหกตาดูหรือ!!!"
"ขออภัยเจ้าค่ะ เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ"
"เหตุใดจึงนอนไม่หลับ"
"เอ่อ..."
จ้าวไป๋ลู่เอ่ยพลางจ้องมองไปยังหว่างขาของหลี่รั่วหานด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงถลึงตามองนางทันที
"อย่าคิดลวนลามข้าทางสายตา สตรีเช่นเจ้าไม่มีสิทธิ์จะได้เห็นทุกส่วนบนร่างกายของข้าจำเอาไว้!!"
"เจ้าค่ะ"
จ้าวไป๋ลู่ไม่อยากเถียงกับเขาให้มากความ ให้ตายเถิด เมื่อคืนนางเห็นจนหมดแล้ว เขาลืมไปแล้วหรือ!!
"อิ่มแล้วก็รีบไปคาราวะท่านแม่ ชักช้าน่ารำคาญ!!!"
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินนำหน้านางไปที่เรือนใหญ่ทันที
องค์หญิงหงลี่และแม่ทัพใหญ่ดีต่อนางไม่น้อย อีกทั้งยังเอ็นดูนางมากอีกด้วย จ้าวไป๋ลู่จึงค่อนข้างวางใจลงได้เป็นอย่างมาก แม้หลี่รั่วหานจะไม่ดีกับนางก็ตาม แต่ตราบใดที่แม่สามียังคงเมตตานาง นางย่อมใช้ชีวิตในจวนโหวได้อย่างราบรื่นเป็นแน่
วันทั้งวันในจวนโหวผ่านไปอย่างเรียบง่าย จ้าวไป๋ลู่ทำขนมและอาหารให้แม่สามีได้ลองชิมอย่างตั้งใจ อีกทั้งฝีมือการแกะสลักผักผลไม้ของนางก็ดีเยี่ยมไม่แพ้ผู้ใดอีกด้วย
องค์หญิงหงลี่เองก้อมิได้เร่งรัดให้นางกับหลี่รั่วหานร่วมหอกันอย่างจริงจัง องค์หญิงหงลี่ย่อมรู้นิสัยของบุตรชายตนเองดียิ่งกว่าผู้ใด
เวลาล่วงเลยมาถึงยามบ่าย จ้าวไป๋ลู่รู้สึกเบื่อหน่ายไม่น้อย นางจึงออกมาเดินเล่นที่สวนท้ายจวนเพียงลำพัง นางมองเห็นชิงช้าต้นเรื่องที่ทำให้นางกับหลี่รั่วหานต้องมาแต่งงานกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"อื้อออ!!"
เอ๊ะ!!เสียงผู้ใดกัน!!
จ้าวไป๋ลู่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเดินตามเสียงนั้นไปที่ด้านหลังต้นสาลี่ นางเห็นเหมือนมีคนกำลังทำบางสิ่งอยู่
"ชักขึ้นชักลง ชักลงชักขึ้น!!"
"ซื่อจื่อ!!!"
"โว๊ยยยยยย!!เจ้าอีกแล้ว!!"
หลี่รั่วหานที่กำลังรูดชักลำแท่งเอ็นร้อนอย่างเมามันที่ใต้ต้นสาลี่หันขวับมามองจ้าวไป๋ลู่ทันทีด้วยความตกใจ เดิมทีเขาคิดว่าตรงนี้ปลอดผู้คนแล้วเสียอีก แต่เด็กผีนี่กลับโผล่มาเสียได้!!!
"ชู่ว์!!อย่าเสียงดังเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวไพร่มาเห็นเข้ามันจะไม่งามนะเจ้าคะ!!"
จ้าวไป๋ลู่ยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปากก่อนจะมองซ้ายทีขวาที สร้างความสงสัยให้หลี่รั่วหานไม่น้อย
"เจ้ามองสิ่งใด!!"
"มองคนเจ้าค่ะ!!"
จ้าวไป๋ลู่กระซิบกระซาบกับเขาอย่างระมัดระวัง
"ซื่อจื่อ ท่านชักต่อเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะดูต้นทางให้เอง"
"ห๊า!!"
จ้าวไป๋ลู่เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง หลี่รั่วหานกัดฟันกรอด ก่อนจะเอ่ยทีละคำด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ไส หัว ไป!!"
"ไม่ได้เจ้าคะ ดูจากอาการก็รู้ว่าท่านใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว ข้ารู้เจ้าค่ะ ท่านพ่อกับพี่ชายข้าก็ชอบทำเช่นนี้บ่อยๆ เร่งมือเถิดเจ้าค่ะ!! เอาให้เต็มที่ ข้าจะดูต้นทางให้ท่านเอง ถ้ามีคนมาข้าจะรีบบอกท่านทันที"
หลี่รั่วหาน อ้าปากค้าง นี่มันเรื่องบัดซบใดกัน!!
นางจะดูต้นทางให้เขาด้วย!!
แม้จะสงสัยแต่ยามนี้ไม่มีเวลาแล้ว เขาใกล้จะเสร็จสมแล้ว ขืนหยุดกลางคันย่อมไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพเป็นแน่ อีกทั้งเขายังต้องชักแข่งกับเสด็จลุงในวันพรุ่งนี้อีกด้วย จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
"เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย"
"ได้เจ้าค่ะ ไว้ใจข้าได้เลย!!!"
เมื่อตกลงกันตามแผนแล้ว หลี่รั่วหานจึงตั้งหน้าตั้งตารูดชักท่อนเนื้อท่อนเอ็นตนเองอย่างถี่ระรัว ในขณะที่จ้าวไป๋ลู่ก็มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง
"อ๊าา ชักขึ้นชักลง ชัก....."
"ชักลงชักขึ้น!!"
"บัดซบ!!มาท่องตามข้าด้วยเหตุใดกัน!!!"
"ขออภัยเจ้าค่ะ มันจำติดหูข้าเสียแล้ว!!!"
หลี่รั่วหาน "...."