บทที่ 29 เฉียนกวนต๋า

1307 คำ
คุณชายน้อยสกุลเฉียนผู้นั่งอีกฟากหนึ่งของห้องเรียนคอยสังเกตซิวลู่ฉิงอยู่ตลอด เขารู้สึกว่านางเป็นคนที่น่าจะร่ำเรียนได้เป็นอันหนึ่งในชั้น ซึ่งเขาเองจะแพ้ไม่ได้ ในยามที่อาจารย์คอยซักถามในยามสอน ดูเหมือนจะมีเด็กหญิงผู้นี้กับฉีเหยียนเป็นคนผลัดกันตอบ ฝั่งขวาของกระดานที่เขานั่งอยู่ก็มีเขา เหมาถิงถิง และอวี๋อ้ายซ่าง ที่แย่งกันยกมือตอบในหลายๆ ครั้ง เด็กชายคะเนแล้วว่าหากจะชิงอันดับหนึ่งหรือสองในชั้นเรียนนี้ คงต้องเป็นเขากับซิวลู่ฉิง เด็กหญิงร่างท้วมผู้นั้นเป็นแน่ “ทำไมหรือ? เจ้าคิดเป็นแล้วข้าเป็นด้วยไม่ได้หรือไรกัน?” “นี่แน่ะ! เฉียนกวนต๋า ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังพยายามเลียนแบบข้าอยู่? ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว ข้าคุยในห้องเรียน เจ้าไม่ได้คุยเสียหน่อย เหตุใดเจ้าต้องรับผิดด้วย?” “ทำไมหรือ? หากข้ารับผิด เจ้าก็จะได้มีเพื่อนถูกทำโทษ ไม่ดีหรือ?” สีหน้าของเด็กชายสกุลเฉียนดูเหมือนจะตึงมากกว่าเดิม ทว่าใบหน้าของสหายที่นั่งข้างเขากลับยิ่งงอลงไปหนัก “เจ้าก็ไม่น่าบอกว่าเจ้าคุยกับข้าอยู่นี่! ดูสิ! ข้าเลยต้องมานั่งคัดกฎระเบียบเค่อเฉิงเหมือนเจ้าเลย” เฉียนกวนต๋าหันไปมองเพื่อนร่วมโต๊ะแล้วตบหลังเบาๆ “ข้าจะหาขนมอร่อยมาให้เจ้าแทนคำขอโทษก็แล้วกัน” ชิงเว่ยเว่ยส่ายหน้า รู้สึกว่าเฉียนกวนต๋าคงจะจับตามองสหายซิว “ฉิงเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าต้องคอยระวังเขาไว้หน่อยแล้วล่ะ” ซิวลู่ฉิงหรี่ตาลงแอบเหลือบไปทางเฉียนกวนต๋า “ดูเหมือนเจ้าคนแซ่เฉียนจะคอยหาเรื่องข้า” “ใครใช้ให้เจ้าโดดเด่นในชั้นเรียนเล่า? เขาเห็นเจ้าเป็นคู่แข่งแล้วน่ะสิ!” “แข่งเรื่องอะไรกัน?” “เฉียนกวนต๋าเป็นคนเข้มงวด เจ้าระเบียบ และชอบการเป็นผู้นำ ยามเรียนเจ้าตอบคำถามอาจารย์จนได้รับคำชมอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำยังสอบเก็บคะแนนได้มากกว่าทุกคน ข้าว่าลองๆ รวมดูคะแนนของเจ้าน่าจะมาเป็นอันดับหนึ่งในชั้นเรียนนะ” เอ่ยถึงเรื่องนี้ซิวลู่ฉิงทำหน้าภาคภูมิใจ ก่อนจะสอบเข้าสถาบันเค่อเฉิงได้นางตั้งใจร่ำเรียนเขียนอ่านเพราะเห็นเป็นโอกาสจะได้เข้าเรียนพร้อมกับพี่ชายตามที่ท่านพ่อมาดหมาย คหบดีซิวเห็นว่าหากให้นางไปคอยควบคุมซิวอี้เซิงคงจะทำให้เขาเรียนได้ดีขึ้น ซิวลู่ฉิงชอบการเรียนพอๆ กับการอ่านนิยายนักสืบ สิ่งแลกเปลี่ยนในการสอบเข้าได้ในครั้งนี้คือ เงินรางวัลสำหรับซื้อนิยายที่นางชอบหลังจากสอบเข้าได้แล้ว ท่านพ่อของนางก็ยังยื่นข้อเสนอต่อไปว่าหากนางสามารถสอบได้ที่หนึ่งในชั้นเรียนก็จะอนุญาตให้นางอ่านนิยายได้ตามพอใจและยังให้เงินซื้อนิยายไม่จำกัดจำนวนอีกด้วย แต่หากนางทำไม่ได้นางจะต้องถูกจำกัดเวลาในการอ่านนิยายลง “เรื่องคะแนน ข้าไม่มีทางให้ผู้ใดชนะข้าได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าก็จะไม่ได้อ่านนิยายเต็มที่อีกต่อไป” “มิน่า! เจ้าถึงได้อ่านหนังสือคร่ำเคร่งนัก” ซิวอี้เซิงเป็นคนเฉลยว่าซิวลู่ฉิงอ่านหนังสืออยู่แทบตลอดเวลา เขาต้องคอยรบเร้าให้นางออกกำลังอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่หลงป่าไข่มังกรในครั้งนั้น ซิวลู่ฉิงก็ยอมรับว่าร่างกายตนเองอ่อนแอเกินไปจึงได้ยอมทำตามคำรบเร้าของพี่ชาย “เจ้าว่าเฉียนกวนต๋าคิดจะเป็นคู่แข่งของข้า มิใช่ว่า…เขาจะคอยจับผิดพวกเราด้วยนะ” ชิงเว่ยเว่ยหันไปมองเด็กชายสกุลเฉียนอีกครา หากว่าเขาจับตามอง ซิวลู่ฉิงอยู่ตลอดก็อาจจะคอยจับตาดูคนทั้งหน่วยฉีหลินก็เป็นได้ การเป็นสายลับแล้วถูกจับตามองย่อมมิใช่เรื่องดี เห็นทีเรื่องนี้ต้องประชุมในหน่วยเพื่อป้องกันการตามติดของเฉียนกวนต๋าแล้ว ช่วงพักกลางวัน หน่วยฉีหลินก็รวมตัวกันด้านข้างหอสมุดที่เดิมเพื่อประชุมเรื่องของเฉียนกวนต๋า วันนี้ท้องฟ้าครึ้ม ทุ่งหญ้าบนเขาไข่มังกรเมื่อมองไปแล้วดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง อีกอย่างการจะแอบไปดูข้างบนย่อมไม่อาจทำได้เพราะคำสั่งห้ามเป็นที่รับรู้กันทั้งสถาบันแล้ว หากว่าเดินขึ้นทางด้านนี้ย่อมถูกอาจารย์ใหญ่หวังลงโทษ “หากเขาสนใจพวกเรามากเข้า อาจจะรู้ความลับในสักวัน” ซิวอี้เซิงเองก็รู้สึกเหมือนชิงเว่ยเว่ย เขาไม่อยากให้มีคนมาคอยจับตามองคนในกลุ่มตนเอง “ต่อไป เราต้องระวังเฉียนกวนต๋าเพิ่มอีกคน” ฉีเหยียนพยักหน้าหงึกหงัก “คนที่เราต้องคอยจับตามองก็มีอาจารย์ไต้ อาจารย์จง และอาจารย์ใหญ่หวัง รวมเจ้านี่เข้าไปก็เป็นสี่คนแล้ว” ชิงเว่ยเว่ยรู้สึกว่าวันนี้อาจารย์ไต้ดูเคร่งเครียดกว่าเมื่อวาน เมื่อเช้าอาจารย์หนุ่มทั้งสองยืนเคียงคู่พูดคุยหารือกันอยู่หน้าระเบียงอาคารเรียนสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางจึงรีบบอกให้ทุกคนคอยจับตามองเขาให้ดี “อาจจะมีข่าวส่งมาเพิ่มก็ได้” “อืม...อาจารย์จงเองก็ดูท่าทางเคร่ดเครียด” “เราคงต้องหาทางขึ้นดูลาดเลาบนเขาไข่มังกรอีกสักรอบ ข้าอยากรู้ว่าคนพวกนั้นใช่ชนเผ่าที่เราสงสัยหรือไม่?” ชิงเว่ยเว่ยเอ่ยพร้อมมองตาสหาย “ทำไมเราไม่บอกอาจารย์ใหญ่หวังล่ะ?” ฉีเหยียนที่รู้สึกกลัวเงาดำพวกนั้นขึ้นมารีบกวาดสายตาหารือคนรอบวง “บอกไม่ได้! เพราะหากบอกไปแล้ว อาจารย์ใหญ่หวังขึ้นไปหาคนพวกนั้นไม่พบ เราจะกลายเป็นคนที่ฝ่าฝืนกฎของสถาบันและถูกไล่ออกเปล่าๆ น่ะสิ” ซิวอี้เซิงรีบปรามเอาไว้ “อย่าลืมว่าที่เราเห็นพวกเขารอบหลังเป็นเพราะแอบขึ้นไปบนเขาเองนะ” ชิงเว่ยเว่ยทอดสายตาเลยไหล่สหายไปบนเนนเขาไข่มังกร นางคิดว่าหากไม่บุกขึ้นไปในถ้ำเสือมีหรือจะได้ลูกเสือ เห็นทีงานนี้นางกับไห่ฮ่าวควรจะขึ้นไปเสี่ยงซุ่มดูน่าจะดี วิธีออกจากค่ายกลนางจำได้แม่นยำดีแล้ว แต่บางทีอาจจะไม่เป็นจำเป็นลองไปเลียบๆ ดูรอบๆ ค่ายกลก่อนก็ได้ “จริงด้วย! ข้าลืมไป” “อาเหยียน เจ้าไม่ต้องขึ้นไป รอดูลาดเลาข้างล่างนี่ล่ะ เดี๋ยวข้ากับไห่ฮ่าวจะขึ้นไปดูเอง ไปกันหลายคนเอิกเกริกเกินไป” ชิงเว่ยเว่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เจ้าคิดจะแอบขึ้นไปบนนั้นอีกหรือ?” ซิวลู่ฉิงทำตาโต “หากไม่ขึ้นไป เราก็คงไม่ได้รู้ความจริงสักที เย็นนี้เลิกเรียนแล้วเจอกันที่นี่ พวกเจ้าสามคนทำหน้าที่คอยกันมิให้คนอื่นเข้ามาใกล้แถวนี้ ข้ากับไห่ฮ่าวจะขึ้นไปเอง” ซิวอี้เซิงคิดจะอ้าปากขอไปด้วย ทว่าไห่ฮ่าวกลับรีบเอ่ยสกัดไว้ “ไม่ต้องหรอกขอรับคุณชายซิว ข้าไปกับคุณหนูสี่จะง่ายกว่า หากเกิดปัญหาก็จะช่วยกันได้ทันท่วงที รีบไปรีบมา พวกท่านทำหน้าที่ช่วยดูลาดเลาอยู่แถวนี้เถิด” *******************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม