“เจ้าหลงในค่ายกลเขาไข่มังกร!”
“เจ้าค่ะ หัวหน้าจิน ข้าสังเกตอาจารย์ใหญ่หวังและอาจารย์ทั้งสองแล้วรู้สึกว่าป่านั้นจะผิดไปจากเดิม เมื่อวานข้าเอาตำรารวมค่ายกลออกมาดูแต่ก็ไม่เห็นมีค่ายกลร้อยทางแยก”
จินวั่งซูเดินวนไปวนมาหน้าสองพี่น้อง ในมือก็ตบพัดงูดำที่ประดิษฐ์โดยจอมยุทธ์ลู่จนได้ยินเสียงตึบๆ
“เล่มที่เจ้าอ่านคงจะเป็นเล่มเดิมนะสิ ตอนนี้มีเล่มล่าสุดออกมาแล้วนะ กล่าวถึงค่ายกลนี้ไว้ด้วย ก่อนหน้าข้าเคยได้ยินว่าจอมยุทธ์ลู่รู้จักกับอาจารย์ใหญ่หวังและแอบมาสร้างค่ายกลนี้ให้ แต่เพราะคิดว่าเป็นค่ายกลสำหรับให้พวกบัณฑิตเค่อเฉิงทดสอบความรู้จึงไม่ได้สนใจ”
“ข้ารู้สึกมันผิดปกติจริงๆ นะเจ้าคะ อย่างต้นไม้ที่มีหน้าตาเหมือนกันในแต่ละขนาด แล้วตอนที่อาจารย์ใหญ่หวังพาเดินออกมาข้าแอบสังเกตว่าอาจารย์จะรู้ตอนที่มันกำลังเกิดทางแยกแล้วใช้เท้าซ้ายแตะไปที่หญ้าข้างทางแล้วจะเกิดทางเดิน แม้จะมีทางแยกเกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ข้ากลับรู้สึกว่าอาจารย์ใหญ่หวังพาเราเดินตรงไปอย่างเดียว”
“สายลับเว่ยเว่ย นับว่าเจ้ารอบคอยยิ่งนัก!” พระชายาชิงหลานซึ่งเป็นพี่รองของชิงเว่ยเว่ยหัวเราะหึๆ ก่อนจะเลื่อนจานขนมดอกกุ้ยฮวามาตรงหน้า “กินขนมก่อนเถอะ หัวหน้าจินอุตส่าห์ไปซื้อที่ภัตตาคารบึงหงส์มาให้ข้าเชียวนะ”
“เดี๋ยวข้าไปเอาตำราค่ายกลเล่มใหม่มาให้เจ้าดู”
ชายหนุ่มเจ้าของสำนักข่าวนกกระจิบเดินไปห้องทำงานของตนเองที่อยู่ใกล้ๆ ในมือถือตำราเล่มใหญ่สองเล่มเอามาวางตรงหน้า
“ถ้าเจ้าสนใจจะศึกษาเรื่องค่ายกลจริงๆ ล่ะก็ เจ้าต้องเริ่มต้นจากการแยกประเภทของค่ายกลก่อน จากนั้นต้องจดจำให้ได้ว่าแต่ละประเภทมีความพิเศษอย่างไร?”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ชิงเว่ยเว่ยรับแล้วไล่นิ้วมือตามสารบัญก่อนจะเปิดไปยังหน้าที่กล่าวถึงค่ายกลร้อยทางแยก
“กล่าวกันว่าค่ายกลนี้ป่าจะต้องมีความหลากหลาย มีสัตว์เล็กๆ โผล่มาบ้างเพื่อเป็นการล่อหลอกให้หลงทาง”
“ผิดแล้วเจ้าค่ะ ในป่าหลังเค่อเฉิง อย่าว่าแต่สัตว์เล็กๆ เลย แมลงสักตัวก็ได้ยินแม้แต่เสียง ตอนที่เดินออกมาข้าคิดว่าป่ารกขนาดนั้นน่าจะมีเสียงแมลงร้องกันระงมที่ไหนได้ ไม่มีแม้แต่สักเสียงไม่เห็นแม้สักตัว มีแค่เหยี่ยวระวังภัยตัวเดียวที่คอยจับตามองพวกเรา ดูเหมือนเจ้าเหยี่ยวนั่นจะเป็นสัตว์เลี้ยงของอาจารย์ใหญ่หวัง”
“อ้อ! เจ้าสายฟ้า!”
“เอ๋? หัวหน้าจินรู้ด้วยหรือเจ้าคะ?”
จินวั่งซูตบพัดกับอกแรงๆ “เรื่องชาวบ้านมีหรือข้าจะไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องของคนดังอย่างอาจารย์ใหญ่หวังข้าจะต้องสนใจเป็นพิเศษ”
“ท่านช่วยเล่าเรื่องอาจารย์ใหญ่หวังให้ข้าฟังทีเจ้าค่ะ” ชิงเว่ยเว่ยรู้สึกตนเองคิดง่ายไปหน่อยในตอนที่บอกท่านพ่อว่าต้องการเล่าเรียนในสถาบัน เค่อเฉิง นางคิดว่ามันน่าจะเหมือนสำนักศึกษาเล็กๆ ที่นางเคยไปเล่าเรียนก่อนหน้านี้ แต่เมื่อไปถึงจริงๆ กลับกลายเป็นแหล่งการศึกษาที่ใหญ่โตและมีคนมากมาย
“น้องสามไม่เล่าให้เจ้าฟังบ้างหรือ?” พระชายาชิงหลานทำหน้าฉงน
“พี่รอง ท่านก็รู้ว่าพี่สามเอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือน อ่านหนังสือคร่ำเคร่งทั้งวี่ทั้งวันจะได้สนใจคนอื่นที่ไหน? ข้าไม่ได้สนิทกับเขา แล้วพี่สามจะเล่าให้ข้าฟังได้อย่างไร?”
ชิงหลานพยักหน้าหงึกหงักในใจก็นึกโทษตัวเอง ‘ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน? พวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ สักหน่อย หยวนจุนก็เพิ่งมาอยู่ในร่างนี้ตอนแปดขวบ พวกเขาแทบจะไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ’
จินวั่งซูปล่อยให้สองพี่น้องพูดคุยกัน เมื่อเห็นวางชิงเว่ยเว่ยเปิดหน้าที่อธิบายกลร้อยทางแยกค้างไว้ก็บอกกับเด็กหญิงว่าให้ลองเปิดหนังสืออีกเล่มดูเรื่องราวของจอมยุทธ์หวัง
“อาจารย์ใหญ่หวังอดีตเป็นจอมยุทธ์พเนจร ชื่อเสียงเรียงนามของ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เขานั้น เขาไม่เคยเอ่ยถึง วิชาฝ่ายบุ๋นทั้งหลายเขาได้มาจากอดีตเสนาบดีท่านหนึ่งที่ลือกันว่าลาออกจากตำแหน่งไปแฝงตัวอยู่บนเขา พูดชื่อไปเจ้าก็คงไม่รู้หรอก เอาเป็นว่าหวังต้าจิ้งผู้นี้เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ภายหลังได้รับปากกับอดีตฮ่องเต้ให้เข้าไปเป็นพระอาจารย์ให้กับองค์ชาย หวังต้าจิ้งจึงได้สนิทสนมกับหมิงฮ่องเต้ สุดท้ายจึงยอมรับปากมาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่เค่อเฉิง ประวัติส่วนที่เกี่ยวข้องกับยุทธภพเขาไม่ยอมเปิดเผย เชื่อกันว่าอาจารย์ใหญ่น่าจะมีสหายชาวยุทธ์ที่เป็นยอดฝีมืออยู่หลายคน”
“โอว....น่าทึ่งจริงๆ นะเจ้าค่ะ” ชิงเว่ยเว่ยฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้าง ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่ถ่อร่างมาถามเรื่องกับหัวหน้าจิน
“อืม...เจ้าเอาหนังสือสองเล่มไปอ่านให้ขึ้นใจเถอะ ต่อไปเผื่อได้ยินเรื่องของยอดฝีมือคนอื่นๆ จะได้รู้จัก หลายคนก็มิได้เป็นจอมยุทธ์พเนจรอีกต่อไป เจ้าอาจจะบังเอิญได้พบคนเหล่านั้น หัดสังเกตเอาไว้เยอะๆ นะ”
ชิงเว่ยเว่ยกล่าวขอบคุณจินวั่งซู นางอยู่พูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบของหลานตัวน้อยกับพี่รอง ก่อนจะลากลับเด็กหญิงไม่ลืมสิ่งที่หัวหน้าซิวสหายตัวน้อยของนายปรารถนา
“หัวหน้าจิน หากว่าสหายจากเค่อเฉิงของข้าสนใจอยากจะเป็นสายลับ ท่านพอจะรับพวกเขาไว้ได้หรือไม่?”
“เด็กนักเรียนห้องเดียวกับเจ้าหรือ?”
“เจ้าค่ะ!”
จินวั่งซูหัวเราะน้อยๆ “ไม่เป็นไรนี่? ข้าเป็นจอมยุทธ์ใจกว้าง สายลับจะเป็นผู้ใดก็ได้ ขอเพียงพวกเรารักษาความลับและทำงานหาข่าวได้ ข้าก็ยินดีรับทั้งนั้น”
คุณหนูสี่สกุลชิงโค้งคำนับ “ขอบคุณหัวหน้า สหายกลุ่มฉีหลินของข้าบอกว่าอยากจะมาหาท่านแต่ข้าก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ไว้ คิดว่าจะลองมาถามดูก่อน พวกเขาจะได้ไม่คาดหวัง
“อืม...เจ้าเหมาะจะเป็นหัวหน้าสายลับเด็กๆ แล้ว รอบคอบดีมาก”
“แต่ในกลุ่มฉีหลินของข้า มีหัวหน้าอยู่แล้วนะเจ้าคะ”
“เอ๋?”
“ซิวอี้เซิง บุตรชายของคหบดีซิวผู้น้อง”
“อ้อ! น้องชายคหบดีซิวใหญ่ที่มีข่าวในทางลับว่าแท้จริงเป็นประมุขพรรคมารมังกรเทพน่ะหรือ?”
ชิงเว่ยเว่ยได้ยินก็หูผึ่ง นางคะยั้นคะยอให้จินวั่งซูเล่าเรื่องพรรคมังกรเทพให้ฟัง “เรื่องมันเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ? คหบดีซิวใหญ่จึงถูกลือเช่นนั้น”
“มันไม่ใช่แค่ข่าวลือหรอก อันที่จริงข้าก็แอบสืบมาแล้ว บุตรสาวคนโตของคหบดีซิวใหญ่ที่ชื่อซิวเชี่ยนนางก็คือประมุขน้อยพรรคมังกรเทพ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายมารจริงๆ ตอนที่นางแต่งงานโดยการใช้เงินหนึ่งแสนตำลึงมาบีบบังคับคุณชายเถียนเจ้าก็ได้อ่านจากหมายเหตุข่าวสำนักนกกระจิบอยู่นี่?”
“อ๋า! นางมารซิวที่ยิ่งใหญ่ในวงการค้าที่แท้ก็เป็นประมุขพรรคมารนี่เอง น่าสนใจนัก!”
**********************************
*ซิวเชี่ยน นางเอกจากเรื่อง “อริรักคุณชายเถียน”