บทที่ 11 ผู้เชี่ยวชาญค่ายกล

1391 คำ
ชิงเว่ยเว่ยเองก็รู้สึกสงสัยในความแปลกประหลาดของป่าบนเขา ไข่มังกร เมื่อลงมาหอสมุดนางมองกลับไป ข้างหลังมีเพียงสนามหญ้าเล็กๆ จากนั้นเป็น ป่าทึบ นางรู้สึกสนใจเรื่องค่ายกลอย่างมาก จึงรีบกินอาหารแล้วขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าห้องนอน ดีที่ท่านแม่ของนางวันนี้ต้องดูแลท่านพ่อจึงมิได้สนใจไถ่ถามเรื่องเรียนหนังสืออย่างทุกวัน มารดาของชิงเว่ยเว่ยเป็นอนุภรรยาคนที่สองของใต้เท้าชิงที่ยามนี้ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมกลาโหม พี่ชายคนโตชิงหลวนซานเกิดจากอดีตฮูหยินซิวซีชวน พี่สาวคนรองคือพระชายาเอกชิงหลานที่อภิเษกสมรสไปกับท่านอ๋องสิบห้า ชิงหลานเป็นบุตรีที่เกิดจากจังฮูหยิน อดีตภรรยาที่ถูกทอดทิ้งภายหลังจึงได้แต่งงานกับใต้เท้าชิงเว่ยอีกครั้งด้วยการสมรสพระราชทานจากหมิงฮ่องเต้ ตอนนี้ทั้งคู่ก็มีบุตรชายที่เกิดใหม่ซึ่งกลายเป็นน้องเล็กของนางผู้หนึ่งอายุเพิ่งได้สองขวบ ชื่อชิงเฉิง อนุภรรยาคนแรกคืออนุผังบุตรชายที่อายุมากกว่านางสี่ปี ปีนี้ชิงเสี้ยวอายุสิบห้าแล้ว เขาคร่ำเคร่งในการเรียนเพราะหวังจะสอบซิ่วไฉ่ให้ได้ตามความหวังของบิดา “คุณหนูเจ้าคะ ยังจะแอบอ่านตำราตอนกลางคืนอีก ประเดี๋ยวท่านแม่ก็ดุเอาหรอกเจ้าค่ะ คุณหนูควรจะรีบเข้านอนแล้วตื่นแต่เช้ามาอ่านนะเจ้าคะ” “วันนี้ท่านแม่ต้องดูแลท่านพ่อ ไม่มีเวลามาดุข้าหรอกน่า” นางค้นเอาหนังสือจากบนตู้ที่ซื้อไว้นานแล้วออกมาปัดฝุ่นก่อนจะนั่งอ่านที่มุมทำการบ้าน หนังสือรวมค่ายกลนี้แต่เดิมชิงเว่ยเว่ยอ่านเพียงผ่านๆ เพราะนางสนใจตำราฝึกวรยุทธ์มากกว่าแต่วันนี้หลังจากพลัดหลงเข้าไปในค่ายกลร้อยทางแยก นางก็กระตือรือร้นที่จะกลับมาค้นหาความลับของค่ายกลในเขาไข่มังกรขึ้นมา “จ้งซู จ้งหนิง เรื่องวันนี้พวกเจ้าสองคนห้ามบอกท่านพ่อกับท่านแม่เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?” “เจ้าค่ะ ข้าไม่กล้าพูดหรอก พูดไปข้าก็โดนโบยสิเจ้าคะ โทษฐานไม่ดูแลคุณหนูให้ดี นี่หากอาจารย์ใหญ่หวังไม่ไปช่วยพวกท่านออกมาล่ะก็ เห็นทีหลังของข้าสองคนคงจะขาดแน่ๆ เจ้าค่ะ” สาวใช้แซ่จ้งทั้งสองมองสาวน้อยที่นั่งอ่านตำราด้วยท่าทางเคร่งขรึมแล้วไม่กล้ารบกวน พวกนางที่ดูแลชิงเว่ยเว่ยมาตั้งแต่เยาว์วัยรู้สึกว่าหลังจากที่นางฟื้นจากความตายมาได้ก็ทำตัวราวกับผู้ใหญ่ นางคร่ำเคร่งร่ำเรียนเขียนอ่านและยังมุ่งมั่นฝึกอาวุธเพราะหวังจะเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งกาจอย่างคุณหนูรองที่ยามนี้ไปเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องสิบห้า ชิงเว่ยเว่ยที่ยามนี้อายุสิบเอ็ดปี มักจะออกคำสั่งกับพวกนางอย่างชัดเจนและสั่งสอนพวกนางให้รู้และเข้าใจเรื่องรอบตัวได้ราวกับเป็นฮูหยินเอก “ดีแล้ว! เรื่องนี้ดูเหมือนจะมีลับลมคมในอยู่มากนัก ให้ข้าสืบสาวราวเรื่องให้ชัดเจนเสียก่อนค่อยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านพ่อฟัง” สาวใช้สองคนจึงขอตัวกลับไปห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องคุณหนู ด้วยความที่ชิงเว่ยเว่ยเคยป่วยหนัก ใต้เท้าชิงจึงไม่ยอมให้สาวใช้ทั้งสองอยู่ห่างกายบุตรสาวแม้ว่ายามนี้นางจะหายดีสุขภาพแข็งแรงแล้วก็ตาม เด็กหญิงก้มหน้าก้มหน้าตรวจสารบัญเพื่อหาดูว่ามีหัวข้อที่เกี่ยวกับค่ายกลร้อยทางแยกหรือไม่? ในตำรานี้บอกเล่าค่ายกลที่จอมยุทธ์ลู่อัจฉริยะผู้สร้างค่ายกลเป็นอันดับหนึ่งของยุทธภพได้รังสรรค์เอาไว้ แต่กลับไม่ปรากฏชื่อค่ายกลร้อยทางแยก “ทำไมไม่มี? หรือว่าจะเป็นค่ายกลที่สร้างขึ้นในภายหลัง” ชิงเว่ยเว่ยเข้านอนด้วยความปวดใจ นางอยากจะรู้เรื่องให้กระจ่างในคืนนี้ เมื่อพลิกกายไปมาบนฟูกได้หลายตลบก็พลันนึกถึงหน้าคนผู้หนึ่ง ‘อ๋า! จริงสิ! ข้าลืมคุณชายจินไปได้อย่างไรกัน? คนที่สามารถแก้ไขค่ายกลได้เก่งกาจในแคว้นหมิงก็คือเจ้าของสำนักข่าวนกกระจิบ ข้าลืมเขาไปได้อย่างไร?’ คิดได้เช่นนั้น ชิงเว่ยเว่ยก็รู้สึกสบายใจขึ้น พรุ่งนี้นางจะขออนุญาตท่านแม่ใหญ่ออกไปหาพี่รองที่สำนักข่าวนกกระจิบแล้วขอคำแนะนำจากคุณชายจิน แบบนี้คงจะง่ายกว่าการหาอ่านเองเยอะเลย เช้าวันต่อมา สาวใช้จากเรือนใหญ่ก็มาเชิญชิงเว่ยเว่ยไปร่วมรับประทานอาหารบนโต๊ะรวม ท่านแม่ของนางรีบคะยั้นคะยอให้ไปด้วยความยินดี ครอบครัวสกุลชิงยามนี้รักใคร่ปรองดองกันอย่างยิ่ง แม้ท่านพ่อจะรักใคร่ในตัวจังฮูหยินยิ่งกว่าภรรยาทุกคนแต่เพราะอนุผังกับท่านแม่อยู่รับใช้ด้วยความซื่อสัตย์มานานจึงมิได้ทอดทิ้งจนไม่ดูดำดูดี ในรอบสัปดาห์ท่านพ่อก็จะมาเยือนเรือนของพวกนางคนละหนึ่งวัน อีกห้าวันจะไปอยู่ที่เรือนใหญ่เพราะยามนี้ท่านพ่อกำลังเห่อน้องชายคนล่าสุดยิ่งนัก ท่านพ่อมักจะคอยช่วยท่านแม่ใหญ่ดูแลน้อง ชิงเว่ยเว่ยเองก็ชอบไปเล่นกับเสี่ยวเฉิงเช่นกัน ท่านปู่กับท่านย่าที่เคยมีอคติกับจังฮูหยินก็เปลี่ยนท่าทีมาเมตตาเอ็นดูลูกสะใภ้ ทั้งยังปลาบปลื้มใจที่ได้หลานชายมาแทนพี่ชายใหญ่ชิงหลวนซานที่บัดนี้ได้เปลี่ยนแซ่ไปใช้ของท่านตาแล้ว “เว่ยเว่ย เจ้ามานั่งข้างน้องสิ!” ท่านพ่อร้องเรียก ชิงเฉิงตัวน้อยได้เก้าอี้ที่ท่านพ่อสั่งทำเป็นพิเศษทำให้ได้นั่งร่วมอยู่ในโต๊ะกินข้าวข้างๆ ท่านพ่อ ตัวนางก็เข้าไปนั่งประกบ ท่านแม่ใหญ่รีบหยิบเอาถ้วยข้าวกับตะเกียบมาส่งให้นาง “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ใหญ่” “เสี่ยวเฉิงกินอิ่มแล้วล่ะ ปล่อยให้นั่งเล่นไปเถอะ เจ้าก็รีบกินเสีย ดูสิบนโต๊ะวันนี้มีของโปรดเจ้าตั้งหลายอย่าง” ชิงเสี้ยวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนาง ตำแหน่งใกล้ท่านย่าผู้ซึ่งเดิมทีรักใคร่ในตัวพี่ใหญ่ชิงหลวนซานยิ่งนัก แต่เพราะพี่ใหญ่ละอายที่มีมารดาทำผิดคิดชั่วต่อสกุลชิงจึงได้กราบขอลากลับไปใช้สกุลเดิมของมารดาเพื่อช่วยดูแลท่านตา ท่านย่าได้พี่สามชิงเสี้ยวคอยดูแลปรนนิบัติจึงค่อยๆ คลายความเศร้าโศกและหันมารักใคร่เมตตาพี่สาม ทุกวันหยุดเรียนชิงเว่ยเว่ยกับชิงเสี้ยวจะถูกเรียกให้มารับประทานอาหารที่โต๊ะรวม บางครั้งท่านแม่ใหญ่ก็ให้เรียกท่านแม่เล็กทั้งสองของพวกเขามาด้วย ชิงเว่ยเว่ยก้มหน้าก้มตากินจนอิ่มแล้วก็หันไปหยอกน้องชายคนเล็กบนเก้าอี้ที่มีที่คั่นกันตก ชิงเฉิงที่เพิ่งพูดได้ประโยคสั้นๆ ก็คุยกับนางด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ “เว่ยเว่ย เล่นนี่ด้วยกัน” เด็กน้อยหยิบเอาไม้ท่อนเล็กๆ ที่ขัดจนเงาวับหลายชิ้นมายื่นให้ ชิงเว่ยเว่ยก็ช่วยต่อขึ้นสูงให้น้องดู บนเก้าอี้ของชิงเฉิงมีแผ่นรองอยู่ข้างหน้าเพื่อเป็นที่วางถ้วยข้าวในยามป้อน พอกินข้าวเสร็จท่านแม่ใหญ่ก็จะวางท่อนไม้ขัดเกลี้ยงมาให้เขาเล่น เมื่อทุกคนรับประทานอิ่มกันหมดแล้ว ท่านพ่อก็เข้ามาอุ้มชิงเฉิงและพาเดินไปยังลานหน้าเรือนกลาง ที่นั่นจะมีดินทรายกองเอาไว้เพื่อให้ชิงเฉิงได้เล่น “ท่านพ่อเจ้าคะ วันนี้ข้าขอไปหาท่านพี่รองที่สำนักข่าวนกกระจิบได้หรือไม่?” “เจ้าไม่มีเรียนนี่? อยากไปก็ไปสิ แต่อย่าไปนานนักเล่า? วันนี้พ่อหยุดงานก็อยากจะอยู่กับพวกเจ้าบ้าง” “เจ้าค่ะ ข้าจะไปแค่หนึ่งชั่วยาม” ***************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม