“พวกเราไปกันวันไหนดี?”
“วันหยุดเรียนสิ! พวกเจ้าอยากสมัครเป็นสายลับกันมิใช่หรือ?” เด็กทั้งสามที่เพิ่งกินข้าวอิ่ม ขยับเข้าไปนั่งจนชิดกับชิงเว่ยเว่ย ต่างคนต่างยื่นหน้าเข้าไปซุบซิบกัน
ทุกคนต่างยอมรับว่าใช่ พวกเขายื่นมือออกมาเกี่ยวก้อยกันพัลวัล เมื่อเห็นสหายน้อยทั้งสามมุ่งมั่นอยากเป็นสายลับ ชิงเว่ยเว่ยจึงไม่กล้าเอ่ยเรื่องที่ตนเองทำหน้าที่นี้มาได้หลายปีให้กับเพื่อนๆ ได้ฟัง
ไต้เส้าจวินยืดกอดอกจ้องมองไปยังกลุ่มเด็กทั้งสี่ที่เรียกตนเองว่า ‘ฉีหลิน’ เขารู้สึกว่าเด็กทั้งสี่รวมตัวกันเหนียวแน่นและมีโอกาสทำเรื่องให้เขาได้ตื่นเต้นได้อีก จงกว้านซีเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นสหายหนุ่มรูปงามมองไปยังกลุ่มเด็กๆ จอมจุ้นก็หัวเราะหึๆ
“นี่เจ้าจะจับตามองพวกเขาไปถึงเมื่อใด? ก็แค่กลุ่มเด็กที่สนิทกันและหาเรื่องสนุกทำน่า ไม่ต้องคิดมากแล้ว เรื่องเขาไข่มังกรพวกเราก็ตักเตือนเขาไปอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาคงไม่เสี่ยงเป็นครั้งที่สอง”
“ข้าว่าไม่...ข้าสังหรณ์ใจว่าเด็กพวกนี้อาจจะกำลังทำเรื่องที่ใหญ่กว่าเดิม”
“อย่างไรล่ะ?”
“ยังไม่รู้นะ แต่คิดว่าพวกเขาน่าจะกำลังสมคบกันทำเรื่องบางอย่าง เจ้าไม่สังเกตท่าทางซุบซิบนั่นหรือ? ดูเหมือนเป็นความลับสุดยอดที่ผู้อื่นไม่อาจรู้ได้”
จงกว้านซีมองตามสายตาของไต้เส้าจวินไป ท่าทางของเด็กทั้งสี่ก็ชวนให้สงสัยจริงๆ ว่าพวกเขากำลังสมคบกันทำสิ่งใด?
“คนหนึ่งเป็นบุตรีของเจ้ากรมกลาโหม อีกคนเป็นบุตรชายใต้เท้าฉี อีกสองเป็นบุตรีคหบดีซิวผู้น้อง จะว่าไปพวกเขาล้วนมีครอบครัวที่เป็นชนชั้นสูง หากเราจะห้ามปรามรุนแรงก็เกรงว่าจะไม่เหมาะ เจ้าค่อยๆ หาวิธีป้องกันเอาก็แล้วกัน” จงกว้านซีพูดจบก็คิดจะผละจากไป ทว่าไต้เส้าจวินกลับหันมาดึงแขนเขาเอาไว้
“เจ้าอย่าคิดว่าตนเองจะหนีไปได้ง่ายๆ เจ้าเองก็เป็นอาจารย์ที่ดูแลเด็กชั้นเบื้องต้นเหมือนข้า มาอยู่ช่วยข้าแก้ปัญหากันดีกว่า”
“เอ๋? ข้าเหรอ? ให้ข้าช่วยอันใดเล่า?”
“ช่วยข้าไปสืบว่าพวกเขากำลังคิดจะทำสิ่งใด?”
“ตอนนี้น่ะหรือ?”
“ยังหรอก! ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้พวกเขาน่าจะนัดแนะกันไปในวันหยุด”
เมื่อถึงวันที่ต้องเรียนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว อาจารย์ไต้ผู้สงสัยในความสามารถของชิงเว่ยเว่ยก็คอยจับตามองการฝึกหมัดมวยของนาง สายตาคอมกริบของเขาคอยจ้องนางอยู่ไม่วางตาจนสาวน้อยรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
‘ไต้เส้าจวินท่าจะสงสัยในตัวข้าแล้วสิ ไม่ได้การต้องทำตัวผิดพลาดบ่อยๆ’
ชิงเว่ยเว่ยแสร้งโดนหมัดสหายคู่ซ้อมล้มลงไปสองสามครั้ง โดยนางกะระยะว่าไม่ได้โดนแรงมากแต่การล้มนั้นดูเหมือนโดนเข้าไปอย่างรุนแรง อาจารย์หนุ่มที่ไม่รู้ทันรีบพุ่งเข้ามาประคองเด็กหญิงให้ลุกขึ้น
“เจ้าไหวหรือไม่? ถ้าไม่ก็ไปนั่งพักที่ใต้ร่มไม้ก่อน”
เมื่อเห็นใบหน้าเขาใกล้ๆ หญิงสาวในร่างเด็กหญิงก็หน้าพลันร้อนผ่าว อาจารย์หนุ่มไม่รอช้าเกรงว่าเด็กน้อยจะไม่กล้าบอกความจริงว่านางเจ็บมาก เขาถือวิสาสะอุ้มนางไปนั่งบนเก้าอี้ที่ศาลาใกล้ๆ ชิงเว่ยเว่ยไม่กล้าเงยหน้ามองเขาตรงๆ ใบหน้าของนางเป็นสีชมพูระเรื่อ
“สงสัยเจ้าจะไม่ค่อยได้ออกแดดนะ หน้าแดงจัดเชียวคงจะร้อนมากล่ะสิ”
“จะ เจ้าค่ะ” ชิงเว่ยเว่ยรีบรับสมอ้าง นางจะกล้าพูดได้อย่างไรว่าอายที่มีบุรุษมาอุ้มนางเอาไว้
เมื่อชายหนุ่มวางนางลงแล้วก็นั่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย “ทั้งๆ ที่ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเก่งหมัดมวยแท้ๆ เพราะเห็นท่าทางเจ้าคล่องแคล่ว ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าโดนแค่หมัดสหายที่ดูไม่นักหนาถึงกับล้มก้นจ้ำเบ้า”
“อาจจะเป็นเพราะข้าประมาทคู่ต่อสู้เกินไปเจ้าค่ะ คราวหน้าจะทำให้ดีกว่านี้”
“เรียนไปสองเดือนก็มีการทดสอบคะแนนแล้วนะ หวังว่าเจ้าจะพัฒนาฝีมือขึ้นไปพอจะสอบผ่านได้เพราะหากสอบวิชานี้ไม่ผ่าน แม้เจ้าจะเลื่อนชั้นได้แต่ก็ยังต้องมาเรียนซ่อมวิชาเดิม และหากเก็บวิชาได้ไม่ครบล่ะก็จะไม่อาจผ่านขึ้นชั้นระดับกลางได้”
“เจ้าค่ะ” ชิงเว่ยเว่ยก้มหน้ารับคำ นางรู้สึกอึดอัดที่ต้องนั่งกันอยู่สองต่อสองกับอาจารย์หนุ่มรูปงาม
“เจ้านั่งรออยู่ตรงนี้ล่ะ หากว่ายังไม่หายดีล่ะก็ไม่ต้องกลับไปเรียนต่อ”
นางหันกลับไปมองการเรียนของเด็กๆ ร่วมห้องแล้วก็ถอนหายใจการฝึกพื้นฐานพวกนี้นางทบทวนอยู่ทุกเช้า ช่วงนี้เหล่าลู่ได้เดินทางมาช่วยฝึกกระบี่ให้นางจนถึงจวน ฝีมือของนางกำลังพัฒนาก้าวหน้า กระบี่ที่พี่รองหามาให้นับว่ามีขนาดและน้ำหนักเหมาะกับนาง ชิงเว่ยเว่ยตั้งใจไว้ว่าเอาไว้นางโตเมื่อใดจะไปเสาะหายอดกระบี่มาไว้คู่กายเหมือนที่พี่รองมีกระบี่ทิวาราตรี
ซิวลู่ฉิงมองเห็นชิงเว่ยเว่ยถูกทิ้งไว้ที่ศาลาตามลำพังก็แอบมองดูอาจารย์หูผู้สอนหมัดมวย เมื่อเห็นว่าอาจารย์ไม่ได้สนใจตนเองก็รีบวิ่วตื๋อหลบมาหาสหายที่ศาลา
“ข้าพาเจ้าแอบกลับอาคารเรียนดีหรือไม่? ข้าฝึกเสร็จแล้วอีกแค่สองเค่อก็หมดเวลา พวกเราแอบไปงีบสักหน่อยเถอะ ข้าอิ่มขากวางตุ๋นพะโล้ของเจ้ามากจนจะไม่ไหวแล้ว”
เด็กหญิงสองคนแอบกลับขึ้นไปนอนซุกตัวอยู่มุมห้อง ไม่นานเพื่อนๆ ก็เลิกเรียนกลับขึ้นมา ซิวอี้เซิงมองเห็นน้องสาวตัวอ้วนกับชิงเว่ยเว่ยนอนหลับอยู่ข้างกันก็รีบเขย่าปลุกคนทั้งสอง
“ตื่นๆ ได้เวลากลับบ้านแล้ว พวกเจ้ายังมามัวนอนหลับกันอยู่ได้”
“ทำไมกลับมาเร็วจัง?”
“เร็วที่ไหนล่ะ? ตอนนี้ยามเซินแล้วนะ กลับบ้านกันเถอะ ท่านพ่อสั่งไว้ว่าวันนี้จะหาอาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผักกับไก่ให้เรากินเป็นอาหารเย็นด้วย”
“อือๆ” ซิวลู่ฉิงยังคงงัวเงีย เด็กหญิงรู้สึกอย่างจะนอนต่อ
ซิวอี้เซิงจนปัญญาจะปลุกน้องสาวจึงไปเรียนกัวชุนกับกัวชางสาวใช้สองคนที่รออยู่หน้าอาคารให้มาช่วยกันอุ้มน้องสาวของตน ส่วนเขาก็หันไปหิ้วกระเป๋าให้นาง เดินตามกันไปยังรถม้า
“คุณหนูฝึกหมัดมวยหนักขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ? ดูสิ! เหนื่อยถึงกับลืมตาไม่ขึ้น หลับไปสนิทเชียว”
“พวกเจ้าสองคนผิดแล้ว ฉิงเอ๋อร์กินขากวางตุ๋นพะโล้ไปจนเต็มท้องต่างหาก ตอนฝึกหมัดมวยนางก็อู้สุดๆ จากนั้นก็ชวนเว่ยเว่ยมาแอบนอนหลับในห้องเรียนนี่ล่ะ”
กัวชุนกับกัวชางหัวเราะออกมาพร้อมกัน แต่พวกนางก็พยายามประคองร่างของคุณหนูตัวอ้วนที่ช่วยกันอุ้มไปจนถึงรถม้า
“ถ้าเช่นนั้นก็ให้คุณหนูหลับไปเถิดเจ้าค่ะ น่าสงสารเสียจริง อิ่มจนทนไม่ไหวเลยสินะ”
***************************