อีกด้านหนึ่ง…
@ห้องผู้ป่วยหนัก ICU 12.00 น.
“เฮ้อ...” เสียงถอนใจแผ่วเบาด้วยความเหนื่อยล้า พยาบาลสาวเงยหน้ามองนาฬิกาติดฝาผนังพลางคิดในใจว่าเวลาเดินช้าเพราะเพิ่งถึงพักเที่ยง ซึ่งเวลานี้หลาย ๆ คนคงร้องตะโกนดีใจว่าจะได้พักแล้ว แต่มันใช้ไม่ได้กับวิชาชีพของเธอ พิชยธิดาเดินถือแฟ้มเอกสารไปที่เตียงคนไข้ ก่อนจะจดข้อมูลตัวเลขความดันจากเครื่องวัดความดันของคนไข้ และทันใดนั้น
เพียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบที่ไปหน้าเรียกสายตาให้พิชยธิดาหันไปมอง ในเวลาเที่ยงเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ญาติคนไข้เข้าเยี่ยมคนไข้ได้ เนื่องจากเป็นห้องไอซียู จึงจำกัดเวลาการเข้าเยี่ยม
“ไปเรียกหมอวายุมาคุยกับฉัน!” ญาติคนไข้ 'สมพงษ์” ตวาดใส่พยาบาลสาวรุ่นน้องของพีช เธอเห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งไปที่เตียงคนไข้สมพงษ์ทันที
“คุยกับฉันก็ได้ค่ะ คุณหมอพักเที่ยงอยู่ ฉันเป็นพยาบาลเจ้าของไข้” เธอตอบคนไข้หน้านิ่ง
“สาระแน เป็นแค่พยาบาลจะไปรู้เรื่องอะไร” หญิงวัยกลางคนตะคอกใส่หน้าพยาบาลสาวเสียงดัง
“ค่ะ” ตอบกลับเสียงลอดไรฟัน เธอชินแล้ว พยาบาลมักถูกเป็นที่รองรับอารมณ์ญาติคนไข้เสมอมา ความเศร้า ความเจ็บปวดที่ญาติคนไข้มีต่อตัวคนไข้กลับกลายเป็นความโกรธต่อตัวเองที่ไม่สามารถช่วยอะไรคนไข้ได้ ทำให้ญาติคนไข้เอาความโกรธนั้นไปลงที่พยาบาล
“ฮึก ฮืออ... ทำไม ทำไมเขาไม่หายสักที” เสียงร้องไห้ระงมของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น ก่อนเธอจะฟุบนั่งกอดเข่าลงกับพื้น พยาบาลสาวมองด้วยสายตานิ่งงัน ก่อนจะเบือนหน้าหนี
“เจ็บไหม?” พีชหันไปถามพยาบาลสาวรุ่นน้อง นึกเจ็บแค้นแทนพยาบาลรุ่นน้องแต่ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ด้วยความที่เธอเป็นพยาบาลทำให้เธอต้องคอยรองรับอารมณ์ญาติคนไข้ ดูแลคนไข้ไม่ห่าง ทำตามที่หมอสั่ง เช็กเอกสาร แถมยังต้องปลีกตัวไปเก็บสิ่งส่งตรวจที่มันไม่ใช่หน้าที่ของพยาบาลอีกด้วย งานในแต่ละวันของพยาบาลวิชาชีพหนักเกินที่จะรับไหว
ใจจริงแล้วเธออยากลาออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะว่าที่อื่นไม่ได้ทำงานกันแบบนี้ แต่นั่นมันจะเปลี่ยนอะไรได้ เธอต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อเพื่อนพยาบาลที่อยู่ที่นี่
มีพยาบาลหลายคนที่ทำงานหนักไม่ได้พักผ่อนแต่กลับไม่ได้รับความเมตตาจากญาติคนไข้ หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมวิชาชีพ พิชยธิดายื่นมือไปสัมผัสใบหน้าพยาบาลรุ่นน้องพลางนึกคิดในใจให้สาวรุ่นน้องอดทน เพราะต่อไปนี้ทางผู้บริหารต้องมาดูแลการทำงานหนักของพยาบาล ต่อจากนี้เหล่าพยาบาลจะได้ทำงานน้อยลง รอแค่แผนสำเร็จเพียงเท่านั้น
@โรงอาหารบุคลากรแพทย์
-ญดา-
“พี่หมอยุคะ ช่วงนี้อรไม่ค่อยว่างเลยค่ะ คนไข้ในแต่วันเยอะมาก อรเหนื่อยจริง ๆ” เสียงของยัยหมออรที่กำลังคุยกับหมอวายุดังขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้บรรยากาศระหว่างเราสามคนมันคุกรุ่นมานาน ฉันมองไปที่หมอวายุนิ่ง
“อืม” เสียงทุ้มลึกที่เอ่ยออกผ่านลำคอหนา เขาตอบหน้านิ่งทำให้ยัยคุณหมออรชักสีหน้าไม่พอใจ ฉันเห็นอย่างนั้นก็คิดอะไรออกทันที ทว่า
พรึ่บ!
หมอวายุกลับลุกขึ้นก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา บางอย่างที่ตรงกับสิ่งที่ฉันคิดจะทำพอดี
“ดา เราไปนั่งโต๊ะอื่นกันเถอะ” หมอวายุถามฉันพลางพยักหน้าไปที่โต๊ะข้าง ๆ
“ตรงนั้น บรรยากาศมันดีกว่าน่ะ” เขาบอกฉันก่อนที่ฉันจะถาม
“ทำไมคะ อรว่าตรงนี้มันก็บรรยากาศดีเหมือนกัน” ยัยหมออรเอ่ยถามหมอวายุด้วยน้ำเสียงยียวนราวกับอยากแกล้งเขา
“เพราะตรงนั้นมันไม่มีอรไง” เขาตอบหน้าตาย
ผ่างงง~
อึ้ง อึ้งไปเลยสิยัยหมออร ฉันก็อึ้งแต่สะใจมากกว่า นอกจากเขาจะพูดจากะล่อน ๆ แล้วเขายังปากจัดด้วย หมอวายุถือจานข้าวของเขาและของฉันเดินออกไปนั่งรอที่โต๊ะไม่ไกลจากตรงนี้ ส่วนฉันยิ้มให้หมออรอย่างคนชนะ ก่อนจะเดินตามหมอวายุไป ซึ่งหมออรก็ทำท่าทีเหมือนจะเดินตามมา แต่ก็มีเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น
“อ้าวอร นั่งกินข้าวคนเดียวเหรอจ๊ะ ให้นั่งเป็นเพื่อนไหม” น้ำผึ้งเพื่อนรักของฉันเอ่ยทักหมออร ก่อนจะวางจานข้าวแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเธอ
“ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้เธอนั่ง” หมออรตอบเสียงแข็ง
“แล้วเมื่อกี้ ดาอนุญาตให้เธอนั่งเหรอ?” น้ำผึ้งถามด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาท หมออรได้ยินอย่างนั้นถึงกับมองตาขวาง
“ชิ” เธอจิ๊ปากเบา ๆ คงสงสัยความสัมพันธ์ของฉัน น้ำผึ้ง และหมออรสินะ เราสามคนเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เรียน ม.ปลาย น้ำผึ้งกับฉันเป็นนักเทคนิคการแพทย์ ส่วนหมออรก็เรียนแพทย์ ซึ่งเรื่องที่ทำให้ฉันเลิกคบกับหมออรนั้นฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก
“ดา!” เสียงเรียกของหมอวายุทำให้ฉันหลุดจากภวังค์
“คะ?”
“มีอะไรหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามฉัน ฉันส่ายหน้าตอบเขาเบา ๆ เขายิ้มให้ฉัน เราสบตากัน พอถึงตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังฝัน
ผู้ชายที่ฉันแอบชอบเขากำลังนั่งตรงหน้าฉัน สามปีที่ฉันเฝ้ามองเขาแทบจะนับครั้งได้ที่ฉันจะได้เจอเขา ตลอดทั้งวันถ้าฉันไม่เจอเขาตอนเที่ยงก็จะไม่ได้เจอเขาอีกเลยทั้งวัน แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันจะได้เจอเขาทุกวัน เรานั่งกินข้าวพลางพูดคุยถามไถ่กันและกัน จนเกือบลืมไปเลยว่าฉันจะปรึกษาเรื่องบางอย่างกับเขา
“หมอวายุคะ คือดาอยากปรึกษาเรื่องคนไข้สมพงษ์ค่ะ คือดาอยากให้คุณสั่งตรวจเลือดอีกรอบ พอดีพยาบาลเจ้าของไข้ที่เป็นคนขนส่งสิ่งส่งตรวจอ่ะค่ะ เราสองคนไม่ค่อยถูกกัน บางทีผลแล็บอาจจะ error ตั้งแต่ขั้นตอนก่อนวิเคราะห์ก็ได้นะคะ” ฉันอธิบายสิ่งที่ค้างคาใจ
“คุณกำลังสงสัยเขา” หมอวายุถามฉัน คิ้วหนาของเขาขมวดเข้าหากัน
“ก็มันน่าสงสัยนี่หนา เธออาจจะอยากแกล้งฉันก็ได้” ฉันตอบเสียงอ่อน
“ถ้าเดาไม่ผิดคงหมายถึงพีชใช่ไหมครับ ผมว่าเธอคงไม่ทำอย่างนั้นหรอกนะ เธอทำหน้าที่ของเธอได้ดีมาตลอด อีกอย่างเธอคงไม่กล้าทำหรอก ชีวิตคนทั้งคน” หมอวายุพูดสิ่งที่น่าคิดออกมา นั่นน่ะสิฉันคงคิดมากไปเอง ใครมันจะกล้าเสี่ยงเอาอนาคตตัวเองมาแลกกับความสะใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้แกล้งฉัน ฉันทำหน้างอเล็กน้อยให้เขา
“แต่ลองดูก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนะครับ ตอนนี้คนไข้ไม่รู้สึกตัวด้วยคงไม่เจ็บถ้าเราจะเจาะเลือดอีก อะไรที่ทำได้เราต้องทำไปก่อน” หมอวายุเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เห็นฉันหน้างอ ดีเลย ฉันจะได้เลิกคิดเรื่องนี้สักที
“แล้ว มันจะต่างจากทุกครั้งยังไงครับ” เขาถามฉัน คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน นั่นสิ อืม...หรือว่าฉันควรที่จะลงไปดูด้วยตัวเอง
“วันนี้ฉันออกเวรตอน 4 โมงเย็น เดี๋ยวฉันจะเขียนรายงานปฏิเสธสิ่งส่งตรวจไป ฉันอยากให้คุณโทรบอกพีชว่าให้เก็บสิ่งส่งตรวจใหม่ตอน 4 โมงครึ่งตอนเย็น แล้วฉันจะไปแอบดูตามทางเดินว่าได้เกิดอะไรขึ้นไหม เวลานั้นคุณสะดวกหรือเปล่าคะ?” ฉันพูดในสิ่งที่ฉันคิด
“ผมออกเวร 4 โมงเย็นเหมือนกัน” เขาตอบพลางสบตาฉันนิ่ง เหมือนจะถามฉันว่า เอาจริงเหรอ? ฉันพยักหน้าให้เขายืนยันในสิ่งที่ฉันจะทำ
“งั้นเจอกันตอนเย็นนะครับ” ฉันน่ะชอบจังเลยตอนที่เขาพูดครับ มันดูอบอุ่นสุด ๆ ทว่า
“อะแฮ่ม” อยู่ ๆ เสียงกระแอมของใครบางคนก็ดังขึ้นเรียกสติของฉัน น้ำผึ้งนี่เอง
“เอิ่ม จะไม่แนะนำ ‘ใครบางคน’ ให้เพื่อนรู้จักหน่อยเหรอ” น้ำผึ้งถามและเน้นย้ำคำว่าใครบางคนอย่างมีนัยแฝง ปกติฉันเรียกหมอวายุว่าใครบางคนตลอด เพราะไม่รู้ชื่อน่ะ
“อ้อ นี่หมอวายุ ส่วนนี่น้ำผึ้งค่ะ น้ำผึ้งเป็นเทคนิคการแพทย์ตอนนี้ทำแล็บที่ห้องปรสิตวิทยาค่ะ” ฉันแนะนำน้ำผึ้ง และหมอวายุให้รู้จักกัน ก่อนที่น้ำผึ้งจะทำให้ฉันขายหน้าโดยการเอ่ยถามหมอวายุต่อหน้าฉัน
“คุณหมอ จะจีบยัยดาเหรอคะ?” เธอถามอย่างตรงไปตรงมาส่วนคนตอบก็…
“ครับ” ตอบตรงเช่นกันทำเอาฉันถึงกับไปไม่เป็น
กรี๊ดดดด!!
ฉันกรีดร้องในใจพร้อมกับตาโตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาตอบอะไรของเขาเนี่ยรู้ไหมว่ามีคนกำลังเขินน่ะ ฉันเอื้อมมือไปหยิกแขนเพื่อนรักเบา ๆ
“โอ๊ย!” เสียงร้องโอดครวญของน้ำผึ้งดังขึ้นทันที
“แหนะ เขินเหรอ” หล่อนถามฉัน ให้ตายเถอะ...ยัยนี่ไม่เคยอายใครเลยเหรอเนี่ย
“ขอตัวก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” ฉันแก้เขินโดยการบอกลาหมอวายุ ก่อนจะลากนังเพื่อนตัวดีไปด้วย
“แกจะรีบไปไหนเนี่ยย~” น้ำผึ้งถามฉันด้วยท่าทางกวนประสาท
“แกถามเขาแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย” ฉันเอ่ยถามน้ำผึ้งด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่”
“ก็ เขา ก็” ติดอ่างเลยฉัน ฮือออ~ เขิน
“โอ๊ย ๆ อิจฉาคนมีความรัก” น้ำผึ้งแซวฉัน
“นังเพื่อนตัวดี” ฉันเอ็ดเพื่อนเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มกว้างให้กับเธอ
“เอ้อ พรุ่งนี้แกก็ต้องเปลี่ยนไปทำแล็บที่ห้องปรสิตแล้วใช่ปะ ส่วนฉันก็คงต้องเปลี่ยนไปทำที่ห้องเคมีคลินิกสินะ เฮ้ออ...ฉันไม่ชอบเลยง่ะ” น้ำผึ้งบ่นเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแล็บ ในวิชาชีพเราแบ่งแยกได้หลายสาขาน่ะ แล้วก็ต้องสลับสับเปลี่ยนกันทำตลอด บางทีมันก็เหนื่อยนะอะไรที่เราทำชินแต่อีกสักพักก็ต้องย้าย แต่ก็ดีเพราะจะได้ไม่ลืมเนื้อหาที่ตัวเองเรียนไปด้วย
“ชินได้แล้วนะ ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลางานแล้ว ฉันไปทำงานก่อนนะ” ฉันโบกมือลาน้ำผึ้ง เราต่างก็มีหน้าที่แตกต่างกัน แต่พอได้คุยกันมันก็ทำให้ฉันอดที่จะมีความสุขไม่ได้