วันต่อมา...
@แผนกผู้ป่วยหนัก ICU [7.30 น.]
ชื่อผู้ป่วย: นายสมพงษ์ รัตนสมบูนณ์
แพทย์เจ้าของไข้: นพ. วายุ นฤบดินท์
พยาบาลผู้ดูแล: พยาบาลวิชาชีพ พิชยธิดา เกษมศานต์
ข้อมูลแพ้ยา แพ้อาหาร: -
“เดี๋ยววันนี้ส่งตรวจแบบเดิมนะ” เสียงทุ้มลึกเอ่ยบอกพยาบาลสาวเจ้าของไข้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หมอหนุ่มมองไปยังคนไข้ที่นอนไม่ได้สติมา 4 วันแล้ว
“ค่ะ” พยาบาลสาวตอบรับเพียงแค่นั้น เธอยืนมองนายแพทย์หนุ่มกำลังเจาะเลือดผู้ป่วย เขาเจาะทั้งเส้นเลือดดำ และเส้นเลือดแดงใส่ลงไปในหลอดเก็บเลือด โดยหลอดเก็บเลือดมีฝาเกลียวสีแตกต่างกันนั้นบ่งบอกว่าเลือดที่ถูกเก็บจะถูกวิเคราะห์สารคนละชนิดกัน ปกติแล้วถ้าหากว่าเจาะแค่เลือดดำพยาบาลสามารถเจาะได้สบายแต่ในบางเคสต้องส่งตรวจแก๊สด้วยจึงต้องเจาะเลือดจากเส้นเลือดแดง
บางทีการที่ให้หมอเป็นคนเจาะเลือดเองก็เป็นการผ่อนแรงพยาบาลได้เช่นกัน พยาบาลสาวคิดในใจ
“ผมอยากให้คุณดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดอย่าให้คาดสายตาเชียว อาการคนไข้ไม่ดีขึ้นเลยสักนิด ผมฝากด้วยนะพีช” หมอวายุเอ่ยกำชับพยาบาลสาวเจ้าของไข้ เธอพยักหน้ารับ หลังจากเก็บตัวอย่างเลือดเสร็จแล้วแพทย์หนุ่มก็เดินออกจากห้องไอซียู เสียงซุบซิบเอ่ยชื่นชมในความหล่อเหลาของเขาดังขึ้นตามทางเดิน ถึงแม้ว่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้นอนพัก แต่ใบหน้าหล่อเหล่ายังคงเรียกสายตาเพ้อฝันของเหล่าพยาบาลในห้องไอซียูให้มองตามเขาตลอดทางเดิน
พีชหรือพิชยธิดายืนมองรถเข็นที่บรรทุกหลอดเก็บตัวอย่างเลือด ข้าง ๆ หลอดเขียนชื่อคนไข้ไว้ ‘สมพงษ์ รัตนสมบูรณ์’ เธอมองด้วยสายตาแน่วแน่ พีชเป็นพยาบาลวิชาชีพมา 5 ปีแล้ว เธอเป็นคนที่มีอุดมการณ์สูง เธอพร้อมจะเสียสละเพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
โรงพยาบาลแห่งนี้มีการจัดการที่เรียกได้ว่าห่วยแตก ทุกโรงพยาบาลในประเทศมักมีระบบการจัดการที่ดี ยกเว้นโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอได้ยินแว่วมาว่ากำลังมีการเปลี่ยนแปลงและกำลังแก่งแย่งตำแหน่งของผู้บริหารจนลืมการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ พิชยธิดาต้องการทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้หันมาสนใจการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์บ้าง
พยาบาลสาวเข็นรถเข็นไปตามทางเดินเพื่อมุ่งไปห้องแล็บ แต่ทว่าเธอกลับเลี้ยวเข้าห้องพักพยาบาล กวาดสายตาไปรอบห้องเพื่อเช็กว่ามีใครอยู่หรือเปล่า ก่อนจะตัดสินใจทำเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณอย่างมหันต์
ฝ่ามือบางหยิบกล่องโฟมที่อยู่บนรถเข็นก่อนจะเปิดฝาออก เธอหยิบหลอดเก็บตัวอย่างเลือดออกจากกล่องโฟมที่มีน้ำแข็งบดเพื่อกักเก็บความเย็น หมุนเกลียวฝาสีเขียวออก เป็นอันรู้กันว่าหลอดเก็บเลือดที่มีฝาสีเขียวและถูกเก็บไว้ในกล่องโฟมที่มีน้ำแข็งบดละเอียด เป็นหลอดเก็บเลือดสำหรับส่งตรวจแก๊ส เธอเปิดฝาเกลียวทิ้งไว้สักพัก
การทำแบบนี้จะทำให้ผลการตรวจนั้นผิดเพี้ยนไป ด้วยความที่อากาศภายนอกมีออกซิเจนมากกว่าได้แลกเปลี่ยนกับคาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเก็บตัวอย่างเลือดที่มีออกซิเจนต่ำกว่า เธอหมุนปิดฝาเกลียวและเก็บไว้ที่เดิม พิชยธิดาเข็นรถเข็นออกจากห้องพยาบาลและมุ่งตรงไปที่ห้องแล็บ เธอเดินอย่างช้า ๆ ไม่ได้มีท่าทีเร่งรีบแต่อย่างใด
อีกด้านหนึ่ง...
-ญดา-
@ห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก
พรึ่บ!
ฉันเปิดแฟ้มเอกสารติดตามอาการของคนไข้สมพงษ์ รัตนสมบูรณ์ ตั้งแต่เมื่อวานที่รับเอกสารจากหมอวายุ ฉันยังไม่ว่างเปิดอ่านเลย พอได้เปิดอ่านแล้วความฉงนใจก็เพิ่มขึ้นทุกที คนไข้เข้า รพ. ด้วยอาการช็อกโดยยังไม่ทราบสาเหตุ หมอวายุส่งตรวจทุกอย่าง รวมถึงส่องกล้อง และ x-rays แต่ผลที่ออกมาไม่มีความสัมพันธ์กันเลยสักนิด ฉันเข้าใจเขาแล้ว ถ้าฉันเป็นเขาก็คงไม่กล้าที่จะยืนยันโรคให้กับคนไข้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่รักษาตามอาการเท่านั้น
“ง่วงจัง” ว่าด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ฉันยังไม่ได้นอนเลยออกเวรก็เย็นวันนี้ทีเดียว ซึ่งตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานวันใหม่แล้วล่ะ ฉันกำลังคิดจะไปซื้อกาแฟ
ฉันกำลังจะเดินออกไปที่ประตูแต่ก็พบว่า มีพยาบาลมาส่งสิ่งส่งตรวจด้วย มาแต่เช้าเชียวนะวันนี้ แต่เอ...นั่นมันยัยพีชนี่ สงสัยมาส่งสิ่งส่งตรวจคนไข้ ‘สมพงษ์’ ทำไมฉันรู้น่ะเหรอ ก็มันเขียนไว้ในแฟ้มเอกสารติดตามอาการน่ะสิว่าเธอเป็นพยาบาลเจ้าของไข้ พูดแล้วก็หงุดหงิดทำไมหล่อนต้องได้ทำงานใกล้ชิดกับหมอวายุด้วย
ชิ อิจฉา พอนึกถึงหมอวายุฉันก็เขินขึ้นมา
เมื่อคืนฉันไม่ได้พักเพราะเขาเลย แหนะ...ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอย่างว่า ก็เขาน่ะสิบอกว่าถ้าไม่มีงานให้มานั่งเป็นเพื่อนเขาหน่อย ปกติถ้าไม่มีคนไข้ฉุกเฉิน ฉันจะเข้าไปนอนพักที่ห้องนอนเวรนักเทคนิคการแพทย์
ฉันยืนมองยัยพีชผ่านกระจกฟิล์มดำ ยัยนั่นยืนคุยกับผู้ช่วยเทคนิคการแพทย์สักพักก่อนจะเข็นรถเข็นกลับไป พอฉันเห็นอย่างนั้นก็เลยเดินออกจากห้องแล็บไปซื้อกาแฟ
“ไปซื้อกาแฟก่อนนะ” ฉันบอกผู้ช่วยเทคนิคการแพทย์ เธอพยักหน้าตอบ ทว่า
“สิ่งส่งตรวจคนไข้ ‘สมพงษ์’ มาส่งแล้วนะคะ อย่าลืมมาตรวจเช็กนะคะ” ผู้ช่วยเอ่ยเตือนฉัน ฉันพยักหน้ารับ หลายคนคงคิดว่าเทคนิคการแพทย์คงไม่ค่อยได้ทำไร ก็แค่ใช้เครื่อง Automated ก็เสร็จละ แต่มันไม่ใช่สักหน่อย งานของเรามีรายละเอียดยิบย่อยมากกว่านั้น รวมถึงเรื่องการตรวจเช็กสิ่งส่งตรวจด้วย
เราต้องตรวจเช็กสิ่งส่งตรวจก่อนจะทำการตรวจ ถ้าสิ่งส่งตรวจมาด้วยสภาพที่ไม่น่าดู เราก็จะปฏิเสธไป ให้พยาบาลเขาไปเก็บมาใหม่ ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของคนไข้ทั้งนั้น แต่เอ...เมื่อกี้ยัยพีช... คงไม่หรอก เธอคงไม่เอาวิชาชีพตัวเองมาทำอะไรไม่ดีเพื่อแกล้งฉันหรอก ฉันอาจจะคิดมากไปเอง
“เฮ้อ...คิดอะไรเนี่ย” ฉันส่ายหน้าสลัดความคิดเรื่องเมื่อกี้ออกจากหัวไป ก่อนจะเดินไปซื้อกาแฟที่ร้านสะดวกซื้อ
@ร้านสะดวกซื้อใต้ตึกผู้ป่วยหนัก ICU
ฉันเดินมาถึงร้านสะดวกซื้อที่ด้านในมีร้านกาแฟอยู่ เดินมาไกลหน่อยแต่ร้านนี้อร่อยอย่าบอกใคร
“เฮ้อออ” ฉันถอนหายใจออกมาเมื่อไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของยัยพีชได้ หล่อนไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำถึงขนาดนั้นสักหน่อย ถึงยัยนั่นจะเกลียดฉันเข้ากระดูกดำแต่เธอคงไม่เอาชีวิตคนไข้มาเสี่ยงเพื่อแกล้งฉันหรอกมั้ง
“วันนี้ เหมือนเดินนะครับ” พนักงานร้านกาแฟเอ่ยถามฉัน ก่อนที่ฉันจะพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มเบา ๆ อย่างเป็นมิตร ระหว่างรอฉันไล่สายตาไปทั่วร้านสะดวกซื้อเพื่อมองหาอะไรกิน แต่ก็พบกับใครบางคนที่ทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมา
ใบหน้าคมสัน สีผมของเขานั้นมีสีน้ำตาลเข้มค่อนไปทางดำสนิท สมองโด่งคมสัน มันโด่งมากจนยกให้ริมฝีปากทางด้านบนของเขาสูงขึ้น เขาหล่ออย่างกับพระเอกเกาหลี ไม่คิดเลยว่าเราจะได้ทำความรู้จักกัน ไม่รู้นะว่าทุกคนคิดยังไง แต่ว่าพอพูดคำว่าหมอเขาก็เก่งและไกลเกินเอื้อมมาก ๆ แถมหล่อสุด ๆ อีกด้วย
ร่างสูงกำลังเปิดตู้แช่แข็ง เขากำลังเลือกอาหารแช่แข็งอยู่ อ่า…เขากินอาหารแช่แข็งตลอดเลยเหรอเนี่ย เป็นถึงหมอแต่กลับไม่รักสุขภาพตัวเองเอาซะเลย เป็นห่วงเขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เรียบร้อยครับ” เสียงพนักงานเอ่ยเรียกดึงสติฉัน ก่อนที่ฉันจะยื่นมือไปรับ แต่อยู่ ๆ ฉันก็นึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมา
“ขอสั่งเพิ่มนะคะ เอาแบบเดิมอีกแก้วหนึ่งค่ะ ฝากให้คุณหมอคนนั้นค่ะ” ฉันชี้ไปที่หมอวายุให้พนักงานดู พนักงานจึงพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มแปลก ๆ ราวกับกำลังแซวฉันอยู่
“และก็...ฉันขอเขียนข้างแก้วหน่อยนะคะ” พนักงานพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะยื่นแก้วพลาสติกเปล่ามาให้ฉันพร้อมกับปากกาเมจิก ฉันเขียนข้อความลงไปก่อนจะคืนกลับ
“ฝากด้วยนะคะ” พนักงานพยักหน้ารับ เขาก้มอ่านข้อความข้างแก้วพร้อมกับเบิกตากว้าง ก็แหงสิข้อความมันชวนสยิวซะขนาดนั้น ฉันอมยิ้มออกมาอย่างคนเขินอายให้กับสิ่งบ้า ๆ ที่ตัวเองทำ ไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้วฉันไม่อยากปล่อยให้โอกาสมันหลุดลอยไป
@ห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก
ฉันเดินมาถึงหน้าห้องทำงานโดยที่ยังกินกาแฟไม่หมด ทำให้เข้าไปในห้องแล็บไม่ได้ เพราะห้องแล็บเป็นห้องปลอดเชื้อเราไม่ได้รับอนุญาตให้เอาอะไรเข้าไปและเอาอะไรออกมาสักอย่าง ฉันก็เลยเปิดโทรศัพท์เล่นพลางดูดกาแฟไปด้วย เปิดไอจีก่อนจะเห็นว่าหมอวายุเขาอัปสตอรี่ไอจีด้วย
ฉันลืมบอกว่าตั้งแต่ฉันเป็นเพื่อนทางไลน์กับเขา ทั้งไอจี ทั้งเฟซบุ๊ก ก็ขึ้นชื่อเขาให้ฉันกดฟอลโลว์และเพิ่มเขาเป็นเพื่อนด้วย ว่าแต่เขาอัปอะไรแต่เช้านะ ทว่าพอกดเข้าไปดูนั้นทำเอาฉันอึ้งกิมกี่
มันเป็นภาพแก้วกาแฟพร้อมกับข้อความของฉัน
‘การแฟที่ว่าอร่อย ก็ยังอร่อยไม่เท่าคนสั่งนะ วันนี้ก็สู้ ๆ นะคะ^^’
แต่ที่อึ้งกว่านั้นคือแคปชันของเขา
‘ผมว่ากาแฟอร่อยมากนะ แล้วคนสั่งจะขนาดไหน ต้องลองชิมแล้วล่ะ’
แคปชันตอบกลับของเขาทำเอาฉันถึงกับสำลักกาแฟ เขินเป็นบ้าเลย ฉันกะจะยั่วเขาหน่อย แต่เขาพร้อมจะขย้ำฉันเลยเหรอเนี่ย พอคิดแล้วภาพสยิวก็วิ่งเข้ามาในความคิด
หืยย~ ขนลุก
ตึ้ง!
เสียงแจ้งเตือนไลน์ฉันดังขึ้น ฉันรีบอ่านผ่านการแจ้งเตือนโดยที่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านข้างในเพราะข้อความนี้มาจากหมอวายุ
[ขอบคุณครับ :~]
ฉันจะไม่อะไรเลยถ้าข้อความของเขามีแค่ข้อความ แต่มันกลับมีอิโมจิน้ำลายไหลอยู่ด้วย อะไรเนี่ย น้ำลายไหลคืออะไร มันหมายถึงกาแฟอร่อย หรือเขามีนัยแฝงอะไร ทำเอาฉันเลิ่กลั่กทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันกดเข้าไปพิมพ์ข้อความตอบกลับเขา ก่อนจะครุ่นคิดเรื่องที่ฉันคาใจเกี่ยวกับยัยพีช เอาเป็นว่าปรึกษาหมอวายุดีกว่า
“วันนี้ตอนเที่ยง ไปกินข้าวด้วยกันไหมคะ?”
ตึ้ง!
[กำลังจะชวนผมเดตเหรอครับ?] บะบ้า ไรเนี่ยย
“เปล่าสักหน่อย”
ตึ้ง!
[งั้นดีเลยครับ] อ้าวทำไมตอบมาแบบนี้ล่ะ ฉันกำลังฟินอยู่แล้วแท้ ๆ ตอบแบบนี้หมายความว่าเขาไม่อยากเดตกับฉันงั้นเหรอ ซึ่งฉันกำลังคิดไม่ดีแต่ข้อความของเขาก็เด้งเข้ามาอีก
ตึ้ง!
[พอดีผมกำลังจะชวนคุณไปเดตพอดี]
ห้ะ!!
ฉันอุทานในใจ
ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้
0.0///
พักเที่ยง...
@โรงอาหารบุคลากรแพทย์
ฉันนั่งก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับผู้ชายตรงหน้า เรานั่งโต๊ะคู่ปกติแล้วโต๊ะเหล่านี้จะมีคู่แฟนหมอเขามานั่งกันน่ะ ส่วนคนไม่มีแฟนก็มักจะไปนั่งที่โต๊ะรวม ฉันเงยหน้ามองไปรอบ ๆ โต๊ะของเรา ตอนนี้สายตาหลายคู่กำลังมองมาที่เราจนฉันทำตัวไม่ถูก แล้วฉันควรทำตัวยังไงดี
“ไม่กินเหรอ” เขาเอ่ยถามฉัน ฉันหันไปสบตาเขา เราสบตากัน ฉันเหมือนถูกต้องมนต์ เขาตักข้าวก่อนจะยื่นมาจ่อที่ริมฝีปากของฉัน
“อ้าปากสิ” อะไรกันเนี่ย ฉันที่ทำตัวไม่ถูกเลยอ้าปากกินข้าวที่เขากำลังป้อนให้ ฉันว่าเขาแพรวพราวเรื่องผู้หญิงมากและต้องรู้แน่ ๆ ว่าฉันกำลังชอบเขา เขาก็เลยคิดอยากอ่อยฉัน!
ฉันกำลังจะเอ็ดเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นเด็ก แต่ทว่า
“พี่หมอคะ ทำไมมานั่งกินข้าวกับดาที่นี่” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้ฉันชะงักไป
“ก็กินข้าวไงอร ไม่เห็นเหรอ” หมอวายุตอบ ส่วนยัยหมออรที่เดินมาข้าง ๆ ถึงกับกำมือแน่น เธอมีท่าทีเหมือนไม่พอใจ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว
“งั้น…อรขอนั่งด้วยคนนะคะ” เธอว่าพลางวางจานข้าวและเดินไปลากเก้าอี้มานั่งด้วย
แบบนี้ก็ได้เหรอ!
ฉันอึ้งไปเลย ยัยหมออรดูไม่ออกเลยเหรอว่าเรากำลังเดตกัน แล้วแบบนี้เขาจะเรียกว่าเดตเหรอ...