บทที่ 2 เคียงข้าง 1

1386 คำ
“หมอวายุ...” ฉันพึมพำชื่อเขาออกมาเบา ๆ ต่างจากหัวใจที่กระหน่ำเต้นแรงไม่หยุด แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ความตื่นเต้นนี้ไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบ “มานั่งทำหน้าเศร้าทำไมตรงนี้” เขาว่าพลางเปิดกระป๋องกาแฟและยื่นให้ฉัน ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ฉันอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี “ดูนี่สิ รองพื้นคุณติดกระป๋องกาแฟน่ะ” “ห๊ะ...” กะพริบตาปริบ ๆ อย่างคนไม่เชื่อหู ไล่สายตามองไปที่กระป๋องกาแฟที่เขาว่า ก่อนจะเห็นว่ารองพื้นมันหลุดจากใบหน้าของฉันจริง ๆ ให้ตายเถอะ...ทำไมมันหลุดง่ายขนาดนี้เนี่ย แล้วทำไมเขาบอกฉันตรง ๆ แบบนี้ เขาจงใจแกล้งฉันอย่างนั้นใช่ไหม “หึ...” เขาขำเบา ๆ ในลำคอ หมอวายุทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก อีกอย่างฉันก็อายเขาด้วย ทำไมเขาขี้แกล้งอย่างนี้! “คุณก็...เล่นพิเรนทร์อะไรก็ไม่รู้” ฉันเอ็ดเขาเล็กน้อยแต่เขากลับยิ้มให้ฉัน เรายิ้มให้กัน ฉันก็เลย... “ฮ่า ๆ ตลกจังเลยเนอะ” หัวเราะร่าแก้เขินออกมาอย่างคนนึกขำตัวเอง จะมีใครที่ไหนทำให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าผู้ชายที่ชอบได้อย่างฉัน ทว่าพอนานเข้าบรรยากาศระหว่างสองเรามันก็เงียบงัน ฉันทำแก้มป่องพยายามหาเรื่องพูดเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบ “เอ่อ / เอ่อ…” หลังจากที่เงียบมาได้สักพัก พอจะเริ่มพูดก็พูดออกมาพร้อมกันราวกับว่าเขาก็รอจังหวะอยู่เหมือนกัน ฉันพยักหน้าไปทางเขาเพื่อให้เขาเริ่มพูดก่อน “อะไรที่ทำให้คิดมาก อย่าคิดมากนะครับ” ฉันชะงักในทันที เขาดูออกอย่างนั้นเหรอ แต่...สบายใจจัง /// มันเหนือจินตนาการมาก ๆ โรงพยาบาลนี้ใหญ่มาก ฉันแอบมองเขามาโดยตลอด ไม่คิดว่าตอนนี้เราจะนั่งข้าง ๆ กันแบบนี้ ฉันยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ มันช่างอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน ฉันรู้สึกเขินมากจนเริ่มหายใจไม่ออก รู้สึกลอยละล่อง ฉันหายใจติดขัดเล็กน้อยก่อนจะรีบส่ายหน้าเบา ๆ เป็นการเรียกสติเพราะว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าไปแล้ว ทว่าก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากขอบคุณเขานั้น “ไอ้ยุมานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย กูตามหามึงตั้งนาน” เสียงทุ้มลึกเอ่ยเรียกคนตัวสูงข้าง ๆ ฉัน เขาหันหน้าไปมองคนที่มาใหม่พร้อมกับฉัน ร่างสูงของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้เราสองคน เขามีใบหน้าที่หล่อมากเลย แต่ก็ไม่เท่าหมอวายุของฉันหรอก เพราะฉันให้หมอวายุเป็นที่หนึ่งในใจของฉันมานานแล้ว “อ้าว...คุณดามานั่งทำไมตรงนี้เหรอครับ” เจ้าของร่างหนาผู้มาใหม่เอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงสนิทสนม เหมือนว่าเขาเคยเจอฉันอะไรประมาณนั้น แต่... ...ใครกันล่ะเนี่ย เขาพยักพเยิดหน้าไปมาระหว่างฉันกับหมอวายุ เหมือนกำลังส่งซิกให้หมอวายุทำอะไรสักอย่าง “เฮ้ออ...คุณดาครับ นี่หมอชัยย์เป็นศัลยแพทย์ทั่วไป เขาเป็นรุ่นพี่แต่สำหรับผมแล้วเขาเป็นเพื่อนรักผมน่ะ” หมอวายุถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะแนะนำหมอคนนี้ให้ฉันรู้จัก “สวัสดีค่ะ พี่หมอชัยย์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทักทายเขาอย่างเป็นมิตร แต่เขากลับส่ายหน้าให้กับฉัน “ไม่ต้องยกมือไหว้ขนาดนั้นก็ได้ครับ เราอายุไม่ต่างกันเท่าไร...แค่สี่ปีเอง” พี่หมอชัยย์ว่าพลางฉีกยิ้มกว้าง ฉันก็เลยยิ้มตอบกลับเขาไปตามมารยาท แต่เมื่อครู่เขาว่าไงนะ...สี่ปีงั้นเหรอ เขารู้จักฉันอย่างนั้นเหรอ ทว่า “อ่ะ แฮ่ม~” เสียงกระแอมเบา ๆ จากหมอวายุทำให้ฉันหันไปมอง แต่เอ...ใบหน้าของหมอวายุนั้นไม่สบอารมณ์สักเท่าไร ทำไมหน้าเขาเหมือนไม่พอใจอะไรฉันเลย หรือว่าฉันทำตัวไม่เหมาะสมกับเพื่อนของเขา... “มึง ตามหากูทำไม” หมอวายุหันไปถามหมอชัยย์ เขามีสีหน้าไม่พอใจจริง ๆ นะ ถ้าฉันเข้าข้างตัวหน่อยก็จะคิดว่าเขากำลังหึงฉันแหละ แต่...ฉันเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ “อ้อ! พอดีเห็นห้องฉุกเฉินโทรมาบอกว่ามีคนไข้ฉุกเฉินเส้นเลือดหัวใจตีบ แต่เห็นว่าไม่มีคน กูก็เลยมาที่ห้องฉุกเฉินเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง เห็นบอกเส้นเลือดหัวใจตายไปหลายเส้น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน อาการรุนแรงเชียว กูมาถึงก็ไม่เห็นใครละ ไม่เห็นมึงด้วย” หมอชัยย์อธิบายมายาวเหยียด เขาไม่พักหายใจเลยล่ะ “จะเห็นได้ไงล่ะ มึงเข้าประตูหลัง อีกอย่างมึงมาทำไมเวลานี้ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ กูวินิจฉัยเบื้องต้นส่งไปฉีดสีที่ห้องสวนหัวใจละ” หมอวายุเอ็ดหมอชัยย์ตามประสาเพื่อน ซึ่งฉันก็คิดว่าเขาคงมาช้าแล้วจริง ๆ เพราะตอนนี้ที่ห้องฉุกเฉินไม่มีใครแล้ว ทว่าดูจากการแต่งตัวของเขานั้นเหมือนว่าเขาจะยุ่ง ๆ นะ แต่เขาก็ยังแวะมาหาคนไข้ฉุกเฉินอีก เขายังคงใส่ชุดในห้องผ่าตัดสีเขียว ไม่ได้สวมกาวน์ยาวทับด้วยสงสัยคงรีบมาก ...ซึ่งฉันเข้าใจมาก ๆ เพราะว่าโรงพยาบาลที่ฉันทำงานอยู่น่ะกำลังมีปัญหา แพทย์ก็ถูกลดเวรลงด้วย ทำให้หมอที่เหลืออยู่ต้องช่วย ๆ กันทำงาน ผลัดเวรกันไม่ว่าจะเชี่ยวชาญด้านไหน...ไม่ใช่แค่แพทย์หรอก ตอนนี้โรงพยาบาลแห่งนี้กำลังจัดการบุคลากรทางการแพทย์มั่วไปหมด ฉันได้ยินเขาพูด ๆ กันว่าโรงพยาบาลกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ทว่าขณะนั้นเอง หวอออออ~ อยู่ ๆ เสียงไซเรนรถพยาบาลก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของหมอวายุที่ดังขึ้นเช่นกัน เขากดรับทันที... “วายุครับ หมอเวรวันนี้” เขากรอกเสียงใส่โทรศัพท์ ด้วยสีหน้าไม่ดีสักเท่าไร แหงสิ...เสียงไซเรนกับเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังพร้อมกันซะขนาดนี้ [คนไข้เป็นเด็กหญิง อายุ 14 ปี มาด้วยอาการโคม่า มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน ลมหายใจมีกลิ่นผลไม้อ่อน ๆ ตอนนี้กำลังเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน รบกวนหมอวายุมาที่ห้องฉุกเฉินด้วยค่ะ คนไข้มีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลเราโดยมีคุณเป็นแพทย์เจ้าของไข้พอดีค่ะ] เสียงพยาบาลห้องฉุกเฉินพูดชี้แจงอาการคนไข้ด้วยความเร่งรีบแต่ชัดถ้อยชัดคำแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ พอดีบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบทำให้ฉันได้ยินเสียงคนในสายดังชัดเจน [ตอนนี้ทำอะไรไปบ้างแล้ว] หมอวายุถามผ่านโทรศัพท์พลางโบกมือลาฉันกับหมอชัยย์ ฉันพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดว่า ‘สู้ ๆ’ ผ่านลมปากแบบไม่มีเสียง หมอวายุมองฉันก่อนจะพยักหน้ารับและหมุนตัววิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน อยากเอามือตะปบปากตัวเอง เมื่อกี้ฉันทำอะไรลงไป...ฉันบอกเขาทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งรู้จักฉันงั้นเหรอ ทำไมไม่สงวนท่าทีเลย “เอ่อ...” พอหมอวายุไปแล้ว หมอชัยย์ก็ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่า ครืด ครืด~ เสียงโทรศัพท์ของฉันกลับดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ซึ่งรายชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ฉันรีบกดรับทันที [ดามีคนไข้โคม่าที่ห้องฉุกเฉิน ตอนนี้พยาบาลห้องฉุกเฉินส่วนหนึ่งอยู่ที่ห้องสวนหัวใจ ดาไปเก็บตัวอย่างเลือดที่ห้องฉุกเฉินด่วนเลยนะ] พอได้ยินอย่างนั้นฉันก็เลยรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน โดยไม่ลืมยื่นกระป๋องกาแฟให้หมอชัยย์ “ฝากทิ้งหน่อยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” ฉันโบกมือลาหมอชัยย์โดยที่เขากำลังยืนอ้าปากค้างราวกับมีเรื่องจะคุยกับฉัน แต่ตอนนี้ฉันต้องเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม