Chapter 7 รักของเรา (4)
ริมหาดพัทยายามค่ำ เสียงคลื่นซัดสาดกระทบฝั่งดั่งเสียงขับกล่อม...ตรงที่นั่งในร้านอาหารของโรงแรมที่อยู่ติดชายหาด เสียงเพลงในจังหวะฟังสบายหูดังคลอเคล้า ผสานเสียงคุยกันเบา ๆ ของแขกในร้านที่ค่อนข้างบางตา
จอมขวัญนั่งท้าวคางบนหลังมือ มองคนที่ลากหล่อนมาถึงพัทยาด้วยแววตาเคร่งเครียด...ทุกครั้งที่มีปัญหา หล่อนจะเปลี่ยนสภาพจากน้องสาวเป็นกระโถนชั่วคราว เป็นที่ระบายให้เขาเพียงเพราะมีหล่อนเพียงคนเดียวที่เขาไว้ใจที่จะคุยได้ทุกเรื่อง
หล่อนรู้แล้ว...เรื่องที่บรรดาคณะกรรมการไม่เห็น ชอบเรื่องเทคโอเวอร์...หากแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาลองคุยกับคนอื่นๆ ดูหรือยัง
"ในเมื่อ Liquor ไม่อนุมัติ แล้ว Windy ล่ะเฮีย ลองปรึกษาเพื่อน ๆ ดูหรือยัง"
หล่อนหมายถึง Windy Winery ที่เขามีหุ้นส่วนอยู่ จากการชักชวนของแทนไทเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งถือว่ายังพอมีทางออกหากคุยกันได้ ไม่ได้จนหนทางไปเสียทีเดียว
จอมทัพถอนหายใจ ก่อนจิบไวน์ลงคออึกใหญ่
"ยังไม่ได้คุย เกรงใจคนอื่น ๆ ที่เขาไม่เกี่ยวข้อง หากจะเอาเงิน Windy มาซื้อกิจการ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเห็นด้วยหรือเปล่า"
"แต่มันก็จริงนะ เหมือนซื้อผีมาเผา ไม่รู้ว่ากี่ปีกว่าจะฟื้นตัว"
"นั่นแหละ ห้าปีจะทำได้มั้ยก็ยังไม่รู้เลย"
"แล้วที่ลากจี้มาถึงพัทยา มีแค่เรื่องนี้เนี่ยนะ"
จอมขวัญสบตาคนตรงหน้า เชื่อว่าต้องมีอะไรมาก กว่านี้แน่นอน...แววตาของเขามันฟ้องว่ากำลังสุมความ เครียดเอาไว้ในใจ
จอมทัพสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก ตัดสินใจโพล่งมันออกมา
"แกรู้อะไรมั้ย เพียงดาวท้อง!"
".....!"
คนฟังชะงักตกใจ ไม่เชื่อหูว่านั่นคือเรื่องจริง
"ท้อง...แล้วท้องกับใคร!"
"ฉันคาดคั้นเธอไม่บอก แต่มันมีไอ้งั่งคนนึงมาแสดงตัวว่าเป็นพ่อเด็ก มันบอกเพียงดาวท้องกับมัน แล้วเธอก็ไม่ปฏิเสธด้วยซ้ำว่าไม่ใช่"
"แล้วไปรู้เรื่องเขาได้ยังไง ฮึ!"
มองคนพูดอย่างจับผิด...ถ้าไม่ตอแยก็คงไม่รู้ จอมขวัญคาดเดาตามความน่าจะเป็น
"ก็...ก็ไปส่งเธอที่ทำงาน ก็เลยรู้"
"เฮีย...มีเมียแล้วนะ ทำไมยังทำตัวแบบนี้"
"นี่ยายจี้ นั่งฟังเฉย ๆ ไม่ต้องออกความเห็น!"
"เอ๊า แล้วเรียกให้มาหาทำไม"
จอมขวัญถึงกับเกาหัว เริ่มตามไม่ทันอารมณ์พี่ชาย บอกต้องการคำปรึกษา แต่กลับให้งดออกความเห็นเสียอย่างนั้น
หล่อนชักไม่แน่ใจสรุปสัมพันธ์ของพี่ชายกับบุษบากรนั้นจบจริงหรือไม่ กลัวว่าถ่านไฟเก่าจะคุจนเกินดับได้ทัน และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายยังคงกังขาเรื่องเด็กในท้องลูกใคร
"ที่พูดแบบนี้ แสดงว่าไม่เชื่อใช่มั้ย"
"ฉันกลัวว่าจะเป็นไอ้คิงส์ ถ้าเป็นมันจริง ๆ แล้วจะทำยังไง"
"ก็ให้เขารับผิดชอบไปสิ"
“ฝันไปเถอะว่าหมอนั่นจะรับใครเป็นลูกง่าย ๆ"
"คนนั้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ใช่ แล้วทำไมถึงไม่คิดว่าเป็นตัวเองบ้าง ถามตัวเองดี ๆ ว่าไปไข่ทิ้งไว้บ้างมั้ย!"
".....!"
ถ้อยคำน้องสาวทำเอาจอมทัพนิ่งอึ้ง มันทำให้เขาทบทวนถึงความเป็นไปก่อนที่เขาจะแต่งงาน
คืนนั้น...สัมพันธ์รักลึกซึ้งเกิดขึ้นเพราะความเมา มันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ หากแต่เพราะไม่ยอมหักห้ามใจ ปล่อยให้มันเกิดขึ้นก่อนวันแต่งงานเพียงไม่นาน
เขาตอบตัวเองไม่ได้...ทำไมจึงวนเวียนกับความรู้สึกนี้ ความห่วงหาอาทรที่ไม่อาจสลัดพ้นแม้เพื่อนของหล่อนจะสารภาพมาแบบนั้น ยังคงอยากรู้ความเป็นไปของบุษบากร หลังจากนี้จะมีความเป็นอยู่อย่างไร
และการนิ่งเงียบของพี่ชายทำให้จอมขวัญถึงกับกุมขมับ หล่อนเคยห้ามแล้วแต่ไม่ฟัง คัดค้านการแต่งงานที่เกิดขึ้นเพียงเพราะต้องการประชดประชัน ผลสุดท้ายก็ตัดใจจากบุษบากรไม่ได้จริง ๆ
"เฮีย...ทุกอย่างเฮียเป็นคนตัดสินใจเลือกเองนะ เตือนแล้วใช่ไหม ทุกคนก็ห้ามใช่ไหม แต่ตอนนั้นเฮียไม่ฟังใครเลย"
นั่นแหละคือสิ่งที่เขาเถียงไม่ขึ้น มารู้ตัวก็เมื่อสายไป เขาไม่ควรลากใครมาในวังวนนี้ เพราะมันหมายถึงว่าเขาต้องรับผิดชอบชีวิตคน ๆ หนึ่งไปตลอด และหล่อนไม่ได้ทำอะไรผิดที่จะทิ้งมาเพื่อกลับไปหาคนเก่าที่ยังรักไม่ลืม
"อย่ารู้ดีไปหน่อย ฉันเนี่ยนะ ที่อยากกลับไปหาเธอ หึ ผู้หญิงไม่รู้จักพอแบบนั้น มีค่าแค่ไหนให้ต้องวิ่งตาม"
หากแต่เขาก็ยังคงไม่ยอมรับเพียงเพราะอคติที่ยังสลัดไม่หลุด ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้ว่าหล่อนบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดหักหลังเขาเพื่อไปหาภวินทร์
ทั้งสองนั่งคุยปรับทุกข์กันไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางลมทะเลโชยเอื่อย โดยที่จอมทัพหลงลืมไป เขานัดใครเอาไว้ที่บ้านเพื่อจะกลับไปทานข้าวเย็นกับเธอ ป่านนี้ฝ่ายนั้นคงรอเก้อ มื้อเย็นต้องเป็นหมันเพราะเขาไม่กลับไปตามสัญญา
เช้าวันเสาร์อันแสนเศร้า...คคนางค์ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับคราบน้ำตาที่ยังคงเหลือร่องรอยเอาไว้ให้ตอกย้ำถึงความเจ็บปวด...คนที่หล่อนรอคอยเขาไม่กลับมาทั้งคืน โทร.ไปไม่รับซ้ำยังไม่เคยโทร.กลับ คิดไปไกล...เขาแอบไปนอนกอดใครที่ไม่ใช่เธอ
ได้แต่ถามตัวเอง...มีความสุขมั้ยกับทุกวันนี้ ได้ตัวเขามาแต่ไม่ได้ใจ มันไม่ต่างกับตกลงไปในห้วงอเวจีที่มีหนามแหลมคม
หอบใจที่บอบช้ำเดินออกไปนอกห้อง...ที่หน้าห้อง หล่อนหยุดคิดแล้วหันมองบานประตูห้องนอนของน้องสาว ราวมีอะไรดลใจให้เดินไปลองเคาะเรียก...มันเงียบงันไร้การ ตอบรับจากภายใน
บุษบากรไม่อยู่ แต่ก็ไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เพียงเท่านั้น...ความคิดบางอย่างก็แล่นพล่าน ทั้งสงสัยใจเต้นแรง มันบังเอิญเกินไปกับการที่คนสองคนหาย ไปพร้อม ๆ กัน
"พี่จอม!"
หล่อนไม่ไหวแล้ว เมื่อคิดไปถึงว่าทั้งสองแอบพากันไปนอนที่อื่น อารมณ์โกรธพุ่งพล่านจนเกินต้าน เสียงกรีดร้องดังขึ้นที่หน้าห้อง มันดังพอที่จะทำให้คนในบ้านได้ยิน
อุไรเป็นคนแรกที่วิ่งขึ้นมาดู เห็นเจ้านายสาวกำลังตีโพยตีพายคลุ้มคลั่ง เสียงร่ำไห้ที่ทำเอาตกใจ ผสานเสียงก่นด่าอย่างคนสติหลุด
"เลว! คนสารเลวแย่งผัวชาวบ้าน ฉันจะฆ่าแก ฮือ ๆ"
"ค่าใช้จ่ายของคุณบุษบากรมีคนจ่ายให้แล้วนะคะ เดี๋ยวเตรียมตัวกลับบ้านได้เลยค่ะ"
“ใครคะ"
"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ดิฉันแค่รับการประสานงานมาจากฝ่ายการเงิน"
พยาบาลสาวยิ้มให้แล้วเดินออกไป...ท่ามกลางความเงียบงัน บุษบากรกับชัยกรมองหน้ากันอย่างงุนงง
คงจะเป็นจอมทัพ บุษบากรเชื่อเช่นนั้น เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่รู้ว่าหล่อนเข้าโรงพยาบาล ก่อนหน้านั้นได้โทร.บอกทางบ้านเพื่อไม่ให้เป็นการแตกตื่น โดยโกหกว่าทำโอทีต่อที่ร้านขนมแล้วก็ขอนอนค้างที่นั่นเลย
ชัยกรยื่นเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ส่งให้เพื่อน สังเกตเห็นความกังวลในแววตาคู่สวย
"แล้วจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า"
"....."
"ถ้าไม่อยากกลับ ไปบ้านกรณ์ก่อนก็ได้นะ"
“อย่าเลยกรณ์ แค่เอาตัวมาพัวพันกับเรื่องนี้ก็รบกวนมากพอแล้ว และดาวกำลังคิดว่าจะบอกทุกคนว่าดาวท้องไม่มีพ่อ ไม่อยากให้กรณ์มารับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ได้ก่อ"
ชายหนุ่มวางเสื้อผ้าไว้ที่ปลายเตียง เดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ คนป่วย คว้ามือนุ่มมากุมเอาไว้
"ไม่เป็นไรดาว กรณ์เต็มใจ"
บุษบากรค่อย ๆ ดึงมือหนี รู้สึกแปลก ๆ กับแววตาของเพื่อนที่มองมา
"เพื่ออะไรกรณ์ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้"
"เพราะ...เอ่อ..."
เขาอยากสารภาพเหลือเกิน แม้จะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่เขาก็เป็นเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อ หากแต่ก็กลัวใจจะแบกรับกับความผิดหวังไม่ไหว จึงได้แต่กดมันไว้
"เพราะเราเป็นเพื่อนรักกันไง"
เขาคลี่ยิ้ม กลบเกลื่อนความผิดปกติในแววตา...ไม่ว่าเธอจะเป็นของใครมาก่อน เขารับได้เสมอ
"อืม...เราจะเป็นแค่เพื่อนกันตลอดไปนะ"
บุษบากรพาร่างลงจากเตียง หอบเสื้อผ้าเพื่อเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ท่ามกลางสายตาที่มองตามด้วยความผิดหวัง...มันชัดเจนแล้วในถ้อยคำ หล่อนบอกเขาเป็นนัย ๆ ว่าสถานะของหล่อนกับเขาจะไม่มีวันพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นได้อีกแล้ว
'เพราะยังรักเขาใช่มั้ยดาว เธอถึงไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้พิสูจน์ตัวเองเลย'
เขาไม่เข้าใจ...ทำไมผู้หญิงถึงรักคนที่ทำเลวกับตนได้อย่างไม่น่าให้อภัย เขาสิควรได้รับความรักนั้นเพราะเชื่อมั่นถึงความดีที่ตัวเองมี เชื่อว่าจะรักเธอได้มากกว่าเขา หากแต่เขาก็ยังแพ้ผู้ชายคนนั้นอยู่ดี...เพราะดีเกินไป คำนี้ยังคงใช้ได้เสมอ มันตรงกับชีวิตเขาเหลือเกิน