“พี่ขอโทษ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้ว โอเคมั้ย” มือใหญ่ลูบหัวเธอก่อนจะบีบจมูกเบา ๆ คล้ายจะเอ็นดู แต่เธอก็ไม่ไว้วางใจอยู่ดี
ใครจะกล้าเชื่อคนที่อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนจากหน้าดุเป็นหน้าใจดีเพียงแค่กะพริบตา ไม่ต่างจากตบหัวแล้วลูบหลังเลยสักนิด
“ไม่ทำแน่นะคะ”
จักรภัทรยิ้มรับอ่อนโยนพร้อมพยักหน้า
“สัญญา”
“สัญญา” จักรภัทรรับคำก่อนก้มลงจุมพิตเบา ๆ บนหน้าผาก
เมื่อได้ยินคำสัญญาก็ทำให้เธอวางใจลงนิดหน่อย สัมผัสบนหน้าผากทำให้รู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก รวมทั้งอารมณ์ขุ่นมัวก็จางลง ทำไมเวลาอยู่กับจักรภัทร เธอถึงได้รู้สึกอบอุ่นขนาดนี้ อย่างกับมีพ่อเป็นคนที่สอง ถึงแม้ว่าเขาจะชอบทำหน้าดุจนติดเป็นนิสัย แต่ภายในกลับไม่ได้เย็นชาอย่างที่คิด เมื่อคิดได้ดังนั้นพริมพริสาก็เริ่มปล่อยวางและผ่อนคลายจนผล็อยหลับไปในที่สุด
เปลือกตาบางกะพริบช้า ๆ เพื่อปรับแสงจากภาพตรงหน้า หลังจากเผลอหลับไปเพราะร่างกายอ่อนแรง อันเนื่องมาจากรับศึกหนักตั้งแต่คืนแรกจนถึงตอนนี้ เจ้าสาวมือใหม่อย่างเธอก็ใช่ว่าจะสามารถปรับตัวได้เร็วขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเริ่มชอบการสัมผัสของจักรภัทรอยู่บ้างก็เถอะ
ว่าแต่... เขามานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ดวงตากลมเหลือบมองท่อนแขนที่พาดอยู่บนหน้าท้องของตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาจนจำความได้ ก็ไม่เคยต้องนอนเบียดกับคนอื่นนอกจากครอบครัวมาก่อน แถมยังโดนเบียดในที่แคบแบบนี้อีกต่างหาก โชคดีที่โซฟานั้นใหญ่พอที่จะรับร่างคนสองคนได้ ไม่อย่างนั้นมีหวังได้กลิ้งตกลงไปข้างล่างเป็นลูกขนุนแน่
พริมพริสาพยายามขยับตัวลอดออกจากพันธนาการของกล้ามเนื้อ แต่ต่อให้ทำตัวลีบเล็กแค่ไหน ก็ยากจะเป็นอิสระอยู่ดี แถมพอเธอเผลอขยับตัวแรงนิดหน่อย จักรภัทรก็ยิ่งกอดตัวเธอแน่นขึ้นอย่างกับกำลังกลั่นแกล้งเธออย่างนั้นแหละ
“พี่ใหญ่ แพรหายใจไม่ออก” เสียงใสบ่นอู้อี้
“นอนต่ออีกหน่อยเถอะ พี่เพิ่งทำงานเสร็จ” จักรภัทรพูดทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา
“แต่แพรหิว!” คนตัวเล็กประท้วง ดูเหมือนสามีของเธอจะลืมไปว่าตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงที่เขาช่วงชิงพลังงานจากเธอไป เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย และตอนนี้ท้องไส้ก็กำลังประท้วงอย่างหนักอีกเสียด้วย
ดวงตาเรียวเปิดขึ้นแทบจะทันที จะว่าไปก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าจริง ๆ นั่นแหละ อาจเป็นเพราะเขาเคยชินกับการกินไม่ตรงเวลาจนลืมไปว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
คนตัวเล็กทำท่าจะลุกขึ้นแต่กลับถูกรั้งเข้าไปในอ้อมกอดอีกครั้ง จมูกโด่งคมสันฝังลงบนซอกคอหอมกลิ่นแป้งเด็ก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าน้ำหอมราคาแพงแต่ฉุนจัดจนทำให้เขาเป็นภูมิแพ้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่เขาแทบไม่มีข่าวกับผู้หญิงเลยก็เพราะเรื่องกลิ่นนี่แหละ
พริมพริสาไม่เข้าใจกับการกระทำของสามีของตนเองสักเท่าไหร่ เพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่อายุกำลังจะเข้าหลักเลขสี่อย่างจักรภัทรจะอ้อนเธอเป็นด้วย
ดวงตาใสเหลือบมองเจ้าของจมูกคมสันที่มักจะทำให้ใจสั่นอยู่เสมอ ก่อนเอ่ยคำถามอย่างไม่มั่นใจ
“ปกติ... พี่ใหญ่ทำอาหารกินเองหรือเปล่าคะ”
จักรภัทรเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกแปลกใจกับคำถามของคนในอ้อมกอดไม่น้อย คงเพราะไม่เคยมีใครถามเขาแบบนี้มาก่อน ใบหน้าที่คงความเย็นชาเป็นเอกลักษณ์ละมุนขึ้นทันทียามคุยกับภรรยาตัวน้อย ถ้าเป็นตัวเขาในยามปกติคงไม่ชอบให้ใครมีวุ่นวายในเรื่องส่วนตัว แต่กับพริมพริสา บางทีการเรียนรู้กันและกันอาจเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ไม่เลว
หญิงสาวเอียงคอมองตาใส รอคอยคำตอบอย่างคาดหวัง
ดวงตาเป็นประกายราวกับตากวาง ชักทำให้เขาอยากกลายร่างเป็นนักล่าอีกสักรอบ แต่กลัวว่าคนตัวเล็กจะรับไม่ไหว...
“ปกติออกไปกินข้างนอกน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอคะ ถ้างั้นก็ไม่ค่อยได้ทำกินเองสินะคะ” หญิงสาวสรุปและถอนหายใจเบา ๆ ก็แน่ล่ะ คนอย่างจักรภัทรขึ้นชื่อว่าเป็นคนช่างเลือก เขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองอยู่แล้ว
ทั้งที่การทำอาหารและขนมเป็นสิ่งเดียวที่เธอชอบแท้ ๆ
จักรภัทรจับสังเกตถึงดวงตาและสีหน้าของผู้เป็นภรรยาที่หม่นหมองลง ก็พลันนึกได้ว่าคนตรงหน้านั้นมักถูกมารดาของเขาชมอยู่เสมอเรื่องฝีมือการทำอาหารและทำเบเกอรี่ ได้ข่าวว่าเจ้าตั้งใจจะไปเรียนหลักสูตรเบเกอรี่ที่ต่างประเทศด้วยซ้ำ ทว่าแผนการทุกอย่างกลับต้องถูกพับเก็บไปเมื่อต้องแต่งงานกับเขาแทน พอคิดได้เช่นนี้ ก็เหมือนว่าตัวเขาเองที่เป็นคนทำลายความฝันของเธอ
ถ้าเช่นนั้นเพื่อเป็นการชดเชย เขาจะสนับสนุนพริมพริสาด้านนี้เอง
“แต่ถ้าแพรจะทำให้พี่ พี่ก็ยินดี”
พริมพริสาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมหันไปมองเจ้าของประโยคด้วยความสับสน
“พี่ใหญ่ว่าอะไรนะคะ”
จักรภัทรยันตัวลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง
“ที่พี่ออกไปกินข้างนอกก็เพราะเหงาน่ะ ถ้ามีเราอยู่เป็นเพื่อน กินที่บ้านของเราก็ดี” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงอ่อนโยนชนิดที่ไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน ขณะที่มือเรียวยังลูบปลอยผมสีน้ำตาลอ่อนเล่นไปมา