แผนการอันยิ่งใหญ่

1945 คำ
“ท่านอาเจ้าคะ ต่อให้ไม่ได้โสมสักต้นทุกคนก็ไม่ต้องเสียใจไป” ‘นางพูดอะไรใครเสียใจกัน ก็เห็นมีแต่นางที่ทำหน้าตาและท่าทางผิดหวังอยู่คนเดียว หึๆ’ ไท่หยุนกล่าวในใจพร้อมกับอดขำกับคำพูดปลอบใจของหลานสาวไม่ได้ “อาไม่ได้เสียใจ” “พวกเราก็ไม่ได้เสียใจขอรับ ใช่มั้ยพี่ใหญ่” “อืม..” “พวกท่านเห็นนั่นหรือไม่ ป่าดอกไม้ที่พวกท่านเห็นอยู่ด้าน หน้านั่นมันคือของดีเชียวล่ะ” “มันคือต้นอะไรหรือน้องรอง หากมันคือของดีจริงไยคนถึงไม่รู้จัก” แล้วนางรู้ได้อย่างไรในเมื่อนางก็ไม่เคยเข้าป่าด้วยซ้ำ “มันคือตังเซียมหรือตานเซินเจ้าค่ะ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือโสมคนจน ที่เรียกเช่นนี้เป็นเพราะว่าสรรพคุณของตังเซียมนั้นเหมือนกับโสมเกือบทุกประการอาจจะด้อยกว่าเวลาเอาไปใช้จึงต้องใช้ในจำนวนที่มากกว่าโสมและมันก็ไม่แพงเท่าโสม ทั้งปลูกง่ายกว่าและเก็บเกี่ยวได้ไวกว่าโสมอีกด้วย” “หากมันเป็นอย่างที่เจ้าว่าทำไมคนถึงไม่รู้จักกันล่ะอาหวา” “นั่นน่ะสิเจ้าคะแต่ที่ที่อาหวาไปเที่ยวมา ตังเซียมเป็นที่นิยมของผู้คนที่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อโสมมากินพวกเขาจึงได้หันไปใช้ตังเซียมเพื่อทดแทน จากนั้นผู้คนจึงได้เรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่าโสมคนจนยังไงล่ะเจ้าคะ” มันน่าแปลกจริงๆ นี่นางมาอยู่ในยุคหรือโลกที่ผู้คนไม่รู้จักตังเซียมหรือยังไงนะหว่าหวาอดสงสัยไม่ได้ “อาหวา..อาเชื่อและเชื่อทุกอย่างที่เจ้าเล่ามา แล้วจากนี้อาหวาจะให้อาขุดเจ้าตังเซียมทั้งหมดเลยหรือไม่” ท่านอา..ท่านล้อข้าเล่นแล้วเกิดอาหวาบอกขุดให้หมดท่านจะขุดไหวหรือดูจากสายตาแล้วมันมีอยู่มากมายหลายสิบหมู่ทีเดียวนา “ขุดไปสักยี่สิบต้นก็พอเจ้าค่ะ ดูต้นใหญ่ๆ หน่อยนะเจ้าคะ อืม..แล้วตอนนี้เราอยู่ส่วนไหนของป่าหรือเจ้าคะท่านอา อาหวารู้สึกว่าเราเดินรอบป่าแล้วมาทะลุตรงนี้มันงงไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” “อ่อ..ที่ตรงนี้คือป่าชั้นนอกห่างจากจวนของเราราวสองลี้ เดินลงไปอีกนิดก็จะเป็นลำธาร เสร็จจากตรงนี้แล้วอาจะพาเจ้าไปเอาปี๋ฉี เจ้าจะได้ทำขนมหวานให้พวกเราชิมยังไงล่ะดีหรือไม่” “ดีที่สุดเจ้าค่ะ ให้อาหวาช่วยขุดนะเจ้าคะ” นางก็ถามไปอย่างนั้นแหละประเดี๋ยวท่านอาก็จะบอกว่า… “ไม่ต้องเลยแค่อากับเจ้าใหญ่ก็พอ อาหวากับอาฮั่นไปพักใต้ต้นไม้โน่นอย่ามาเกะกะอา” นั่นปะไรล่ะท่านอาก็เป็นเสียแบบเนี้ยหว่าหวาคอนเฟิร์มตรงนี้เลยว่าบุรุษสกุลไท่ของหว่าหวาขยันและเป็นสุภาพบุรุษทุกคนเลย “ไปกันแถอะน้องเล็กเราไปกินซาลาเปาแล้วนั่งจิบชากันดีกว่า” “พี่รองเตรียมน้ำชามาด้วยหรือขอรับ” “เปล่าหรอกพี่แค่อยากจะพูดให้มันดูดีเท่านั้นแหละ คิกๆ” เพียงไม่นานท่านอากับพี่ใหญ่ก็ขุดต้นตังเซียมเสร็จแล้วจึงเรียกให้หว่าหวาไปตรวจสอบว่าใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ หว่าหวาก็ไม่รอช้านางก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าดวงตาสวรรค์จะทำงานได้ดีเพียงใดแต่คิดว่าคงทำงานได้ดีไม่ผิดอย่างแน่นอน “อาหวามาดูนี่สิใช่อย่างที่เจ้าว่าหรือไม่” แล้วหว่าหวาก็ส่งสายตาตรวจสอบทันที... “ใช่แน่แล้วเจ้าค่ะท่านอา รากก็เยอะแล้วยังมีแต่รากอวบๆทั้งนั้น พื้นที่และอากาศเช่นนี้มันคงชอบนัก มันถึงได้เกิดมากมายและงดงามขนาดนี้ ไม่รู้ว่าถ้าอาหวาจะลองเอาไปปลูกที่จวนมันจะงามแบบนี้หรือไม่” “เอาต้นเล็กๆ ไปลองปลูกดูสิขอรับ ข้าจะเป็นคนปลูกเอง” อาฮั่นกล่าวกับพี่สาว เรื่องการเพาะปลูกต้องยกให้อาฮั่น ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าอาฮั่นมีหัตถ์เทพแห่งการเพาะปลูก ชื่อนี้เป็นท่านอาตั้งให้..อาหวาจะเล่าให้ฟัง มีอยู่วันหนึ่งท่านอาอยากลองเอาผลไม้ป่าไปปลูกที่จวน ปลูกไปแล้วสองวันผ่านไปเหมือนมันจะเหี่ยวเฉาคาดว่าไม่น่าจะรอด อาฮั่นเลยขอเป็นคนดูแลเอง เพียงข้ามคืนต้นผลไม้ป่าต้นนั้นกลับฟื้นมีชีวิตชีวาเสมือนงอกเงยขึ้นจากป่าก็มิปาน จนกระทั่งตอนนี้ออกดอกออกผลงดงามทีเดียว นั่นคือที่มาของหัตถ์เทพแห่งการเพาะปลูกของอาฮั่นเจ้าค่ะ “เอาไปสักสองถึงสามต้นก็พอ วันหน้าเราจะหาเมล็ดมันไปทดลองปลูกกัน” หว่าหวาบอกกับน้องชาย “ทำไมอาหวาถึงให้อาขุดไปน้อยนัก เราขุดไปเยอะๆ ไม่ดีกว่าหรือ” “อาหวาต้องการแค่ไปให้ท่านหมอจวงทดลองใช้ก่อนเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เราขึ้นเขาแต่เช้าแล้วขุดเอาเท่าที่เราต้องการเลยนะเจ้าคะ ตอนนี้เราตัดเอาแค่รากของมันต้นไม่ต้องเจ้าค่ะแล้วค่อยไปคัดเลือกอีกทีที่บ้าน” เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยอย่างที่หลานสาวต้องการทั้งหมดจึงได้นั่งพัก และหว่าหวาก็ได้นำซาลาเปาและน้ำดื่มออกมาให้ทุกคนได้กินเป็นมื้อกลางวัน “ไม่น่าเชื่อเลยนะขอรับกำไลไม้ของท่านพ่อกลับกลายเป็นกำไลวิเศษไปได้ แล้วถ้ากำไลมันขาดล่ะขอรับมันจะยังใช้ได้อยู่หรือไม่” เป็นคำถามที่ดี น้องเล็กเป็นคนช่างสงสัยพี่หวาจะตอบให้ก็แล้วกัน “มันไม่ขาดหรอกน้องเล็กจะถอดออกจากแขนยังถอดไม่ได้เลย น้องเล็กไม่ต้องกังวลว่าแต่ท่านอาเถอะท่านลืมอะไรไปหรือไม่เจ้าคะ” “ลืมอะไรหรือก็ไม่นี่นาอาไม่ได้ลืมอะไรเลยนะ” โห..ท่านอาช่างมั่นใจนัก “ก็ท่านอาลืมวางกับดักยังไงล่ะเจ้าคะ” พออาหวาพูดจบแค่นั้นทุกคนก็พากันหัวเราะงอหายกับความขี้ลืมของไท่หยุนจนซาลาเปาแทบพุ่ง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนรวมถึงตัวท่านอาเองต่างขำขันกันเป็นนานสองนาน “ไม่ได้เนื้อเช่นนั้นเย็นนี้เราจะทำอะไรกินดีล่ะเจ้าคะ” “ไม่ต้องห่วงหรอกน่าตรงคลองน้ำที่เราจะไปเอาปี๋ฉีมีปลาอยู่เยอะแยะ เย็นนี้เราจะกินปลากัน” ทั้งวันนางเพิ่งจะได้ยินเสียงของพี่ใหญ่สองครั้งเองนะช่างประหยัดคำพูดนักนะพ่อรูปหล่อ “ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ข้าต้องการปลาตัวใหญ่ๆ เลยนะเจ้าคะพี่ใหญ่” “อ่อ..พี่จะพยายาม” หนึ่งเค่อต่อมาทุกคนก็เดินมาถึงลำธารหรือลำคลองแล้วแต่จะเรียก ส่วนหว่าหวาสายตาของนางก็ยังคอยสอดส่องหาสมบัติอยู่ตลอดเวลา โธ่..อย่างอื่นก็ไม่มีนอกจากปลาและปี๋ฉีเต็มไปหมด “อาหวากับอาฮั่นช่วยกันถอนเอาหัวปี๋ฉีแล้วกันนะ อากับเจ้าใหญ่จะช่วยกันจับปลา อาหวาเอาตาข่ายส่งมาให้อาด้วย” “เจ้าค่ะท่านอา” อุปกรณ์ดักจับสัตว์ของท่านอามีแทบทุกชนิดเลยนะเนี่ย เพียงครึ่งชั่วยามทุกอย่างก็ได้ครบตามต้องการเราได้ปลาตัวใหญ่ถึงห้าตัวและตัวเล็กๆ อีกนับไม่ถ้วน โชคดีนะที่หว่าหวาหยิบถังไม้ใบใหญ่มาด้วย (ครึ่งชั่วยาม=1ชั่วโมง) “ได้ครบแล้วเรากลับกันเถอะ อาหวากับอาฮั่นขึ้นเขาครั้งแรกไม่ควรอยู่ค่ำท่านย่าจะเป็นห่วง เดินลัดเลาะตามชายป่าไม่ถึงสองลี้ก็ถึงจวนเราแล้ว” “ท่านอาที่ดินแถวนี้ไม่มีเจ้าของหรือเจ้าคะ ไม่มีบ้านคนสักหลังเลยนอกจากจวนของเรา” จวนของครอบครัวไท่นับว่าโดดเดี่ยวอยู่ไม่น้อยห่างจากหมู่บ้านอื่นราวสิบลี้เห็นจะได้ เป็นจวนที่อยู่อย่างสันโดษท่ามกลางขุนเขาโดยแท้ “อาก็ไม่รู้เหมือนกันอันนี้ต้องตรวจสอบจากทางการ เพราะที่แถวนี้ก็นับว่ามีราคาชาวบ้านจึงเลือกซื้อที่ห่างออกไป จะได้ถูกกว่ามากซ้ำยังอยู่ในเขตของหมู่บ้าน อาก็แปลกใจที่ผืนดินดีๆ เช่นนี้ไยไม่มีคนจับจองทั้งที่อยู่ใกล้เมืองมากกว่า” เมื่อมามองดูให้ดีจวนของครอบครัวไท่ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยหุบเขาและผืนดินกว้างใหญ่นับเป็นพันๆ หมู่เลยทีเดียว ที่ดินหรือก็งามกลับไม่มีใครมาสร้างบ้านแถวนี้มันน่าแปลกจริงๆ พวกเขาเดินมาใช้เวลาเกือบสองเค่อก็ถึงจวนท่านย่ากับท่านพ่อก็มานั่งรอที่โต๊ะไม้ท้ายจวนมันเป็นโต๊ะและตั่งเตียงที่ท่านพ่อทำไว้ให้ทุกคนได้นั่งพักผ่อน และเป็นสถานที่อีกที่หนึ่งที่หว่าหวาโปรดปรานเป็นอย่างมาก (1เค่อ=15นาที) “มากันแล้วหรือ เป็นอย่างไรอาหวา,อาฮั่น ขึ้นเขาครั้งแรกเหนื่อยหรือไม่” ท่านย่าเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้าหลานๆ “ไม่เหนื่อย” เจ้าค่ะ/ขอรับ “ได้สิ่งที่ต้องการหรือไม่ล่ะอาหวา” ไท่หยางถามบุตรสาวบ้าง “จะว่าได้ก็ไม่ใช่จะว่าไม่ได้ก็ไม่เชิงเจ้าค่ะ” “มันยังไงกันช่วยอธิบายให้พ่อเข้าใจบ้างเจ้าพูดแบบนี้พ่อสับสนไปหมด” แล้วหว่าหวาก็สาธยายเรื่องโสมคนจนให้ท่านพ่อกับท่านย่าฟัง ไหนจะเรื่องเจียวกู่หลานนั่นอีก ขึ้นเขาครั้งแรกของนางถึงไม่โสมอย่างที่ตั้งใจไว้แต่ได้ตังเซียมมาทดแทนก็นับว่าไม่เสียเที่ยวเลยจริงๆ “ถ้าเป็นดังที่เจ้าเล่ามาก็นับว่าวิเศษมากแล้ว หากมันปลูกได้อีกโสมคงจะไม่จำเป็น” ท่านพ่อกล่าวออกมา “โสมก็ยังจำเป็นอยู่เจ้าค่ะท่านพ่อบางตำรับยาตังเซียมก็มิอาจจะทดแทนโสมได้ แต่ในหลายๆ ตำหรับยาตังเซียมก็คือตัวแทนชั้นยอดของโสมเลยล่ะเจ้าค่ะ” นางอธิบายให้ทุกคนเข้าใจอีกครั้งจะได้ไม่เข้าใจผิดเรื่องของตังเซียมกับโสม เพราะอย่างไรโสมก็ยังเป็นราชาของสมุนไพรอยู่ดี “แล้วเจ้าจะให้อาทำอย่างไรกับมันตอนนี้” “เราล้างให้สะอาดคัดเลือกรากที่อวบๆ แล้วตัดออกมาผึ่งลมไว้สักหน่อย ส่วนรากที่เหลือก็ตากให้แห้งดีแล้วหั่นฝอย จะต้มดื่มเพิ่มพลังซี่หรือบำรุงร่างกายก็ได้หรือจะนำมาผสมกับใบชาของท่านย่าก็ได้เจ้าค่ะ ท่านย่าจะได้มีชาบำรุงชั้นดีไว้ดื่มยังไงล่ะเจ้าคะ ส่วนรากที่เราคัดเลือกแล้วอาหวาจะนำไปให้ท่านหมอจวงทดลองปรุงยาดู และหวังว่ามันจะได้ผลดี” [พลังซี่ คือ พลังปราณ] “และถ้ามันดีงานใหญ่คงต้องรอเจ้าอยู่เป็นแน่อาหวา” “เจ้าค่ะท่านอา” จะเป็นอย่างที่ท่านอากล่าวหรือไม่นั้นอาหวาจะรอดู
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม