เข้าเมืองอีกครั้ง

1880 คำ
ตลอดทั้งคืนหว่าหวาแทบจะนอนไม่หลับแต่กว่าจะหลับได้ก็เกือบจะรุ่งสางในใจของนางนั้นครุ่นคิดแต่เรื่องของตังเซียม ถ้าหากนางไม่ได้รับรู้ถึงความทุกข์ใจของท่านหมอจวงนางก็คงจะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกับครอบครัวไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องทุกข์ร้อนต่อสิ่งใด แต่สิ่งที่อยู่ในใจของท่านหมอจวงก็หนักหนาสาหัสเอาการ มันเรื่องใหญ่เป็นเรื่องที่อาจจะส่งผลกับผู้คนทั้งแคว้นยุคสมัยนี้เรื่องการปกครองและกองทัพถือเป็นเรื่องใหญ่มากหากราชวงศ์และกองทัพอ่อนแอก็อาจถึงขั้นทำให้แคว้นล่มสลายลงได้ทีเดียว เช้านี้หว่าหวาตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่ง่วงงุน นางคิดอยากจะได้กาแฟสักแก้วจังเลย..คิดถึงกาแฟแล้วก็ชวนให้คิดถึงคนทางโน้น ‘อาป๊า คุณแม่ อาม่า อาอี๊ ตอนนี้หว่าหวาสบายดีค่ะความปรารถนาของหวาแค่อยากให้ทุกคนมีความสุขมากๆ อย่าเป็นทุกข์กับหวาเลยนะคะ’ ความปรารถนาของนางจะส่งถึงคนที่อยู่อีกโลกไหมนางไม่อาจจะรู้ได้แต่แค่อยากจะส่งไปให้ถึงทุกคน และตอนนี้หว่าหวาเตรียมตัวพร้อมจะเข้าเมืองแล้ว ของที่เตรียมไปก็เก็บเข้ากำไลมิติก่อนพอถึงเมืองก็ค่อยเอาออกมาใส่ตะกร้าที่เตรียมไว้ ครอบครัวของนางระวังเรื่องนี้มากโชคดีอีกอย่างที่จวนของเราไม่ได้อยู่ในชุมชนจึงค่อนข้างจะปลอดภัย วันนี้หว่าหวาเข้าเมืองกับท่านอาแค่สองคนและครั้งนี้อาหวาจะนั่งไปกับท่านอาไม่ต้องมีพี่ใหญ่มาคอยเบียด “ไปกันเถอะอาหวาเดี๋ยวจะสายเอาแดดมันร้อน” “เจ้าค่ะท่านอา.. ท่านย่า อาฮั่น อาหวาจะซื้อขนมมาฝากนะเจ้าคะ” ‘นางลืมเรา’ นั่นคือความในใจของท่านพ่อกับพี่ใหญ่สองบุรุษผู้ถูกลืม สองอาหลานเดินทางกันด้วยรถม้าเช่นเดิมความเร็วของม้านั้นมากกว่าเกวียนที่ชาวบ้านใช้หลายเท่านักและท่านอาก็ไม่ได้หยุดดูที่ทางเหมือนเช่นครั้งก่อนจึงทำให้การเดินทางในครั้งนี้ถึงตัวเมืองเถียนรวดเร็วยิ่ง ก่อนจะถึงประตูเมืองท่านอาให้หว่าหวาเข้าไปอยู่ในรถม้าเพื่อเตรียมของ..พอเราผ่านประตูเข้าเมืองได้ไม่นาน… “พี่หยุน นั่นใช่พี่หยุนหรือไม่” หว่าหวาได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องเรียกท่านอามาแต่ไกลแล้วยังวิ่งตามรถม้าของเราอีก กว่าท่านอาจะชะลอและหยุดรถม้าได้สนิทก็ทำเอาคนวิ่งตามเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว “อาหมงเจ้าไม่ได้ลงใต้ไปหรอกหรือ ข้าได้ข่าวว่าเจ้าลงไปทางใต้แล้วนี่ แล้วเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่สภาพของเจ้าตอนนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย” อาหมงเป็นลูกน้องเก่าตอนทำสำนักคุ้มภัยเป็นคนที่มีฝีมืออยู่ไม่น้อยและก็ได้อาหมงช่วยครานั้นพี่ใหญ่เลยรอดตายแต่ทำไมถึงได้มาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เช่นนี้กันล่ะ… “ข้าพึ่งกลับมาจากทางใต้ เข้ามาในตัวเมืองเพื่อจะขอติดเกวียนของชาวบ้านไปลงที่หมู่บ้านเหอ ข้าไปก่อนนะพี่หยุนได้เจอท่านอีกครั้งข้าก็ดีใจแล้ว” อาหมงพูดแค่นั้นก็ขอตัวลา ‘โถ..พ่อคุณอุตส่าห์วิ่งตามมาตั้งไกล เพื่อจะมากล่าวลากันแค่นี้เนี่ยนะ’ เป็นความคิดของสาวน้อยที่นั่ง [แอบฟัง] อยู่ในรถม้า “เดี๋ยวสิอาหมงเรายังพูดกันไม่จบเจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เจ้าเด็กนี่ เขาจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้… “แต่ว่าข้า..ข้าจะรีบกลับไปหาท่านแม่ขอรับ” “ช้าไปสักหน่อยจะเป็นไรไป หากไปรอเกวียนชาวบ้านก็คงจะเป็นยามเซินซึ่งก็อีกตั้งนาน เล่าเรื่องของเจ้าให้พี่ชายฟังบ้างสิ” [ยามเซิน 15.00-16.59 น.] “อ่อ..อืมม” จากนั้นอาหมงก็ได้เล่าเรื่องที่ตนเองไปทำงานทางใต้แล้วส่งเงินมาให้มารดาใช้แต่เงินก็โดนญาติฝั่งของท่านพ่อฮุบไปจนหมดแม้แต่บ้านก็ไม่มีจะอยู่ แต่โชคยังดีอาชานสหายคนสนิทได้ช่วยเอาไว้และพาไปพักอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งก็คือหมู่บ้านเหอที่เขากำลังจะไปนั่นเอง “หลังจากไปหาแม่ของเจ้าแล้ว เจ้าจะทำอะไร” ท่านอายังคงสัมภาษณ์อาหมงต่อไป “ข้าจะไปขอทำงานที่สำนักคุ้มภัยของครอบครัวฮูหยิน ไม่แน่เขาอาจจะรับข้าเข้าทำงานก็ได้” ประโยคสุดท้ายอาหมงพูดออกมาไม่เต็มเสียงนัก “ฮึ..ครอบครัวของพี่สะใภ้พวกจิ้งจอกเฒ่าทั้งนั้น เจ้าไม่ต้องไปไหนเลยวันนี้กลับบ้านไปหาพี่ใหญ่กับข้า” พอท่านอาพูดจบอาหมงก็ร้องไห้โฮเสียยกใหญ่พร้อมกับพูด “ข้าไม่กล้าพี่หยุน ข้าไม่กล้าสู้หน้าเจ้าสำนักเพราะข้าดูแลฮูหยินไม่ดีเลยทำให้ฮูหยินต้องตาย ข้าทำให้คุณหนูและคุณชายต้องกำพร้าแม่” “ไปกันใหญ่แล้วใครเขากล่าวโทษเจ้ากันเล่า เจ้าคิดไปเองทั้งนั้น พี่ใหญ่หรือก็เป็นห่วงเจ้ายิ่งนัก” “ท่านเจ้าสำนักยังมีใจห่วงข้าเช่นนั้นหรือ อาการตอนนั้นก็เกือบปางตายแท้ๆ เช่นนั้นเจ้าสำนักเป็นอย่างไรบ้างพี่หยุน” “อยากรู้เจ้าต้องไปดูเอง แล้วก็ไม่มีเจ้าสำนักแล้วเรียกพี่ใหญ่เถอะหรือไม่ก็เรียกพี่หยาง พี่ใหญ่คงไม่ว่าหรอกใช่มั้ยอาหวา” “อ่อ เอ่อ..เจ้าค่ะท่านอา” “หืมม..คุณหนูหว่าหวาหรือขอรับ” “หึๆ ออกมารู้จักอาหมงสิอาหวา” หว่าหวาเมื่อโดนท่านอาจับได้ว่าแอบฟังก็เขินม้วนแทบไปไม่เป็น ‘เค้าอายนะเนี่ย’ “ท่านอาหมงสวัสดีเจ้าค่ะ อาหวาขออภัยที่จำท่านไม่ได้” “คุณหนูอย่ากล่าวเช่นนั้นเรียกอาหมงก็พอขอรับ คุณหนูโตขึ้นมากเลยตอนนั้นยังตัวเล็กๆ อยู่เลยนะขอรับ” “อ่อ..ตอนนี้อาหวาปักปิ่นแล้วเจ้าค่ะอาหมง” “อาหวาสตรีที่ไหนเขาอวดเรื่องปักปิ่นกับบุรุษเล่า” ‘หึ ปักปิ่นรึนางยังเหมือนเด็กน้อยเก้าขวบอยู่เลยแต่ข้าก็ชอบที่นางเป็นแบบนี้นะไม่อยากให้โตเลยจะได้ไม่ต้องออกเรือน เป็นความคิดที่ดีไม่ต้องให้นางออกเรือนเอาไว้หาบุรุษดีๆ สักคนให้นางแต่งเข้าจวนน่าจะดี..ฮ่าฮ่าฮ่า’ ‘โธ่ ท่านอาช่างคิดได้นะเจ้าคะจะให้ข้าแต่งบุรุษเข้าจวนรึ บุรุษที่ไหนจะยอมล่ะ เฮ้อ.. ไม่แคล้วหลานสาวของท่านคงได้ขึ้นคานทองแน่แล้ว’ “ท่านอา เราควรไปร้านสมุนไพรได้แล้วเจ้าค่ะ” ถ้าไม่ขัดก็คงจะยาวเป็นแน่ กว่าที่สองอาหลานและอาหมงจะได้ไปถึงร้านสมุนไพรก็กินเวลากว่าหนึ่งชั่วยามและพวกเขาก็มาถึงร้านสมุนไพรเสียที เมื่อสองอาหลานก้าวเข้ามาในร้านก็เห็นท่านหมอจวงก้มๆ เงยอยู่หลังโต๊ะจ่ายยา..ท่านหมอนี่ก็กระไรร้านก็ออกจะใหญ่โตแต่มีผู้ช่วยแค่หนึ่งคนแล้วตอนนี้ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “สวัสดีเจ้าค่ะ/ขอรับ ท่านหมอจวง” “อ้อ..พวกเจ้าเองหรือ สวัสดี อาหยุน อาหวา พวกเจ้าคงมีของที่ข้าอยากได้แล้วสินะ” “โธ่..ท่านหมอจวงมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกขอรับแต่เรามีของอย่างอื่นมาให้และเป็นอาหวาจะคุยกับท่าน อาหวามานี่สิ” ไท่หยุนกวักมือเรียกหลานสาวอย่างไว “แม่หนูหว่าหวาหรือ อืม..มาสิมานั่งคุยกันเจ้าด้วยอาหยุน แล้วพ่อหนุ่มคนนั้นที่มากับพวกเจ้าน่ะเรียกเขาเข้ามาข้างในเถอะ เราคงคุยกันอีกนาน” แล้วท่านอาก็เรียกให้อาหมงเข้ามาข้างในแต่อาหมงก็ไม่ยอมเข้ามาท่าเดียวเพราะรู้ว่าตัวเองสกปรก..และท่านอาก็ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด… “อาหวามีอะไรมาให้ตาแก่คนนี้ดูหรือ” พอท่านหมอจวงกล่าวออกมา หว่าหวาก็ได้ยกตะกร้าที่ใส่ตังเซียมมาด้วยขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ “ท่านหมอจวงพอจะรู้จักสมุนไพรชนิดนี้ไหมเจ้าคะ” หว่าหวาเอ่ยถามทั้งยังลุ้นว่าท่านหมอจวงจะจักตังเซียมไหม ท่านหมอจวงหยิบรากไม้ขึ้นมาดม “มันคืออะไรหรืออาหวา ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” นั่นปะไร..ท่านหมอจวงไม่รู้จักตังเซียมจริงๆ ด้วย “มันเรียกว่าตังเซียมเจ้าค่ะ หรืออีกชื่อก็คือโสมคนจนท่านพอจะเคยได้ยินหรือไม่” “โสมคนจนมันไม่ใช่แค่เรื่องเล่าหรอกหรือ ข้าคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล่าและไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงด้วยซ้ำ” “ถ้าท่านหมอเคยได้ยินเรื่องเล่า ท่านหมอคงจะรู้ว่าต้องใช้ตังเซียมนี้อย่างไรแล้วใช่มั้ยเจ้าคะ” หว่าหวาไม่รู้หรอกว่าเรื่องเล่าของท่านหมอจะเหมือนเรื่องเล่าจากโลกเก่าของนางหรือไม่ ‘เรื่องของอาหมิงยอดกตัญญูน่ะ’ อยากจะเล่าเหลือเกินแต่มันคงจะยาว “อย่างเช่นที่เจ้าว่าข้าเคยได้ยินแต่ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ข้าคงต้องลองปรุงยาอีกหลายขนานกับเจ้าตังเซียมนี่ แล้วเจ้ามีของให้ข้ามากน้อยเพียงใดหรือ” “ของในตะกร้านี้ข้ายกให้ท่านหมอเอาไว้ทดลองใช้ หากมันใช้ได้ข้าจะนำแบบแห้งมาให้ท่านหมออีกหนึ่งอาทิตย์ ส่วนจำนวนที่ท่านต้องการฝากบอกท่านอาไปก็ได้เจ้าค่ะ อาหวาขอให้ท่านหมอปรุงยาสำเร็จเจ้าค่ะ” “ขอบใจเจ้ามากแม่หนูหว่าหวา แล้วนี่เจ้าไม่คิดเงินสักตำลึงเลยหรือ” “ไม่คิดเจ้าค่ะ แต่รอบหน้าท่านเตรียมเงินไว้ให้ข้าเยอะๆ เลยนะเจ้าคะ” “แน่นอนข้าจะต้องเตรียมเงินไว้ให้เจ้ามากพอทีเดียว และจะพยายามทำให้สำเร็จ” ‘หึหึหึ ข้าจะต้องพยายามให้มันสำเร็จ ข้าเถียนจวงซุนจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอนแม่หนูหว่าหวา’ “เช่นนั้นเรากลับเลยหรือไม่เจ้าคะท่านอา” เสร็จสิ้นการพูดคุยกับท่านหมอ หว่าหวารู้ทันทีว่าท่านหมอให้ความหวังกับตังเซียมมากแค่ไหน สู้ๆ เจ้าค่ะท่านหมอ ‘โอ้..นี่ข้าเผลอหลับหรือเนี่ย’ “อ่อ..คุยเรียบร้อยแล้วหรือ” “เรียบร้อยแล้ว นี่เจ้าช่างกล้าหลับต่อหน้าข้านะอาหยุน ไปเที่ยวหอไผ่เขียวมาทั้งคืนหรือยังไง” “ท่านหมอไยท่านกล่าวหาข้าเช่นนี้ต่อหน้าหลานสาวของข้าเล่า หอไผ่เขียวอะไรกันข้าเคยเข้าที่ไหน ท่านอย่ามาใส่ร้ายข้านะ” ต่อหน้าหลานสาวของเขาท่านหมอจวง ท่านช่างกล้า ฮึ่ย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม