สัมปทานตังเซียมแบบงง ๆ

1948 คำ
ในวันถัดมาหว่าหวาปรึกษากับท่านพ่อและท่านอาเรื่องที่จะขอเช่าที่ดินและทุกคนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยอมเช่าโดยขอทำสัญญายี่สิบปีต้องเช่าในระยะยาวถึงจะคุ้มค่า โชคดีที่ตังเซียมปลูกไม่ยากและไม่ต้องเอาใจใส่มากนัก แม้นว่าปลูกทิ้งๆ ขว้างๆ ก็ยังได้ผลผลิต น้องเล็กไท่ฮั่นเอามาทดลองปลูกดูแล้วงอกงามดีมากสมกับเป็นหัตถ์เทพแห่งการเพาะปลูก แต่เมื่อมาคิดๆ ดูแล้วทำไมนางต้องมาทำขนาดนี้ด้วยนะแค่ขุดตังเซียมบนเขาไปขายและทำตลาดนัดชีวิตของนางและทุกคนในครอบครัวก็อยู่ได้สบายๆ ไม่เดือดร้อนแล้ว แต่เป็นเพราะท่านตาแท้ๆ เลยที่ให้ดวงตาสวรรค์อันวิเศษนี้มา หว่าหวาจึงหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ไม่ได้ ‘ของฟรีไม่มีอยู่จริงสินะเจ้าคะท่านตา’ วันนี้หว่าหวากับท่านอาจะไปเจรจาขอเช่าที่ดินกับท่านเจ้าเมือง แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาพ้นออกจากจวนดีก็มีกลุ่มคนสวมชุดจากทางการควบตะบึงม้ามาที่จวนเสียก่อนและยังมีรถม้าติดตราประทับของหลวงอีกคันวิ่งตามมา นี่นางคงไม่ได้เผลอไปล่วงเกินคนแซ่เถียนใช่หรือไม่ คิดไปหัวใจของนางก็เต้นโครมครามเป็นกลองชุด ไม่ใช่ว่านางได้สร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลไท่ไปแล้วหรือ... ก่อนที่หว่าหวาจะคิดเลยเถิดไปไกลกว่านั้นก็มีคนผู้หนึ่งก้าวลงมาจากรถม้า ซึ่งได้มาจอดอยู่ต่อหน้านางเมื่อใดนั้นนางมิอาจจะรู้ได้... “แม่หนูหว่าหวา” เถียนจวงซุนเห็นนางนิ่งค้างอยู่เป็นนานเลยเอ่ยเรียกให้นางคืนสติ... “อ่อ เอ่อ..ท่านหมอจวงหรอกหรือเจ้าคะ” เมื่อรู้ว่าเป็นท่านหมอจวงสติที่หายไปก็พลันกลับคืนมาความกังวลในคราวแรกก็มลายหายไปสิ้น..นางจึงเอ่ยถามถึงความจำเป็นที่ท่านหมอมาหานางถึงจวน... “ท่านหมอจวงมาด้วยเรื่องของตังเซียมหรือเจ้าคะ” “เรื่องตังเซียมก็ใช่แต่ก็ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่า เรียกคนสกุลไท่ทั้งหมดไปรวมตัวกันที่โถงใหญ่เถิด” ไท่หยุนที่เพิ่งจะมาถึงได้ยินดังนั้นเขาจึงกลับเข้าจวนอีกครั้งเพื่อทำตามประสงค์ของท่านหมอจวง พอทุกคนมารวมตัวกันที่โถงใหญ่จนครบราชองครักษ์หวงก็ได้ยื่นม้วนผ้าสีทองให้กับท่านหมอจวงเพื่อจะได้เป็นผู้กล่าวราชโองการ... “ตระกูลไท่รับราชโองการ” ได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็คุกเข่าลงพร้อมกับก้มหน้าเพื่อรอฟังราชโองการที่ท่านหมอจะกล่าวต่อไป “ด้วยความดีความชอบที่ตระกูลไท่ได้ทำประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้กับกองทัพและแคว้นเถียนซาน ข้าองค์จักรพรรดิเถียนหลงซุนจึงได้มอบราชโองการสัมปทานตังเซียมให้กับตระกูลไท่แต่เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น” “ตระกูลไท่น้อมรับราชโองการ ขอให้องค์จักรพรรดิมีอายุยืนยาวนับหมื่นๆ ปี พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” ถวายพระพรจบทุกคนต่างก็ยังมึนงงกับราชโองการนี้อยู่ไท่หยางผู้ซึ่งได้สติก่อนจึงยื่นมือออกไปรับม้วนผ้าสีทองจากท่านหมอจวงและครุ่นคิดภายในใจ จึงได้เอ่ยถามท่านหมอจวงขึ้นมา... “ราชโองการนี้มันดีแล้วหรือขอรับ มันจะไม่เป็นปัญหาแน่หรือขอรับท่านหมอ” “แน่นอนว่ามันย่อมดีต่อพวกเจ้าในภายภาคหน้าจะไม่มีใครมาเอารัดเอาเปรียบตระกูลไท่ได้ และมันก็จะปลอดภัยต่อคลังหลวงเช่นกัน” ไอ้พวกจิ้งจอกเฒ่าในวังจะได้ไม่กล้าหาผลประโยชน์ใส่ตัวยังไงล่ะ แค่ฝ่าบาทปฏิเสธการเจราจาซื้อโสมยังพากันอยู่ไม่เป็นสุขเลยนับประสาอะไรหากตาเฒ่าพวกนั้นรู้ว่ามีตังเซียมมาทดแทนโสมได้ละก็มันจะเกิดอะไรขึ้นก็คงจะเดาได้ไม่ยาก “ดูเจ้าจะสบายดีแล้วนี่อาหยาง” หมอจวงเลิกคิ้วมองที่ขาของไท่หยางอย่างแปลกใจ ไท่หยางไม่เหมือนคนที่จะเดินได้อีกด้วยซ้ำเขาเคยตรวจอาการให้ก็บ่อยครั้งแต่ก็จนใจที่จะรักษาให้หายได้ มีแต่คอยจ่ายยาบรรเทาอาการปวดให้เป็นเทียบๆ ไป แต่อาหยุนก็ไม่ได้ซื้อยาแก้ปวดกับเขามานานนับเดือนได้แล้วกระมัง “ขอรับท่านหมอ พอดีมีหมอพเนจรนำยามาให้ทดลองใช้ นะขอรับ” ไท่หยางจำต้องกล่าวอ้างหมอที่ไม่มีตัวตนเขาก็ทำได้แค่นี้กระมังมันจนใจจริงนี่ไม่รู้จะตอบหมอจวงอย่างไรดี ขอแอบอ้างถึงหมอพเนจรก็น่าจะเหมาะที่สุดแล้ว “คงจะไม่ใช่หมอพเนจรธรรมดากระมังขนาดข้าเป็นหมอมาชั่วชีวิตยังหาทางรักษาอาการบาดเจ็บนี้ไม่ได้เลย นับว่าเป็นบุญวาสนาของเจ้าโดยแท้ อ่อ..ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าจะเปิดตลาดนอกเมืองในเร็ววันนี้มันเป็นตลาดแบบไหนมีชื่อหรือไม่เผื่อข้าจะได้ช่วยประกาศให้ยังไงล่ะ” หว่าหวาช่างคิดทำอะไรไม่ธรรมดาจริงๆ หมอจวงทั้งฉงนและอดทึ่งในความคิดของนางไม่ได้ “ตลาดนัดไท่หยางเจ้าค่ะท่านหมอ” เรื่องชื่อของตลาดนัด นางได้ลงไว้ตอนไปขออนุญาตจากท่านเจ้าเมืองแล้ว ท่านพ่อเลยไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย “ตลาดนัดอย่างนั้นหรือเป็นแบบใดกันข้าไม่เคยได้ยินว่ามีตลาดเช่นนี้มาก่อน” ท่านหมอจวงได้ว่ามันคือตลาดนัดก็ยิ่งมีความอยากรู้ว่าไอ้ตลาดนัดที่ว่านั่นมันเป็นตลาดแบบไหนกัน “ตลาดนัดของเราจะไม่เปิดขายทุกวันเจ้าค่ะ ขายหนึ่งวัน และจะหยุดไปอีกสองวันมันก็จะวนไปแบบนี้เรื่อยๆ นอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นสภาพอากาศไม่เป็นใจ เราจะขายจากช่วงยามเว่ยไปจนถึงยามซวีเจ้าค่ะ หากท่านหมออยากจะเห็นว่ามันเป็นเช่นไรก็ช่วยมาเป็นสักขีพยานในการเปิดตลาดนัดของอาหวาสิเจ้าคะ” หว่าหวาชวนท่านหมออย่างหวังผลหากท่านหมอจวงมาได้นางก็จะมีหน้าม้าคนสำคัญแล้วหนึ่ง อีกคนคือท่านเจ้าเมืองหากมาด้วยละก็คงจะดีไม่น้อย เขาจะได้เห็นว่านางจริงจังแค่ไหนและจะได้รู้ว่าหว่าหวาคนนี้ไม่ได้มาเล่นๆ นะ “แน่นอนข้าจะมาให้ได้ หวังว่าตลาดนัดของเจ้าคงจะไม่ทำให้ใครผิดหวังนะแม่หนูหว่าหวา” ‘ใครจะผิดหวัง ท่านหมอหมายถึงใครกันเจ้าคะ’ ก่อนจะกลับท่านหมอได้บอกกับหว่าหวาถึงจำนวนของตังเซียมที่ต้องการในรอบนี้ และท่านย่าก็เรียกท่านหมอไว้ด้วยมีของฝากจะให้..คือชาเจียวกู่หลานและชาดอกไม้ผสมตังเซียม หว่าหวายังสำทับอีกว่าชาเหล่านี้จะมีขายแค่ตลาดนัดไท่หยางเท่านั้นและยังได้บอกวิธีดื่มชาเจียวกู่หลานที่ถูกต้อง เพราะมันสำคัญมากชาชนิดนี้ห้ามดื่มต่อเนื่องกันหลายวันควรดื่มเจ็ดวันและเว้นไปสองวัน อีกทั้งหว่าหวายังแถมทับทิมกรอบให้กับท่านหมอและผู้ติดตามทั้งหลายได้ชิมกันถ้วนหน้า..หากใครติดใจก็หาซื้อได้ที่ตลาดนัดไท่หยาง อิอิ นี่หว่าหวาก็พึ่งจะรู้ว่าจวนของนางตั้งอยู่บนที่ดินของท่านหมอ ด้วยว่าท่านย่าเป็นเพียงสหายคนเดียวของท่านหมอในยามนั้นและต้องการที่ดินนอกเมืองเพื่อสรางจวนท่านหมอจึงได้แบ่งขายที่ดินให้ในราคาที่ไม่แพงนัก เอ๋..แล้วท่านย่าของหว่าหวาจะรู้หรือไม่นะว่าแท้ที่จริงนั้นท่านหมอจวงเป็นใคร พูดถึงเรื่องที่ดินหว่าหวาต้องขอผลัดวันเจรจากับท่านเจ้าเมืองให้เลื่อนออกไปก่อนเพราะนางก็ไม่ได้รีบ... ผ่านพ้นไปหนึ่งอาทิตย์อาหมงได้กลับมาถึงจวนพร้อมกับชายฉกรรจ์ท่าทางแข็งแรงหลายคนทีเดียว ประมาณสามสิบคนเห็นจะได้และแต่ละคนก็ได้ผ่านการตรวจสอบจากดวงตาสวรรค์แล้ว ผ่านเข้ารอบกันทุกคนเลยนะจ๊ะ แถมยังมีหนึ่งคนที่ผ่านการตรวจสอบแบบชั้นเลิศเขาคืออาชานสหายคนสนิทของอาหมงจากหมู่บ้านเหอ คนที่ให้ที่พักพิงแก่ป้าเหมยนั่นแหละและเขาก็เหมาะที่จะมาเป็นมือขวาให้กับหว่าหวาที่สุด... เรื่องที่พักของทุกคนนั้นไม่ได้เป็นปัญหา พื้นที่ท้ายจวนยังมีอีกเหลือเฟือทั้งยังมีเรือนที่ว่างอยู่ก็ท่านอาได้ให้ช่างมาสร้างเรือนไว้เพิ่มอีกตั้งสามหลัง ส่วนที่ตลาดเราก็สร้างห้องพักตามจุดต่างๆ ของแนวรั้วอีกถึงสิบห้องด้วยกันจะโชคดีหรือเป็นเพราะความปรารถนาของอาหวากันแน่นี่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ คนงานที่จ้างมาขุดหลุมเพื่อที่จะติดตั้งเสาด้านหลังพวกเขาขุดเจอตาน้ำพอดีแม้ไม่ได้ไหลแรงแค่ซึมๆ แต่มันก็คือน้ำเราเลยได้บ่อน้ำไว้ใช้โดยบังเอิญ ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทางป้ายประกาศต้อนรับพ่อค้าแม่ค้าที่เขียนโดยท่านพ่อบนผ้าขาวผืนใหญ่ถูกติดไว้ตรงหัวมุมถนนให้ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาได้อ่านอย่างชัดเจน และหว่าหวายังมีที่ทำการเล็กๆ ไว้ให้คนได้เข้ามาสอบถามเพราะว่าหลายคนอาจจะไม่รู้หนังสือพี่ใหญ่ขอทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์หนุ่มรูปงามของตลาดนัดไท่หยางที่ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ตกแม่ค้าน้อยใหญ่มาได้หลายคนทีเดียว... พ่อค้าแม่ค้าที่จะมาขายของที่ตลาดนัดจะต้องนำอุปกรณ์มาเองทั้งหมดกระทั่งโคมไฟติดหน้าร้าน หากเป็นพ่อค้าต่างถิ่นที่มาจากแดนไกลก็สามารถตั้งกระโจมที่ท้ายตลาดได้ซึ่งทางตลาดได้กันพื้นที่ตั้งกระโจมไว้ให้แล้วเราคิดค่าตั้งกระโจมแค่สิบอีแปะต่อวันและค่าน้ำก็ไม่ต้องจ่าย เรื่องจัดการคนงานและผู้คุ้มกัน ท่านพ่อและท่านอาเป็นคนจัดแจงเองเพราะพวกเขาคุ้นเคยกันดี อ่อ..ตอนนี้หว่าหวาคัดเลือกพ่อบ้านไว้ทำงานช่วยท่านอาได้หนึ่งคนคือท่านลุงหวังหรือหวังมู่ นิสัยค่อนข้างจุกจิกดูแล้วน่าจะเหมาะกับท่านอาที่สุด และผู้ช่วยมือขวาของหว่าหวาก็คือพี่ชานทั้งนิสัยก็ดีหน้าตานั้นไม่ต้องพูดถึงหล่อเหลาเอาการทีเดียว... ใกล้จะถึงวันเปิดตลาดนัดเต็มทีวันนี้จึงเป็นวันที่เราจะได้ทดลองจุดคบเพลิงครั้งแรก เสาคบเพลิงที่ใหญ่โตเท่าสองคนโอบตั้งตระหง่านอยู่สี่มุมของตลาดและมีอีกหนึ่งเสาที่สูงกว่าเสาอื่นๆ ประมาณครึ่งจั้งตั้งอยู่ตรงกลางตลาดดูโดดเด่นเป็นที่สุด แต่ละเสาจะมีรูเจาะไว้ทุกเสาเพื่อเสียบไม้หรือเหล็กไว้ไต่ขึ้นเพื่อจุดไฟขี้ไต้ที่ท่านอาและหนุ่มๆ ไปขนลงมาจากเขาก็จะได้ใช้งานในวันนี้...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม