ก่อนจะมีจดหมายด่วนจากเมืองหลวง ส่งมาถึงเมืองเถียน...
หว่าหวาได้เข้าเมืองมากับท่านอาเพื่อจะไปคุยเรื่องซื้อที่ดิน แต่ท่านอากลับทิ้งนางเอาไว้ที่จวนเจ้าเมืองแล้วหนีหายไปเลย..ท่านอาบอกว่าจะไปติดต่อกับช่างหลอมเหล็ก ฮึ..คุยงานเสร็จแล้วไปด้วย กันก็ได้นี่นา ทำไมต้องทิ้งหลานให้เผชิญหน้ากับคนผู้นั้นคนเดียวด้วยฮื่ออ…
ที่จวนเจ้าเมือง...
“เจ้ามารอบนี้มีอะไรอีกหรือคุณหนูหว่าหวา ไม่ใช่ว่าจะมาขอยกเลิกใบอนุญาตหรอกนะ หากจะยกเลิกใบอนุญาตต้องรอให้ครบหนึ่งปีเสียก่อนในใบสัญญาก็มีให้อ่านหวังว่าเจ้าจะอ่านจนครบแล้ว”
“เอ่อ..ท่านเจ้าเมืองข้ายังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะเจ้าคะ” เห็นมะ..เจอหน้าก็ใส่แล้วเขาเป็นคนแบบไหนเนี่ย?
“อ่อ..เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไรล่ะ” ทำไมต้องทำหน้าหงอยเหงาพิกล..ข้าอุตส่าห์ยั่วยุให้เจ้าโกรธแล้วนะแม่สาวน้อย...
“ข้าต้องการจะซื้อที่ดินเจ้าค่ะ”
“แถวไหนล่ะ ตามแผนที่ของเมืองเถียนที่ดินก็มีว่างอยู่ไม่น้อย เจ้าต้องการแถวไหนชี้มาได้เลยยกเว้นจุดทีมีสีแดงเท่านั้น”
“แต่ที่ดินที่ข้าต้องการมันอยู่ตรงนี้มันเป็นสีแดงเจ้าของที่เขาไม่ขายหรือเจ้าคะ”
“อืม..เขายังไม่อยากขาย ทำไมเจ้าต้องการที่แถวนี้ล่ะ” สายตาของนางไม่เลวเลยชอบที่งามเสียด้วย
“จวนของข้าอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ ข้าอยากได้ที่ดินที่มันติดกับจวนของข้าน่ะ”
“เจ้าแน่ใจนะว่าจวนของเจ้าอยู่นี่” ฟงอวี้ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความแปลกใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จวนของนางจะอยู่ตรงนั้นก็ที่ดินฝั่งขวาทั้งหมดนั้นมันเป็นของท่านปู่นี่ ท่านปู่แบ่งขายหรือ อย่างไรก็มองไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องขายเลยนี่นา...
“เจ้าค่ะจวนหลังนี้ข้าอยู่มาตั้งแต่เกิด ทำไมหรือเจ้าคะ”
“ไม่มีอะไร ที่ดินที่เจ้าต้องการจะซื้อเจ้าของเขายังไม่คิดอยากจะขายหากว่าเจ้าอยากจะเช่าเพื่อทำการเกษตรก็คงจะพอได้”
“เช่าหรือเจ้าคะ ข้าไม่แน่ใจ..ข้ากลัวจะมีปัญหาทีหลังหากว่าข้าปลูกพืชผักเต็มพื้นที่แล้วเจ้าของที่ดินเกิดละโมบไม่ให้เช่าต่อ แล้วของๆ ข้าล่ะเจ้าคะ พวกข้าจะมิแย่หรอกหรือ”
‘นางช่างคิดไปไกลเสียจริงใครเขาจะไล่ที่นางกัน แถมจะให้เช่าถูกๆ ด้วย’
“มันมีสัญญาเช่าเจ้าจะกลัวอะไร ทำสัญญาเช่าสักสิบปี หรือยี่สิบปีก็ยังได้ค่าเช่าก็ไม่แพงเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร”
“ข้าคงต้องปรึกษาท่านพ่อกับท่านอาของข้าก่อนไว้จะมาให้คำตอบวันหลัง หวังว่าท่านเจ้าเมืองคงไม่เอาไปให้คนอื่นเช่าก่อนนะเจ้าคะ”
“แน่นอนข้าจะรอเจ้า หึๆ” ฟงอวี้อดขำกับท่าทางของนางไม่ได้ นางเกือบจะเป็นตัวของตัวเองแล้วเชียวไว้คราวหน้าก็แล้วกัน คุณหนูหว่าหวา เราคงต้องไปถามท่านปู่ก่อนแล้วสิทำไมถึงได้ขายที่ดินตรงนั้น
พอออกมาจากจวนเจ้าเมืองหว่าหวาก็เจอกับท่านอาที่รออยู่หน้าประตูจวนพอดี…
“เป็นอะไรไปหรืออาหวาทะเลาะกับท่านเจ้าเมืองมาหรืออย่างไร ถึงได้ทำหน้าหงอยเหงาแบบนี้” ไท่หยุนถามด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหว่าหวาจะมีเรื่องกับท่านเจ้าเมืองเหมือนคราวที่แล้ว เขาก็หวังว่านางจะไม่มีเรื่องกับคนผู้นั้นหรอกนะ…
“ไม่ได้ทะเลาะหรอกเจ้าค่ะ ที่ดินที่เราต้องการจะซื้อเจ้าของเขายังไม่คิดจะขายเจ้าค่ะ เขาบอกว่าเป็นไปได้หากเราจะเช่า เฮ้อ..เงินก็มีแต่ก็ซื้อที่ไม่ได้มันเป็นแบบนี้นี่เอง”
“เจ้าอย่าถอนหายใจเช่นนั้น จะเศร้าไปทำไมหากเขาให้เช่าไม่แพงมันก็คุ้มทำสัญญาระยะยาวและทำให้รัดกุม เจ้าของที่ก็เอารัดเอาเปรียบเราไม่ได้แล้วเจ้าเห็นด้วยกับอาหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านอา เราไปตลาดกันหาซื้อของกินไปฝากทุกคนกัน”
ค่อยยังชั่วของกินช่วยได้เสมอนางอารมณ์ดีขึ้นแล้ว…
ร้านสมุนไพร…
“เจ้าว่างมาหาปู่หรืออาฟง”
“พักนี้หลานก็ว่างนะขอรับทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทางแล้วทางโน้นยังไม่ตอบรับมาหรือขอรับท่านปู่”
“ก็คงในวันสองวันนี่แหละ แม่หนูหว่าหวาไปพบเจ้าเรื่องอะไรหรือ”
“ท่านปู่แอบสอดแนมหลานหรือขอรับ”
“ใครอยากจะสอดแนมเจ้ากันล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นนางสินะ ท่านปู่ให้คนติดตามนางหรือขอรับ ทำไมล่ะ”
“แค่ตามคุ้มครองห่างๆ แต่คนตระกูลไท่ก็มีฝีมือกันอยู่แล้ว ปู่ก็แค่กังวลไปเองเท่านั้น แล้วนางไปหาเจ้าทำไมล่ะ”
“นางต้องการซื้อที่ดินแถวหุบเขาถานซานขอรับทานปู่”
“ฝั่งไหนล่ะ หากเป็นฝั่งของปู่ปู่จะขายให้นางหรือแม้แต่ให้เปล่าๆ ปู่ก็ให้ได้”
“ท่านปู่! ทำไมขอรับ” หวังว่าคงไม่เป็นเช่นที่เขาคิดนะ ท่านปู่คงไม่ได้แอบซุกซ่อนอนุไว้หรอกใช่ไหมที่ไม่ยอมกลับเมืองหลวงเพราะเหตุนี้หรือไม่...
“นางแค่ต้องการทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อแคว้นของเราเองนะอาฟง”
“เช่นนั้นหรือ อ่อ..นางต้องการที่ของหลานขอรับ”
“ก็ขายให้นางเสียสิ”
“หลานไม่อยากขายแต่หลานจะให้นางเช่า” เจ้าเมืองหนุ่มบอกปู่ของตนด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ท่านปู่จะไปรู้อะไรที่เขาทำแบบนี้จะได้หาเรื่องพบนางบ่อยๆ ยังไงเล่า
“ทำไมไม่ขายหรือว่าเจ้าชอบนาง ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นถึงเจ้าเมืองแท้ๆ น่าขันนัก จะใช้ที่ทางเป็นข้ออ้างเจอนางล่ะสิ”
“เอ่อ..ก็ไม่รู้จะคุยกับนางอย่างไรดีเจอกันครั้งแรกก็เกือบทะเลาะกันแล้ว”
“จะให้นางเช่าก็แล้วแต่เจ้าเถอะ แต่ปล่อยให้นางทำในสิ่งที่ต้องการอย่าพยายามขัดขวางมากนัก เผื่อเจ้าจะได้เห็นรอยยิ้มของนางบ้างจะได้ไม่ต้องทำหน้ายุ่งอยู่แบบนี้ไง”
“หลานจะพยายามขอรับ” เถียนฟงอวี้รับคำอย่างหนักแน่นเขาจะลองดูและจะปล่อยให้นางทำตามใจโดยไม่ขัดขวาง
เมื่อหว่าหวากลับมาจากเมืองเถียนนางได้ปรึกษาหารือแนวทางของตลาดและดูสินค้าของครอบครัวที่จะเอาไปขายในตลาดด้วย หากพ่อค้าแม่ค้ายังไม่มีนางก็คงต้องใช้สินค้าที่ตัวเองมีลงขายไปก่อน เรื่องนี้นางไม่ได้กังวลเลยสิ่งแปลกใหม่ที่นางจะทำมันย่อมดึงดูดผู้คนได้แน่นอน
จุดเด่นของตลาดนัดไท่หยางคือเสาคบเพลิงอันใหญ่สี่เสา คิดดูแล้วหากมีเสาหลักอันใหญ่อยู่ตรงกลางตลาดสักหนึ่งเสาก็คงจะไม่เลว แผนการตลาดมีอยู่ในหัวของนางเพียบเลยตอนนี้