Chapter 1 จะรักพี่ก็ต้องมาสายเซ็กซี่ (2)
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนตีสี่ เจ้าของห้องสะดุ้งตื่นแล้วเอื้อมมือไปกดปิดเพราะรู้สึกว่ายังนอนไม่เต็มอิ่ม หล่อนเป็นคนตั้งมันเองเพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการเริ่มต้นฝึกงานวันแรก แต่ดูเหมือนว่าเอาเข้าจริงๆ ความง่วงงุนก็ทำให้ไม่อยากลุกจากเตียงนอนอันแสนอบอุ่นเสียแล้ว จึงคิดว่าจะขอเวลานอนต่ออีกสักสิบนาทีเพื่อปรับสภาพ ครบสิบนาทีเมื่อไหร่หล่อนสัญญากับตัวเองว่าคราวนี้จะลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแน่นอน
สุดที่รักดึงรั้งผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วหลับลึกลงไปในเวลาตีสี่กว่าๆ อากาศแสนสบายทำให้เวลาล่วงผ่านไปนานนับชั่วโมงกว่าที่หล่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อมองดูเวลาที่เข็มสั้นหยุดอยู่ตรงเลขห้า หญิงสาวจึงผลุนผลันลุกนั่งแทบกระโดดลงจากเตียง ไม่คิดว่าจะหลับต่อจนเพลินเลยเวลามาถึงขนาดนี้
"ตายแล้วปลากริม โดนกินไส้แน่ๆ"
หล่อนอาบน้ำอย่างเร่งรีบพร้อมกับใจที่เต้นตึกตักเมื่อหน้าดุๆ นั้นลอยมาข่มขู่กันถึงในห้องน้ำ เพราะที่ผ่านมาเจอหน้ากันทีไรเขาต้องวางมาดเคร่งขรึมใส่จนไม่กล้าเข้าใกล้ ยิ่งคิดยิ่งลนลานหนักเพราะวันนี้คือวันฝึกงานวันแรก เขากำชับนักหนาให้หล่อนไปให้ตรงเวลา ไปถึงก่อนเวลาเริ่มงานได้ยิ่งดี
++++++
ภัทรนนท์เหลือบดูเวลามาสี่ห้าครั้งแล้วยังไม่เห็นแม้เงาของคนที่นัดเอาไว้ แค่วันแรกหล่อนก็มาสายเสียแล้ว เหตุผลคือเขาไม่อยากให้ใครค่อนขอดเอาได้ว่าสุดที่รักเข้ามาฝึกงานที่นี่โดยใช้เส้นสาย ซ้ำยังทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นด้วยการเข้าทำงานสาย ในขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ต้องอยู่ในกฎระเบียบที่ใช้ร่วมกัน
ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ที่หยิบขึ้นมาเพื่อโทร.หาสุดที่รัก เพราะเหลือบมองไปยังบานประตูแล้วเห็นรุ้งลาวัลย์เดินเข้ามาในห้องพร้อม
สายตาที่สอดส่ายมองหาใครบางคน
"ไหนคะเด็กฝึกงานของคุณ พอดีรุ้งมีงานจะให้ช่วยน่ะค่ะ จะได้ให้คนสอนงานไปพร้อมๆ กัน"
ยังไม่ทันที่ภัทรนนท์จะโต้ตอบ บานประตูก็ถูกเปิดพรวดเข้ามาพร้อมเสียงที่แทรกขึ้นจากทางด้านหลัง บ่งบอกถึงความเหนื่อยหอบจนเสียงสั่นตามจังหวะการหายใจ
"ขะ ขอโทษค่ะที่มาสาย"
สุดที่รักยิ้มเจื่อนเมื่อสายตาสองคู่โฟกัสมาทางตนพร้อม ๆ กัน
เหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้เพราะไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ กลับมา ทำราวกับว่าหล่อนคือตัวประหลาดที่ทะเล่อทะล่าหลงทางเข้ามาแทรกกลางช่วงเวลาส่วนตัวของคนสองคน
'คิดว่าเส้นใหญ่แล้วจะมาสายก็ได้ยังงั้นเหรอ’
นั่นคือความคิดในใจรุ้งลาวัลย์ ขัดกับภายนอกที่หล่อนแสดงออกมาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเด็กใคร
"สวัสดีจ้ะ"
รอยยิ้มเป็นมิตรส่งไปให้คนที่ยืนกัดฟันยิ้มอยู่หน้าประตู ก้าวขาไม่ออกเพราะกลัวกับสายตาของคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงแววตาที่คนมองสัมผัสได้ว่าเขากำลังตำหนิกันทางสายตาแน่นอน
"ปลากริมมาแล้ว ให้รุ้งพาไปเริ่มงานได้เลยมั้ยคะ"
"คุณออกไปก่อนรุ้ง วันนี้ผมจะให้ปลากริมอยู่ที่นี่ ส่วนงานด่วนของคุณก็หาคนอื่นทำแทนไปก่อนก็แล้วกัน ตอนยังไม่มีปลากริมก็ช่วยกันได้ไม่ใช่เหรอ"
'คุณภาม...นี่คุณ!’
รุ้งลาวัลย์เอียงหน้ามองเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ หล่อนนิ่งอึ้งไปไม่เป็นกับการที่เขาไม่ตามใจ และหล่อนไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องให้สุดที่รักอยู่กับเขาในห้องนี้เพียงลำพังตั้งหนึ่งวัน
"แต่..."
"แยกย้ายไปทำงานได้แล้ว ผมยุ่งอยู่เห็นไหม"
เขาแสร้งเอาเรื่องงานมาบังหน้าเพื่อหาเรื่องอยู่กับยายเด็กนักศึกษาไร้ความรับผิดชอบ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจรุ้งลาวัลย์ ดูเหมือนว่า
แค่วันแรกก็เริ่มก่อเกิดความหมั่นไส้เล็กๆ ขึ้นมาเสียแล้ว เพียงเพราะสุด
ที่รักรู้จักกับบอสของตนเป็นการส่วนตัว
หล่อนยอมเดินออกไปแบบไม่สู้เต็มใจนัก หากแต่ว่าก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้...สุดที่รักหลีกทางให้อีกฝ่ายเปิดประตูออกไป และเพียงลับร่างนั้น บรรยากาศก็ห่มคลุมด้วยความเงียบทันที
"จะยืนตรงนั้นอีกนานมั้ยฮึ!"
สุดที่รักสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเข้มบ่งบอกถึงความไม่พอใจ เขาคงจะตำหนิที่ตนมาสาย คิดพลางค่อยๆ ย่องเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของพี่ชายเพื่อนที่วันนี้ดำรงสถานะเจ้านาย
"พี่ภามมีอะไรจะให้ช่วยเหรอคะ ถึงให้ปลากริมอยู่ที่นี่"
"ไปชงกาแฟให้กินหน่อยสิครับ ถ้าชงกาแฟเป็นแล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องงานในลำดับถัดไป"
"แล้วนั่น..."
หล่อนมองไปยังแก้วกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะ และดูท่าว่าเขาจะยังไม่ได้จิบมันเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับใช้ให้หล่อนไปชงใหม่ แววตาสื่อถึงความสงสัยทำให้ปลายนิ้วแกร่งดันจานรองแก้วให้เลื่อนออกห่าง บอกเป็นนัยๆ ว่าเขาอยากลองชิมกาแฟจากฝีมือของเธอ
"ไม่เอาทรีอินวันนะ พี่ชอบดื่มกาแฟดริป"
คนฟังยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ดริปคืออะไรไม่เคยรู้จัก แล้วเขาชงกันอย่างไรนั้นหล่อนทำไม่เป็น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเริ่มอย่างไร
เมื่อเห็นหล่อนยืนงงกลอกตาไปมา คนออกคำสั่งแสร้งยกมือขึ้นปิดปากเพื่อซ่อนรอยยิ้มกริ่มที่เผลอตัวแสดงออกมา ยามนี้อารมณ์โกรธคลายลงไปและเขาเองก็เพิ่งนึกได้ว่าต้องโกรธที่หล่อนไร้วินัย มันมี
อารมณ์อยากแกล้งเข้ามาแทนเพียงเพราะเห็นท่าทีงก ๆ เงิ่น ๆ ของยาย
แว่นจอมเชยในสายตาของตน
"ไปสิครับ ยืนรออะไร หรือว่าไม่พอใจที่พี่ใช้ให้ชงกาแฟ"
"มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ"
หล่อนรีบแก้ตัว ครั้นจะบอกความจริงว่าไม่รู้จักกาแฟดริปก็อายเขาเหลือเกิน กลัวเขาจะมองว่าตนนั้นเชยสิ้นดีที่ไม่รู้ว่าโลกเขาหมุนกันไปถึงไหนต่อไหนบ้างแล้ว และที่สำคัญ การอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ใจคิดลึกซ้ำยังโปรไฟล์ไม่ธรรมดา คือความประหม่าที่ทำให้เกร็งจนไม่อยากแสดงอะไรที่ทำให้เขาต้องหัวเราะให้กับความเฉิ่มเชยของตน
"อย่าช้านะ ร่างกายอยากได้คาเฟอีนจนมือไม้สั่นไปหมดแล้ว"
เสียงเขาตะโกนไล่หลัง ด้านหลังฉากกั้นที่มีทั้งตู้เย็นและเครื่องทำน้ำร้อนพร้อมสรรพ สุดที่รักเดินมาเมียงมองยังโต๊ะที่มีเครื่องชงหลากหลายรสชาติวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ หล่อนพยายามมองหากาแฟที่เขาบอก แต่แล้วจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ในวินาทีสุดท้าย ใครบางคนที่อยู่ไกลแสนไกลต้องช่วยตนได้ คิดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วส่งไลน์ไปยังปลายทาง เพื่อขอความช่วยเหลือเป็นเคสเร่งด่วนในวินาทีจวนเจียน
"อ่านหน่อยนะเพื่อน พลีสส"
หล่อนยืนรอลุ้นว่าปลายทางจะอ่านเลยหรือไม่ เพียงไม่นานข้อความก็เด้งเตือนกลับมา หญิงสาวแทบกระโดดด้วยความดีใจที่เพื่อนรีบเปิดอ่านข้อความจากตน
"มีอะไรเหรอปลากริม"
"แกว่างมั้ย ขอรบกวนแค่สองนาที นะๆ อัยย์ ช่วยฉันด้วย"
"ไม่ว่างเท่าไหร่เพราะช่วงนี้ฉันเรียนหนัก แต่จะเจียดเวลาให้ก็
ได้ มีอะไรด่วนเหรอปลากริม"
"วันนี้ฉันทำให้พี่ชายแกไม่พอใจมากๆ เขาโกรธที่ฉันมาเริ่มงานสายในวันแรก ก็เลยแกล้งให้ฉันชงกาแฟไปทดสอบเป็นด่านแรก ฉันไม่เคยกินกาแฟ ชงไม่เป็นทำไงดี ครั้นจะบอกเขาไปตรงๆ เขาคงว่าฉันโง่แค่เรื่องง่ายๆ ก็ทำไม่ได้"
"นั่นสินะ ลืมไปเลยว่าวันนี้แกมาฝึกงานที่เดอะเรดเป็นวันแรก เป็นไงบ้าง ราบรื่นมั้ย"
"ราบรื่นบ้าน่ะสิ ก็อย่างที่บอก เขาอยากกินกาแฟ แล้วไม่กินแบบชาวบ้านธรรมดาทั่วไปด้วยนะ ต้องเป็นแบบดริปเท่านั้น มันคืออะไรเหรออัยย์ฉันไม่เคยได้ยิน"
"อ๋อ กาแฟดริป พี่ภามให้แกชงแบบนี้เหรอ"
"อืม...ฉันทำไม่เป็นเลย..."
"ไม่ยาก แกมองหากล่องกาแฟที่มีอยู่ มันจะมีเขียนบอกไว้เลย ถ้าเจอแล้วก็หยิบถุงกาแฟออกมา ปากถุงจะมีหูสองข้าง แกก็เอามาวางเกี่ยวไว้บนปากแก้ว จากนั้นรินน้ำร้อนใส่ไปในถุงกาแฟสด กะปริมาณให้พอดีล่ะ รอสักพักให้น้ำกาแฟค่อยๆ หยดลงแก้วจนกระทั่งหมด"
"โห แล้วฉันจะกะถูกมั้ยเนี่ย พี่ชายแกแกล้งฉันแน่ๆ เพราะเขารู้ว่ามันยากสำหรับคนไม่ใช่คอกาแฟ"
"อ้อ ลืมบอกไป พี่ภามกินกาแฟดำใส่น้ำตาลแค่ครึ่งช้อน แกอย่าทะเล่อทะล่าใส่ครีมกับน้ำตาลเสียจนเป็นกาแฟเชื่อมล่ะ แน่นอนว่าเขาจะต้องสาดทิ้งแทบไม่ทัน เสียดายกาแฟที่อุตส่าห์ดริปออกมา"
"ฉันจะลองดูนะ กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของเขาละกันนะ"
"สู้ๆ ถ่ายรูปตอนดริปมาให้ดูด้วย เผื่อแกอุตริทำแบบขวางโลกที่คนปกติเขาไม่ทำกัน ฉันจะได้มั่นใจว่าไม่ได้เอากากกาแฟปนไปในแก้วให้เขากินน่ะ"
คนปลายทางส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะขบขันตบท้าย สุดที่รักอดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ ไม่วายชะเง้อมองออกไปนอกฉากกั้น กลัวเขาจะได้ยินแล้วคิดว่าหล่อนคงสติแตกไปแล้วที่หัวเราะอยู่คนเดียว
หล่อนทำตามที่เพื่อนบอก รวมทั้งอ่านคำแนะนำที่ข้างกล่อง ยืนรอจนน้ำกาแฟในซองหยุดไหล นับตั้งแต่คุยไลน์จนกระทั่งชงเสร็จนั้นก็กินเวลาไปหลายนาที นานพอดูสำหรับคนรอ น้ำตาลถูกใส่ลงไปครึ่งช้อนตามที่มินตรากำชับ ใช้ช้อนคนจนมั่นใจว่าน้ำตาลละลายหมดแล้วจึงหยิบขึ้นมาเพื่อนำออกไปเสิร์ฟถึงโต๊ะ กลิ่นกาแฟหอมเตะจมูกกรุ่นไอควันร้อนๆ ชวนให้หลงใหล...และในจังหวะที่หมุนกายกลับไปนั้นเอง
"โอ๊ะ! พี่ภาม"