บทที่ 6 ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว [1.3]

1135 คำ
ในที่สุดก็เกิดการปะทะสี่ต่อหนึ่ง ผู้ถูกไล่ล่านั่งทรุดเข่ามือกุมศีรษะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและบาดเจ็บ ปึก! ความรวดเร็วของประกายไฟและเสียงกระสุนแหวกอากาศตรงหน้าทำให้ร่างทั้งร่างของหัสวีร์ถึงกับหยุดชะงัก และในฉับพลันนั้นแม้แต่เสียงลมทะเลเขาก็ไม่ได้ยินอีกแล้ว เมื่อเห็นจุดสิ้นสุดเส้นทางของหัวกระสุนคือร่างของคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดแปดปี คนที่เป็นเพื่อนเป็นพี่ชายเป็นคนในครอบครัว ถ้าไร้ซึ่งคนนี้เขาไม่รู้เลยว่าเขาในวันนี้จะเป็นอย่างไร ไม่!!!! เสียงตะโกนดั่งฟ้าคำรามที่กำลังพิโรธหนัก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเขายังนั่งดื่มเบียร์มองท้องฟ้ามองดาว แต่ตอนนี้ไม่กี่วินาทีนี้เสียงฟ้าก็คำรามลั่นพร้อมกับลมกรรโชกอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลันอย่างรวดเร็ว ซ่าซ่าซ่า ในตอนแรกก็แค่ข่มขู่ไม่คิดจะเอาชีวิตใคร แต่เจ้าของปืนไม่ใช่มืออาชีพก็แค่สับไกยิงปืนเป็นเท่านั้น ความแม่นยำหามีไม่ เมื่อเห็นว่ากระสุนที่ตัวเองยิงออกไปอย่างไม่ตั้งใจได้ปะทะร่างชายลึกลับที่เก่งกล้าในศิลปะการต่อสู้ตรงหน้าอกอย่างจัง ทำเอาชายคนนั้นตกใจจนตาเบิกโพลงรวมถึงพวกอีกสามคนที่ตกใจไม่แพ้กัน ตามสัญชาติญาณคนพวกนั้นกลับหันหลังวิ่งหนีไปทันทีที่เมื่อพอตั้งสติได้ พึ่บ! ปืนถูกโยนทิ้งไปอย่างกับว่าตอนนี้มันเป็นของร้อนที่ลวกมือ ไม่อาจถือมันไว้ได้อีกแล้ว หัสวีร์ไม่สนใจพวกที่หลบหนี เขาวิ่งไปหาเพื่อนที่ล้มลงกับพื้นร่างกายอาบไปด้วยเลือด ทันทีที่ธาราเห็นว่าใครเข้ามาประคองเขาไว้ เขากระอักเลือดคำใหญ่ออกมาทีหนึ่งก่อน พยายามที่จะหายใจเฮือกสุดท้าย “...อย่าลืม!...ว่า...ลำธาร...น้อง...เป็นน้อง...สะ...สาว...ของ...เราสอง...คน” กระสุนฝังในตำแหน่งหัวใจ ไม่มีคำสั่งเสียใดเพราะพวกเขาได้เขียนคำสั่งเสียไว้แล้วเมื่อสองปีก่อน และทุกครั้งที่จะออกปฎิบัติการณ์พวกเขาก็จะมีคำสั่งเสียไว้ แม้จะรับมันคืนกลับไปทุกครั้งหลังจากปฎิบัติหน้าที่สำเร็จแล้ว และเมื่อมีการปฎิบัติภารกิจใหม่พวกเขาก็จะเขียนมันใหม่ทุกครั้ง สองปีเท่านั้นมันมีอยู่แค่สามฉบับเท่านั้น แต่มีคำพูดหนึ่งที่เพื่อนคนนี้ฝากไว้กับเพื่อนเสมอ “ไหนๆ นายก็เลือกเส้นทางนี้แล้ว ถ้าฉันเพลี้ยงพล้ำก่อนนาย ฉันจะส่งมอบอุดมการณ์ของฉันให้กับนาย...หัสวีร์” หัสวีร์เข้าใจในคำนั้นของเพื่อน เขาไม่ได้มีอุดมการณ์ใดๆ แค่อยากหนีเท่านั้น และคำพูดของธาราพวกเขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นลางบอกเหตุใดๆ สำหรับหัสวีร์แล้วมันคือคำที่เป็นหลักยึดให้กับเขา หลักที่คนที่เป็นทั้งเพื่อน พี่ชายมอบให้เพื่อให้เขามีกำลังใจและมีเป้าหมายในชีวิต แต่คำสั่งเสียสุดท้ายนี้หมายความว่าอย่างไรกัน! “ธารา!!!!” เสียงตะโกนก้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อคนในอ้อมแขนสงบนิ่งไม่เจ็บไม่รู้สึกอีกต่อไปแล้ว ฮือฮือฮือ ท่ามกลางสายฝนห่าใหญ่และเสียงร่ำไห้ของลูกผู้ชาย... ==================== “แม่” ทับทิมพลันได้สติกลับสู่ปัจจุบัน “นี่เสื้อผ้าพี่ไม่ใช่เหรอคะ” “ใช่ เดี๋ยวแม่รีดตัวนี้เสร็จแล้วจะรีบไปทำกับข้าว” ลำธารมองกองเสื้อผ้าที่ถูกรีดและพับไว้อย่างเรียบร้อย ‘คิดถึงพี่ที่สุดเลยค่ะ’ “ไม่ต้องทำหรอกค่ะแม่ ทำไปพี่หัสเขาก็ไม่กิน เดี๋ยวหนูไปซื้อข้าวต้มหน้าปากซอยมาดีกว่าค่ะ” ลำธารพูดจบก็เดินจากมา เมื่อกำลังจะเดินผ่านประตูก็เห็นหัสวีร์นั่งนิ่งเป็นลูกปั้นจนเกือบจะชินชาแล้ว แม้เวลาจะผ่านมาไม่น้อยแล้ว แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้พี่หัสกลับมาเหมือนเดิมและแม่รวมถึงเธอด้วย แต่ ณ เวลานี้เธอต้องมีสติและเข้มแข็งเพื่อแม่และพี่หัสสักระยะหนึ่ง ทับทิมที่ตามหลังลำธารออกมาเมื่อมองตามสายตาของลำธารก็ต้องเห็นในสิ่งที่ลำธารเห็น “น้องกำลังออกไปซื้อข้าวต้ม เดี๋ยวถ้าน้องกลับมาแล้ว หัสกินซักหน่อยสงสารน้องนะ ตอนนี้เราสองคนทำให้น้องลำบากอยู่นะ” หัสวีร์หันไปมองคุณแม่ทับทิมด้วยดวงตาแดงก่ำ และคำพูดมากมายของคุณทับทิมต่อมา...ก็ทำให้ร่างกำยำสั่นพร้อมหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูไหลออกมา “ขอบคุณครับแม่” ?????? ?????? “นั่นอะไร” ทับทิมถามลำธารที่เข้าบ้านพร้อมซองเอกสาร “จดหมายของพี่หัสนะคะ” “วางไว้ตรงนั้น และกินข้าวเช้าซะไม่ต้องรอพี่เขา เดี๋ยวจะไปสอบไม่ทัน” ลำธารทำตามคำของแม่ เมื่อเธอออกจากบ้านไปหัสวีร์ก็เดินลงบันไดมา “ลำธารไปแล้วเหรอครับ” “วันนี้สอบวันแรก” หัสวีร์นั่งที่เก้าอี้ประจำของตน ทับทิมก็ยกข้าวต้มออกมาให้ “จดหมายของหัสนะลูก” หัสวีร์จึงพึ่งสังเกตุเห็น เมื่อทับทิมเคลียร์ห้องครัวเรียบร้อยแล้วเธอก็มานั่งที่ของเธอ หัสวีร์กำลังอ่านเอกสารที่ส่งมา “มีอะไรเหรอจ๊ะ” “ผมได้ย้ายไปประจำที่ภาคหนึ่งครับ” “ภาคหนึ่ง ก็ที่กรุงเทพนะสิจ๊ะ” หัสวีร์พยักหน้า “ผมต้องไปรายงานตัวในอีกสองอาทิตย์...แม่ครับ...ลำธารกำลังจะเข้ามหาลัยให้ผมดูแลเธอต่อเองเถอะนะครับ” ทับทิมเบิกตากว้าง “ผมเป็นพี่ชายของลำธารครับ” ?????? ?????? “เก็บของเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ” “แม่ พี่หัสจะมารับหนูจริงๆ หรือเปล่า นี่พี่เขาเลื่อนมาสองครั้งแล้วนะคะ” ทับทิมยิ้มมองบุตรสาวอย่างเอ็นดู “อีกตั้งอาทิตย์กว่าๆ เลยนะที่มหาลัยจะเปิด ช่วงนี้งานพี่เขายุ่งเราก็รู้ไม่ใช่เหรอ แล้วแค่พี่เขาผิดนัดเรื่องจะมารับครั้งสองครั้งเพราะต้องทำงาน...หืม?” “รู้แล้วรู้แล้วค่ะ เฮ่ยยยย รู้สึกว่าตัวเองเป็นหมาหัวเน่า” “เจ้าลูกคนนี้นิ” “งานพี่เขายุ่งมากจริงๆ สินะคะ” “ลูกจำไม่ได้เหรอตอนที่พวกพี่ๆ เขาเริ่มต้นทำงาน เกือบสองปีเลยนะที่พวกพี่ๆ เขาไม่ได้กลับมาเลย งานของพี่เขาเป็นแบบไหนลูกเข้าใจใช่มั้ยจ๊ะ” คำย้ำเตือนของแม่เป็นการเตือนสติหญิงสาว ?????? ??????
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม