01
“ฮือๆๆ คุณตา ทำไมคุณตาถึงปล่อยให้สุขภาพตัวเองย่ำแย่ขนาดนี้ล่ะคะ ไม่มีใครดูแลคุณตาเลยรึไง” คุณหนูไอรดา เอลล่า ชาร์ตัน ทายาทคนเดียวของตระกูลกำลังร่ำไห้ หลังจากที่รีบบินตรงมาจากรัสเซีย เพื่อเยี่ยมมคุณตาสุดที่รักเพียงคนเดียวที่เมืองไทย
“แค่กๆๆ อย่าไปว่าใครเลยหลาน คนแก่ก็อย่างนี้แหละ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้หรอก จะให้แข็งแรงเหมือนหนุ่มๆ สาวๆ คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติ” เทพ เดชดำรง ตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยพูดปลอบหลานสาวเพียงคนเดียว
“ไม่เอาค่ะคุณตา ไม่พูดอย่างนี้ รู้ไหมไอด้าใจไม่ดี คุณตาต้องอยู่กับไอด้านานๆ สิคะ ถ้าคุณตาทิ้งไอด้าไปอีกคน ไอด้าจะอยู่ยังไงล่ะ ฮือๆ หรือคุณตาไม่รัก ไม่อยากอยู่กับไอด้าแล้ว ถึงได้คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัว” ดู๊ดูแม่คุณช่างพูดมาได้ คนแก่ฟังแล้วอยากจะขำจริงๆ นี่แม่หลานสุดที่รัก คิดว่าเรื่องเป็นเรื่องตาย เป็นเรื่องของการเอาตัวรอดอย่างนั้นเหรอ ฮ่าๆ อยากจะบ้าตาย
“ใช่ว่าตาเองอยากจะตายซะเมื่อไหร่ล่ะ แต่ของแบบนี้มันห้ามกันได้ซะที่ไหน อีกอย่างตาเองก็ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มานานจนคุ้มแล้วนี่ แต่ก่อนตายตาอยากจะขออะไรจากหลานสักอย่าง ไม่รู้ว่าหลานจะทำให้ตาสมหวังได้รึเปล่า”
“อะไรคะ บอกไอด้ามาสิ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนไอด้าก็จะทำให้” คนเป็นหลานพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
“ตามีไอด้าเป็นหลานเพียงคนเดียว กิจการทั้งหมดของตาก็จะต้องยกให้เราเป็นคนดูแลทั้งหมด แต่ตาก็รู้ว่าเราเองก็เหนื่อย ไหนจะต้องดูแลกิจการทั้งหมดของชาร์ตัน แทนดี่ดี๊ของเรา แล้วยังจะต้องมาดูแลกิจการในตระกูลเดชดำรงของตาอีก ซึ่งมันไม่ใช่น้อยๆ เลย ตากลัวว่าเราจะรับไม่ไหว” คุณตาเทพวัยเจ็ดสิบรู้สึกสงสารหลานสาวเพียงคนเดียวที่ต้องแบกภาระมากมายเช่นนี้ ซึ่งเธอต้องเข้ามาศึกษางานทุกอย่างของครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ทุกวันของเธอจึงมีแต่งานกับงานเท่านั้น
“โธ่ เรื่องนั้นคุณตาไม่ต้องห่วงนะคะ ไอด้าชินแล้ว ไอด้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อครอบครัวของเรานะคะ” ไอรดาพูดอย่างเต็มภาคภูมิ ทุกวันนี้เธอสามารถพูดได้เต็มปากว่า ความสามารถของเธอก็ดีไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกแน่ อาจจะเก่งกว่าบางคนด้วยซ้ำไป
“แต่ตาก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี บอกตรงๆ ถ้าตาย ตาก็คงตายตาไม่หลับ” คุณตาเทพพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ ที่ไอรดาเห็นแล้วใจคอไมดี
“ถ้างั้น คุณตาอยากให้ไอด้าทำยังไงคะ คุณตาถึงจะสบายใจ” ไอรดาบอกด้วยความกตัญญู
“ก่อนตาย ตาอยากเห็นหน้าเหลน ไอด้ามีเหลนให้ตาจะได้ไหม ตาจะได้วางใจว่ากิจการที่ตาสร้างมากับมือจะมีคนมาสืบทอดและสานต่อมันได้ ตาจะได้ไปอย่างหมดห่วง” เป็นเพราะอยากเห็นหลานสาวเป็นฝั่งเป็นฝามีคนคอยดูแลกับเขาสักที อีกทั้งกิจการของตัวเองก็จะได้มีคนสืบทอด คุณตาจึงบอกหลานสาวไปแบบนี้
“ห๊า! คุณตาอยากได้เหลนเนี่ยนะ แล้วจะให้ไอด้าไปหามาจากที่ไหนล่ะคะ ของแบบนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ ตามกระบอกไม้ไผ่สักหน่อย” ไอรดาทำหน้าเหวอ ด้วยไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ทุกวันนี้ก็มีแต่งานและครอบครัวที่ต้องดูแลจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องแบบนั้น
“บ๊ะ! เรานี่พูดเป็นเล่นไปได้ เด็กที่ไหนจะเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่กันเล่า คงไม่ต้องให้ตาบอกหรอกนะว่าเขาทำกันยังไงน่ะ” คุณตาเทพเอ็ดเสียงดัง
“แหะๆ ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องแบบนั้นน่ะไอด้าคิดว่าไอด้าน่าจะพอทำได้ แต่ติดอยู่เรื่องเดียวนี่ล่ะค่ะ” ไอรดาบอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ซึ่งคุณตาเองก็กำลังตั้งใจฟัง
“หืม! เรื่องอะไรล่ะ” คุณตาเทพถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหลานสาว
“ก็เรื่องที่ไอด้าไม่รู้ว่าไอด้าจะไปทำกับใครนี่ล่ะค่ะ เรื่องใหญ่เลย” คำพูดของเธอ ทำเอาคุณตาเทพแทบสำลักน้ำลายตัวเอง “แต่คุณตาไม่ต้องห่วงนะคะ ไอด้าจะพยายามควานหาคนๆ นั้นมาให้ได้ค่ะ” แววตาเด็ดเดี่ยวและท่าทางมุ่งมั่นของเธอ ทำเอาคนแก่แทบอยากจะถอนคำพูด ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่เอาเรื่องแบบนี้มาพูดกับแม่หลานสาวสุดที่รักคนนี้ แต่เรื่องแบบนี้เห็นทีคงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามพรหมลิขิตนั่นล่ะ
“มาเรีย รามาน อิล พวกนายว่าฉันควรจะไปหาผู้ชายที่ไหนมาทำพ่อของลูกดีอ่ะ” หลังจากที่แยกกันกับคุณตาเทพ จู่ๆ ไอรดาคุณหนูผู้น่ารักของทุกคนก็โพล่งถามออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับรัสเซีย
“เอ่อ คือ เอ่อ ผมว่าคุณหนูใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด เอ่อ ค่อยๆ หากันไปจะดีกว่านะครับ” ก็เรื่องแบบนี้จะให้รีบได้ไงล่ะ ไม่ใช่ผักใช่ปลาในตลาดสักหน่อย ที่อยากกินก็ไปซื้อเอาได้ ที่คุณหนูกำลังหาน่ะ มันพ่อของลูกนะ อิล หนึ่งในบอดี้การ์ดคนสนิทอดรู้สึกกระดากแทนไม่ได้
“นายก็เห็นแล้วนี่อิล ว่าคุณตาท่านคาดหวังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน แล้วฉันก็ไม่อยากให้ท่านต้องผิดหวังด้วย แบบนี้ยังจะให้ฉันใจเย็นอยู่อีกเหรอ ฉันไม่อยากเป็นหลานอกตัญญูนะ” อิลได้ฟังถึงกับหลับตาแน่นยังจนใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะยกเหตุผลนี้ขึ้นมา
“งั้นเอาอย่างนี้สิคะ คุณหนูลองกลับไปพิจารณาพวกที่เคยมีทีท่าว่าจะมาจีบคุณหนูดูสิคะ เผื่อจะมีสักคนที่ถูกใจ” มาเรียที่เป็นทั้งเลขาและเพื่อนคนสนิทลองเสนอความคิดดูบ้าง
“ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ” ไอรดาทำท่าโอดครวญ แค่คิดว่าต้องเจอกับผู้ชายพวกนั้นอีก เธอก็ทำใจไม่ได้แล้ว “แล้วถ้าลองแล้วยังไม่มีใครผ่านเกณฑ์เลยล่ะ” เธอจำเป็นต้องถาม เพราะดูจากแนวโน้มแล้วมีความเป็นไปได้สูง
“ความจริงเรื่องนี้ไม่เห็นต้องคิดอะไรให้วุ่นวายเลยนี่ครับ สิ่งที่คุณหนูอยากได้คือลูกไม่ใช่สามี ไม่จำเป็นต้องแต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยาก็ได้ ที่นี้เรื่องเกณฑ์อะไรนั่นก็ตัดทิ้งไปได้เลย เหลือก็แค่รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ที่ส่งผลโดยตรงกับเด็กที่จะเกิดมาก็พอ” รามานหนึ่งในคนสนิทอีกคนที่ความคิดค่อนข้างผ่าเหล่ากว่าใครเพื่อน เสนอขึ้นบ้าง แต่ดูเหมือนความคิดนี้จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างเอาซะเลย
“รามาน!” อิล และมาเรีย อุทานเสียงดัง ที่รามานเสนอความคิดพิลึกพิลั่นให้เจ้านายออกไปแบบนั้น
“ฉันพูดอะไรผิดเหรอ” ดูเหมือนรามานจะยังไม่รู้ตัว
“เออ นั่นสิ คุณตาบอกว่าอยากได้เหลน ไม่ได้บอกว่าอยากได้พ่อของเหลนสักหน่อยนี่เนอะ” และแล้วความคิดพิลึกพิลั่นที่ว่านั่นก็ดันถูกใจคุณหนูไอรดาเข้าจนได้
“คุณหนู!” เป็นอีกครั้งที่อิล และมาเรียอุทานเสียงดังพร้อมกัน เพราะไม่เห็นด้วยเอาซะเลย แต่ดูเหมือนคนที่เห็นด้วยอย่างไอรดาจะไม่ฟังเสียงทัดทานของใครอีกแล้วในตอนนี้
“แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ ดักฉุดแบบในหนังเลยดีไหม อย่างพวกดักทุบหัว ลากเข้าห้อง จากนั้นก็จับปล้ำเลยเป็นไง ดีนะเนี่ยที่ฉันเคยดูหนังแนวนี้มาบ้าง ไม่อย่างนั้นคงมืดแปดด้านเลย” ไอรดาทำหน้าภาคภูมิใจกับความคิดของตัวเองเป็นที่สุด ตรงกันข้ามกับคนสนิททั้งสาม ที่ตอนนี้กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก กับวิธีหาสามีของเธอ
“คุณหนู” ทั้งสามจึงได้แต่ครางเสียงสั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหนูของพวกเขาจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“แล้วครั้งเดียวจะท้องไหมล่ะ แล้วถ้าไม่ท้อง ฉันไม่ต้องขังผู้ชายคนนั้นเอาไว้แต่ในห้องแบบพวกผู้ชายบำเรออะไรทำนองนั้นเลยรึไง อ๊าย! นี่มันเรื่องจำเลยรักชัดๆ เลยนี่ ละครไทยเรื่องนี้ฉันชอบสุดๆ ยิ่งตอนที่พระเอกจับนางเอกไปขังเอาไว้นะเป็นตอนที่ชอบมากๆ เลย มันเป็นอะไรที่โรแมนติกที่สุดเลยอ่ะ” ไอรดาทำท่าเคลิ้มฝัน เมื่อพูดถึงฉากสุดปลื้มฉากนั้น ทำเอาทั้งสามเห็นแล้วผวาพากันถอยหลังพร้อมกันด้วยความกลัว อ๊าก! คุณหนูเป็นพวกโรคจิตไปแล้ว พระเอกทรมานนางเอกเนี่ยนะโรแมนติก แบบนี้มันซาดิสม์ชัดๆ รามานคิดด้วยความสยอง ที่สำคัญละครเรื่องนั้นมันก็ไม่เหมือนกับเรื่องที่เธอจะทำเลยนี่ เพราะเธอเป็นผู้หญิงนะ
“เอ่อ คุณหนูครับ เดี๋ยวนี้วิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมากแล้วนะครับ เราให้หมอช่วยทำกิฟท์ให้ก็ได้ เอาแค่สเปิร์มของผู้ชาย แล้วคุณหนูก็ไม่ต้องลงมือปล้ำ หรือจับผู้ชายมากักขังให้เสียเวลา มันจะเป็นการเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไปซะเปล่าๆ” รามานเสนอความคิดอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยังไม่วายล้อเล่นอีกจนได้
“เหรอ แล้วถ้าไม่ปล้ำ ฉันจะเอาสเปิร์มมาได้ยังไงล่ะ” รามานถึงกับอึ้ง เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป ใจคอจะให้เขาอธิบายจนละเอียดเลยรึยังไง ฮือ! กูอยากตาย กูกำลังตกอยู่ในสภาวะกดดันใช่ไหม รามานถึงกับครวญในใจ
“คุณหนู เรื่องทำกิฟท์อะไรนั่น เราเอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายดีไหมคะ ลองวิธีแรกกันก่อน ถ้าไม่ได้ผล เราค่อยมาคิดกันดูอีกทีว่าจะเอายังไง เชื่อมาเรียนะคะ” และแล้วมาเรียก็มาช่วยรามานเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นรามานคงต้องเส้นเลือดในสมองแตกตาย เพราะตกอยู่ในสภาวะความกดดันแน่ๆ
“ก็ได้” ทุกคนถึงกับยิ้มออก เมื่อไอรดายอมเชื่อฟังง่ายๆ แต่ “ถ้างั้นกลับไปเนี่ย ช่วยหาจำเลยรักมาให้ฉันคัดตัวโดยด่วนเลยนะ” อ๊าก! ยังไม่จบ รามานมองคนพูดตาโต
และแล้ววันแรกของการปฏิบัติการตามล่าหาจำเลยรักก็เกิดขึ้น ท่ามกลางความลุ้นระทึกของทุกคน
“เป็นเกียรติมากเลยครับที่คุณเอลล่าชวนผมออกมาทานข้าวด้วยกันวันนี้ ผมยินดีมากสำหรับมิตรภาพในวันนี้” โยชิ นักธุรกิจหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่มาเรียเป็นคนจัดการนัดมาให้ กำลังเป็นปลื้มที่จู่ๆ ดอกฟ้าก็โน้มกิ่งลงมาหา ซึ่งมันตรงกันข้ามกับความคิดของไอรดาโดยสิ้นเชิง แต่ฉันกำลังเสียใจย่ะที่ให้มาเรียนัดนายมา
เมื่อไอรดาคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับนักธุรกิจหนุ่มคนนี้ดี เธอจึงหันไปปรึกษากับเหล่าบรรดาคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ห่างด้วยภาษาไทย เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงฟังไม่ออกเป็นแน่ ส่วนพวกเขาน่ะเหรอพูดได้คล่องราวกับภาษาบ้านเกิดนั่นแหละ ก็เรียนภาษาไทยมาพอๆ กับภาษารัสเซียตั้งแต่จำความได้แล้ว เพราะพวกเขาถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ เลย
“นี่ จะให้ฉันนั่งกินข้าวกับคุณจระเข้สำลักน้ำนี่จริงๆ น่ะเหรอ สงสารฉันเถอะ ฉันกินไม่ลงอ่ะ หน้าว่าแย่แล้ว คำพูดยังเลี่ยนอีก ไม่ไหวๆ หรือจะเรียกเจ้าหน้าที่พิทักษ์สัตว์ป่ามาจับไปก็ได้นะ อย่าให้ฉันต้องกลายเป็นตะเภาทองเลย” ไอรดาทำหน้าเหมือนอยากจะร้องขึ้นมาจริงๆ เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากทั้งสามคน แต่