นัยน์ตาเพื่อนสนิทกลอกมองมาทางโทรศัพท์ พลเดชร้อนตัวรีบแตะหน้าจอ ปลดล็อกโทรศัพท์เช็กให้มั่นใจว่าตัดสายแล้วหรือยัง
จับได้ว่าจิรัชแค่แกล้ง พลเดชโวยใหญ่โต “ใจหายใจคว่ำหมด!”
“ฉันก็จะบอกนายเหมือนกัน ว่าฉันอิจฉานายมากกว่าที่ยังมีเมียคอยแว้ดๆ ใส่ การโสดตอนแก่ไม่ได้ดีหรอกนะ จะคบใคร ก็คบได้ไม่ยืดยาว สาวๆ สวยๆ ที่นายคลั่งไคล้ก็อาจจะเข้าหาเพียงเพราะพวกเรามีเงิน ไม่มีใครอยากรัก อยากดูแลคนที่แก่หงำเหงือกลงทุกวันอย่างเราหรอกนะ เพราะฉะนั้น เลิกเหล่สาว แล้วกลับไปหาเมียนายซะ”
ตบบ่าเพื่อน ให้มันทำใจยอมรับความจริง สาวๆ พวกนั้นที่พยายามจะยกแก้วให้มัน ขอให้ลืมไปซะ ผู้หญิงที่พร้อมจะเปลี่ยนจากผู้ชายคนหนึ่งไปเล่นหูเล่นตากับผู้ชายอีกคนได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่ผู้หญิงที่ควรค่าให้พวกเขาเสียเวลาด้วย ทำได้มากสุดก็แค่ส่งยิ้ม และพูดคุยด้วยในฐานะเจ้าของร้านกับลูกค้าเท่านั้น
“เออ ทนมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องทนต่อไปแหละวะ!” เมียอาจจะไม่สาวไม่สวย แก่ลงไปตามวัย แต่ถึงยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเมียที่ตบแต่งจากความรัก พลเดชทำใจยอมรับ แต่อดไม่ได้แอบมองสาวน้อยเปลือยอกคนเดิม ฝากไว้ก่อนเถอะ เขาจะเก็บความรู้สึกเสียวกระสันนี้กลับไปขย้ำนมเมียที่โรงแรมก็ได้วะ ฮึ่ม!
“นายจิบคอกเทลรอไปก่อนนะ ฉันสั่งงานลูกน้อง เสร็จแล้วจะไปเอารถมาจอดรอด้านบน”
“ไม่ต้องรีบล่ะ ช้าๆ ก็ได้ มีนายไปด้วย หลักประกันชั้นดีว่าฉันจะไม่ถูกเมียบ่น”
“ได้ยังไง นายบอกเองไม่ใช่เหรอ จะไปถึงในสิบนาทีกลัวเมียจ๋าจะรอนาน”
“ไอ้... ไอ้เวรจิ!”
กล้าแซวเพื่อน ถ้าวัยละอ่อนกว่านี้จะไล่เตะให้ตูดบาน
“อ๋อ เข้าใจแล้ว”
พลเดชอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ลากเสียง อ๋อ ยาวมาก เมื่อมาถึงห้างฯ แห่งหนึ่งบนเกาะสมุย และพบว่าภรรยาอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่มีสถานภาพโสด เพิ่งจะหย่าร้างกับผัว มีลูกติดสองคน โพรไฟล์ไม่ใช่ธรรมดา มีธุรกิจบนเกาะสมุยเป็นถึงนายหน้าซื้อขายที่ดินรายใหญ่
ดวงกมลอายุใกล้จะห้าสิบ แต่รูปร่างหน้าตายังสวย มาพบกับจิรัชที่โสดเหมือนกัน กลายเป็นว่าเหมาะสมกันอย่างเหลือเชื่อ
พลเดชหลิ่วตาใส่เมียจอมเจ้าเล่ห์ มีแผนจับคู่น่าจะสะกิดบอกกันบ้างจะได้ให้จิรัชเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้ดูโก้หรูมากกว่านี้ ที่สวมใส่มันชิลล์เกินไป เพราะเมียตาแหลม ฉลาดหัวไว ถึงเอาคนเจ้าชู้อย่างเขาอยู่หมัด
“เข้าใจอะไรของคุณไม่ทราบคะคุณพล ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แค่ไม่ได้พบคุณจินานแล้ว รู้สึกคิดถึง อยากถามไถ่ว่าท่านสบายดีไหม ถึงได้ขอนัดมากินข้าวด้วยกัน ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงเลยสักนิด”
จริยา ภรรยาพลเดชจีบปากจีบคอพูด คนเขินกลับเป็นดวงกมล แม่หม้ายสาวใหญ่พราวเสน่ห์ประจำเกาะ
“น้องดวงทำความรู้จักคุณจิไว้ก็ดีนะ ท่านเพิ่งย้ายมาใช้ชีวิตเกษียณอยู่ที่นี่ หนุ่มโสดมาอยู่คนเดียวอาจจะเหงา วันหยุดมีเพื่อนไปกินข้าวด้วยกันบ้าง อาจจะมีความสุข พี่รับรอง คุณจิเป็นคนดี ไว้ใจได้แน่นอน”
“ขอบคุณพี่จิ๊บมากนะคะ ที่แนะนำให้ดวงรู้จักเพื่อนใหม่ คุณจิมาอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ ได้ข่าวว่าเปิดบีชบาร์ ลงทุนคนเดียวเลยเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ จะบอกเลยนะว่าคุณจิรวยมาก ที่ลงทุนไป แค่แก้เบื่อเท่านั้น”
“เมียจ๋า ผมว่าให้ทั้งสองคนคุยกันทำความรู้จักกันเองดีไหมจ๊ะ” พูดแค่นี้ เมียจ๋าขยายตากว้างเป็นไข่ห่านแทนการด่าออกเสียงว่าอย่าสอด พลเดชเอาอกเอาใจเมียบีบนวดท่อนแขนให้เมียกลับมาอารมณ์ดี
“ถ้าขาดเหลืออะไรอยากให้เจ้าถิ่นช่วย คุณจิบอกดวงได้เลยนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ ร้านของผมเล็กๆ ไม่น่าจะมีปัญหาหรอกครับ”
“เกาะสมุยพวกเจ้าถิ่นกร่างๆ เยอะจะตายค่ะ เพื่อไม่ให้มีใครมายุ่งวุ่นวายกับร้านคุณจิ เอาเป็นว่า วันหลังดวงจะแวะไปบ่อยๆ นะคะ ถ้ามีข่าวออกไปว่าคุณจิกับดวงรู้จักกัน รับรองว่าจะทำธุรกิจง่ายขึ้นมากค่ะ”
“ฟังน้องดวงเถอะนะคะคุณจิ ไม่เสียหาย จิ๊บอยากให้รู้จักกันไว้ จะในฐานะเพื่อน หรือฐานะอื่นก็ได้ ถึงยังไง... ก็ยังโสดด้วยกันทั้งคู่”
ภรรยาพลเดชออกตัวเชียร์เพื่อนสนิทของสามี ให้สนใจเพื่อนรุ่นน้องของตัวเองสุดตัว
“ถ้ามีปัญหา ผมจะรบกวนคุณดวงครับ” จิรัชตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“ยินดีมากๆ ค่ะ ดวงจะรอนะคะ”
ดวงกมลถูกใจรูปร่างหน้าตาและฐานะของจิรัช ทอดสะพานยาวถึงขั้นข้ามแม่น้ำโขงได้ไปให้ รอเขาตอบรับแค่นิดเดียวเท่านั้น หล่อนพร้อมจะสานต่อความสัมพันธ์ในรูปแบบที่ผู้ใหญ่ทำกัน
‘จิ๊บนัดน้องดวงมาซื้อชุดว่ายน้ำ ตั้งใจจะไปนอนชิลล์บนชายหาดส่วนตัวในโรงแรม คุณจิสนใจไปด้วยกันไหมคะ พรุ่งนี้เช้าจิ๊บกับพี่พลต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว อาจจะไม่ได้ลา ถือว่าไปปล่อยแก่เล่นน้ำด้วยกัน’
‘ใช้คำว่าปล่อยแก่เลยเหรอคะพี่จิ๊บ ดวงว่าเราทุกคนยังไม่มีใครแก่เลยนะคะ โดยเฉพาะคุณจิรัช ถ้าบอกว่าอายุสักสี่สิบ ดวงก็เชื่อ’
‘น้องดวงปากหวานจังเลย ดูแก้มคุณจิสิ แดงระเรื่อเขินไปหมดแล้ว’
‘ตกลงว่าคุณจิไปเที่ยวกับพวกเรานะคะ ตอนเย็นจะได้กินข้าวด้วยกัน หรือถ้าห่วงเรื่องเสื้อผ้า ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ ซื้อจากห้างฯ ไปเลยก็ได้’
ดวงกมลส่งสายตาอ่อยมาให้ไม่มีพักระหว่างรับประทานอาหาร จิรัชเกรงว่าจะไม่ใช่ว่ายน้ำกับกินข้าว แต่จะถูกหล่อนชวนไปต่อที่ไหนสักที่ โชคดีที่พนักงานโทรมาปรึกษาเรื่องงานจึงมีข้ออ้างให้ปลีกตัวออกมาเนียนๆ
เขาเดินเร็วกว่าปกติ กลัวหนึ่งในสามคนนั้นจะตามออกมา ผ่านหน้าร้านกาแฟกลางห้างฯ ไปแล้ว แต่สะกิดใจ...
คลับคล้ายคลับคลาว่าเจอคนรู้จักอยู่ในร้านนั้น