“แม่เจ้าโว้ย ตูดเป็นตูด นมเป็นนม อาหารตาอร่อยอย่างนี้ ฉันชักไม่อยากกลับกรุงเทพฯ แล้วสิ” ชายวัยกลางคนร้อง อื้อหือ แสดงอาการหื่นกาม สูดลมเข้าปากทำเสียงครางซี๊ดเสมือนว่าได้กินอาหารเผ็ดร้อน
ดวงตาใต้กรอบแว่นกันแดดแบรนด์เนมราคาแพงหูฉี่จับจ้องไปที่สาวน้อยสาวใหญ่สวมบิกินีตัวจิ๋ว ห่อหุ้มอะไรต่อมิอะไรไม่มิดชิด ทอดน่องเดินบนชายหาดสีขาวทรายนุ่มละเอียดสวนกันไปมา สีฟ้าครามของท้องทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาตัดกับความขาวของทราย และสาวๆ ส่งผลให้อุณหภูมิภายในร่างกายชายวัยกลางคนร้อนแรงเทียบเท่ากับอากาศร้อนจัด
แลบลิ้นเลียปาก ถูกใจสาวน้อยชาวต่างชาติเป็นพิเศษ หล่อนทอดกายนอนบนเปลริมชายหาดไม่ไกลจากเคาน์เตอร์บาร์ เปลือยไปทั้งกาย ปิดบั้นท้ายสวยด้วยผ้าผืนเล็ก คว่ำหน้านอนอาบแดด ให้ผิวพรรณขาวเข้มขึ้น ในบางครั้งสาวน้อยยกตัวมาจับโทรศัพท์ พูดคุยกับเพื่อนสาวคนข้างๆ ตาแก่บ้ากามเห็นหน้าอกสาวน้อยเต็มตา ยอดอกของหล่อนสะท้านแสงแดดสาดส่องมากระทบเข้าเบ้าตา ทำเขาน้ำลายสอ อยากหม่ำๆ ไล้เลียยอดอกสีสวยให้ครบทั้งสองข้าง ไม่ให้ข้างใดข้างหนึ่งน้อยใจว่าได้รับความรักไม่เท่ากัน
“จิ บาร์ของนายสุดยอดเลยว่ะเพื่อน หลังเกษียณขอมาร่วมหุ้นด้วยได้ไหม ขอส่วนแบ่งแค่ 10% ก็ได้ กำไรของฉัน แค่บนหาดก็อิ่มจนจุกแล้ว”
น้ำลายไหล ไม่เท่ากับน้ำกามที่ร่ำร้องอยากถูกรีด อายุห้าสิบแล้วยังไง ขึ้นชื่อว่าเพศชาย จะอายุเท่าไหร่เจอแบบนี้เข้าไป ก็หื่นกันทั้งนั้น
“ให้เกียรติลูกค้าในร้านฉันด้วยนะ ทำธุรกิจบีชบาร์ เป็นธรรมดาที่ทุกคนใส่ชุดว่ายน้ำเข้ามาในร้าน เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือน อย่าให้ร้านฉันเจ๊งเพราะทัวร์ลงเลย อาจจะมีโพสต์จากลูกค้าทำนองว่า ที่ร้านมีตาเ*******ู”
จิรัชพูดกับเพื่อนสนิท พร้อมเสิร์ฟ Pina Colada เมนูยอดฮิตประจำร้านให้เพื่อนได้ลองชิม เมนูนี้มีส่วนผสมของเหล้ารัม สับปะรด กะทิ มะนาว เสิร์ฟในลูกสับปะรดที่คว้านเนื้อออกไปทั้งหมด นิยมในหมู่สาวๆ สั่งไปจิบแก้ร้อนและถ่ายรูปคู่ชายหาดเก๋ๆ โพสต์ลงโซเซียล แอลกอฮอล์ค่อนข้างน้อย เหมาะกับเพื่อนสนิทของเขาที่ไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับภรรยา
ฝีมือการชงคอกเทลของจิรัชพัฒนามากขึ้นจนชำนาญระดับขั้นที่ชงเมนูเบสิกในร้านได้ แต่เขาก็ทำเป็นแค่ไม่กี่เมนูและทำช้า จึงต้องจ้างบาร์เทนเดอร์ฝีมือดีมาประจำร้าน และจ้างพนักงานหลายคนมาช่วยกันดูแลความเรียบร้อยในร้าน เพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจบีชบาร์แค่สามสัปดาห์ ระบบหลังร้านยังไม่เข้าที่ เขาจำเป็นต้องเข้าร้านมาควบคุมดูแลร้านด้วยตัวเอง
“อย่าขี้เหนียวนักเลยน่า” พลเดชผลักไหล่เพื่อนสนิทที่นั่งด้านหลังเคาน์เตอร์ “เคยได้ยินไหม สมบัติผลัดกันชม มีของดีอย่างนี้มาป้อนให้ถึงที่ แบ่งให้ฉันดูนิดเดียวไม่เสียหายหรอกน่า เพราะนายเห็นจนเบื่อ ถึงบ่นฉัน ไม่เชื่อหรอกว่าวันสองวันแรกเห็นนมเต็มเต้าเข้าไปแล้วนายจะไม่รู้สึกอะไร นายน่ะ ห่างผู้หญิงนานกว่าฉันอีกนะโว้ย เมียเสียไปตั้งนานไม่มีเมียใหม่ ของนายไม่ขาดบ้างเหรอไอ้จิ เป็นฉันหน่อยไม่ได้ มีเมียใหม่ไปนานแล้ว”
“ไม่รู้สิ เฉยๆ อายุก็ปูนนี้แล้ว ไม่ได้อยากมีมากขนาดนั้น”
“เฮ้ย! ว่าไปนั่น! เพิ่งห้าสิบสาม ยังเป็นหนุ่มเอ๊าะๆ อยู่เลยนะเว้ย”
จะไปนับอายุทำไม ถ้าหัวใจของเรายังเป็นวัยรุ่น
ไอ้จินี่มันช่างตายด้าน ไม่รู้สึกรู้สากับผู้หญิงคนไหนบ้างเลย ทั้งที่ฐานะทางสังคม หน้าที่การงาน การศึกษา รูปร่างหน้าตารวมไปถึงนิสัยใจคอ จิรัชมีดีทุกอย่าง
ตอนที่อยู่กรุงเทพฯ สาวๆ ตามให้ท่าเป็นพรวน รุ่นราวคราวลูกยังมี แต่จิรัชไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยจนพลเดชไม่เข้าใจเพื่อน เปลี่ยนมาเป็นเขาสิ ฟาดเรียบตั้งแต่รุ่นลูกไปจนถึงรุ่นเดียวกัน
“เอ๊าะๆ หน้าโลงเหรอ”
นึกสภาพหนุ่มเหลือน้อยทั้งหลายมาเต้นเย้วๆ หลอกลวงตัวเองว่าอายุอานามยังอ่อนวัยแล้วจิรัชหยุดขำไม่ได้ เพื่อนรุ่นเดียวกันโบกมือหย็อยๆ ลาโลกไปก็เยอะ ที่คบกัน เหลืออยู่แค่ไม่กี่คน จะมาเอ๊าะๆ อะไร ห้าสิบกว่า ไม่ใช่หนุ่มน้อย แต่เป็นหนุ่มใหญ่
“คุยกับนายเนี่ยทำฉันหมดอารมณ์ไปเลยไอ้จิ ใจคอจะอยากเป็นโสดไปจนตายจริงเหรอ โอกาสอันดีเลยนะ ที่ได้อยู่ไกลหูไกลตาน้องเจนกับพ่อตาของนาย ฉวยโอกาสนี้มีเมียใหม่ซะเพื่อน สาวๆ สวยๆ รอนายอยู่”
พยักหน้าให้สาวๆ กลุ่มหนึ่งที่อ่อยเจ้าของบาร์อย่างออกนอกหน้า
จิรัชไม่เอาก็ช่างมัน ลองสาวๆ พยักหน้าตอบ กระทิงดุรุ่นใหญ่อย่างเขาพร้อมพุ่งชนให้สาวๆ ร้องขอชีวิต
แต่ตอนนี้ ต้องร้องขอชีวิตตัวเองก่อน เพราะเมียโทรตาม
“ปัดโธ่เอ๊ย! ช้อปปิงกับเพื่อนนานกว่านี้สักหน่อยก็ไม่ได้ กว้านซื้อมาให้หมดทั้งห้างฯ เลย เสร็จหกโมงเย็น สองทุ่ม สามทุ่มยันห้างฯ ปิดไปเลยยิ่งดี” บ่นเมีย แต่หลังกดรับสายเสียงพลเดชหวานจนเจ้าของบีชบาร์ต้องปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ
“จ๋า... เมียจ๋าจะให้พี่ไปหาที่ห้างฯ เหรอ หิวเหรอจ๊ะ ถ้าหิวทำไมเมียจ๋าไม่กินกับเพื่อนล่ะจ๊ะ พี่อยู่กับไอ้จิ กินข้าวกับมันสองคนก็ได้ ร้านมันอยู่ไกล กลัวไปถึงช้า เมียจ๋ารอนาน”
‘อย่าเถียง!’
ภรรยาพลเดชตะโกนเสียงดังจนจิรัชที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเต็มสองหู ตามด้วยข้อความมากมายที่อีกฝ่ายพูดเหมือนร้องเพลงท่อนแร๊ป ลงท้ายด้วยการออกคำสั่งสามีให้ชวนจิรัชผู้เป็นเพื่อนสนิทไปกินข้าวด้วยกัน กำลังรอคิวร้านอาหาร ให้มาถึงภายในครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้น... บลาๆๆ
ด่ายาวจนจิรัชฟังไม่ทัน และไม่ค่อยอยากจะฟังสักเท่าไหร่
พลเดชตัวดี เลียนแบบภรรยาเบะปากแบะๆ ก่อนลงท้ายคำหวาน
“ได้จ้า จะลากคอมันไปด้วยให้ได้ เมียจ๋ารอครึ่งชั่วโมงนะ แต่ไม่แน่ว่าสิบนาทีก็ถึง ใครล่ะ จะอยากปล่อยให้เมียจ๋ารอนาน รักนะ จุ๊บๆ”
ก่อนที่ภรรยาจะมีโอกาสตอบกลับ พลเดชชิงตัดสายทิ้งก่อนเลย
“นี่แหละ ปัญหาใหญ่ในชีวิตฉัน อยากจะปลดเกษียณตัวเอง มาร่วมหุ้นทำธุรกิจกับนาย ใช้ชีวิตสโลไลฟ์บนเกาะสรรค์ ติดตรงที่เมียไม่อนุญาต และไม่มีวี่แววว่าจะตายง่ายๆ เฮ้อ! ฉันถึงได้อิจฉานายยังไงล่ะจิ”