“ตอนนี้คุณเมฆเขากำลังขยายฟาร์มองุ่น เขามีกาสิโนด้วยค่ะ เขามาติดต่อให้บริษัทพายทำโฆษณาให้ บริษัทของพายกำลังขาขึ้น พายเลยยุ่งมาก ๆ”
แม่ได้รับคำตอบทั้งหมดได้สบายใจยังสงสัยอยู่เต็มวงหน้า
“กาสิโน? ปอยเปตหรือลูกหรือว่าที่ไหน?”
“พวกพี่ ๆ สายขุดคุ้ยที่ออฟฟิศบอกพายว่าเขาเป็นหุ้นส่วนกาสิโนที่ปอยเปต บนเรือสำราญกับ... ที่ไหนนะ? แม่ไปคุยกับเขาเองดีไหมคะ? พายไม่ได้ถามเขาอ่ะ” หน้าตาสงสัยเป็นอย่างมากของลูกสาวบอกว่าไม่ได้โกหก คุณแม่เลยทำหน้ายุ่ง
“จะดีหรือลูก?”
“พายว่ามันต้องดีค่ะแม่ เผื่อเราสองคนจะได้เอาเงินไปลงให้มันงอกแล้วเราก็ไปช้อปปิ้ง ไปสปา เข้าร้านเสริมสวย” เสียงหัวเราะดังระคนกันไป สองแม่ลูกยังกอดกันไม่ห่าง ขณะสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย
ไม่มีใครทันสังเกตว่าหนุ่มหล่อวัยหกสิบนั้นกลับมาได้สักพัก ยืนอยู่ข้างโซฟาในเสื้อยืดสกรีนเข้ากันกับกางเกงยีนวัยรุ่นสุด ๆ คนเป็นตำรวจต้องไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมดา
“ฮึ! พวกฟอกเงินทั้งนั้น บ่อนรอบบ้านเราน่ะ มันมีตรงไหนเรียกว่าดี?”
คุณผู้หญิงของบ้านหันไปเถียงทันที “แหม...! พวกคุณ ๆ ทั้งหลายก็เป็นแบ็คให้ผับบ่อนทั้งนั้น ฉันแค่อยากหาความรู้ใหม่ไว้ลงทุนเพิ่ม ไม่ก็ไปเที่ยวประสาสาว ๆ ไม่ต้องไปเล่นไพ่ก็ไปได้ ไปนอนอ่างจากุซซี่เข้าสปานวดหน้า ไปกดตู้สล็อตเล่นกันดีไหมลูก?”
“ดี ๆ ค่ะแม่ พายอยากเล่น ไปกันอาทิตย์หน้าเลยป่ะแม่?”
ปรีชาหัวเราะออกมาอย่างประชด “เฮอะ! กล้าสาบานกับพ่อไหมว่าไปเที่ยวกาสิโนมันจะจบแค่กดตู้สล็อต ผีพนันเข้าสิงเมื่อไรได้วนเวียนอยู่ในนั้นจนหมดตัวนั่นแหละ”
สองแม่ลูกกอดกันตัวกลมมองตาขวาง หน้าตาเข้มเครียดพอกันกับหนุ่มใหญ่ที่อาจกลายเป็นคนนอกเมื่อไรก็ได้
“ได้... อยากทำอะไรก็ทำ ตามสบาย แต่ลงทุนกับบ่อนพนัน ผมไม่อนุญาตนะ”
“ค่ะคุณพ่อ!” สองแม่ลูกตอบพร้อมกัน กนิษฐานั้นอายุน้อยกว่าสามีถึงสิบสองปี แต่งงานอยู่ด้วยกันมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะให้ลูกสาวต้องบาดหมางใจ เพราะฝ่ายพ่อบ้านนั้นเข้าชมรมคนกลัวเมียจึงยอมภรรยาไปเสียทุกอย่าง
ขณิกาบอกลุงนิ่มสารถีประจำบ้านให้ขับรถไปห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากบ้านซึ่งอยู่ในตัวเมืองโคราช บ้านที่ครอบครัวของเธอซื้อเอาไว้คราวนายตำรวจใหญ่มาประจำการเป็นรองผู้บังคับการที่นี่ ไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นเงินจากกระเป๋าใครถ้าไม่ใช่คุณนายเจ้าของบ้านจัดสรร
ในทุกวันหยุด แม้กระทั่งว่าตอนที่เธอไปศึกษาต่อปริญญาตรีและโทประเทศอังกฤษ จะต้องหาเวลานั่งเครื่องบินกลับมาทุกสองสามเดือน
เป็นโชคดีวันเสาร์บ่าย ๆ อย่างวันนี้การจราจรไม่ติดขัดมากนัก ขณิกาได้สนทนากับพ่อแม่เรื่องสัพเพเหระบ้านเมือง ได้หัวเราะอย่างที่เธอเคยทำมันอยู่บ่อยครั้ง
ดวงตาของเธอไม่ได้แดงช้ำเพราะร้องไห้แต่สว่างขึ้นด้วยสติ เธอรับรู้แล้วว่าทำไมครอบครัวของเธอนั้นรักใคร่กลมเกลียวกัน ชีวิตของเธอไม่ต่างจากเจ้าหญิง ที่เป็นแบบนั้นคงเพราะพ่อและแม่ที่ดีที่สุดสองคนนี้
“กินข้าวเสร็จ พายจะพาแม่ไปทำผม สปาหน้า ทำเล็บเสร็จก็ไปช้อปปิ้งดีไหมคะแม่?”
“ตามใจลูกจ๊ะ”
“แล้วพ่อล่ะ พ่อไปทำสปาหน้าด้วยได้ไหม?” ปรีชาอดน้อยใจลูกสาวไม่ไหว พอรถยนต์จอดสนิทดีเขาที่นั่งอยู่ข้างหน้าข้างคนขับรถของบ้าน เดินไปประกบลูกสาวในอีกฝั่งหนึ่ง สังเกตเห็นดวงตาคู่สวยสว่างใสกว่าสองสามเดือนมานี้
“พายจะพาพ่อไปนวดค่ะ ร้านนี้หมอนวดมีใบประกาศฯ ทุกคน คิวหมอแน่นมาก ต้องจองข้ามวันเลยนะพ่อ”
“เห็นแม่บ่นว่าเมื่อยขา พ่อว่าเราไปด้วยกันสามคนดีกว่า เออ... ที่บอกว่าจะพาพ่อไปร้านใหม่นี่ร้านอะไร?”
ขณิกายิ้มหวาน รู้อยู่แล้วว่าพ่อต้องถาม “ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นอาหารไทย เปิดใหม่ชั้นบนสุดชั้นเดียวกับโรงหนัง เหมาะสำหรับคนรักอาหารสุขภาพอย่างพ่อกับแม่ พวกเมนูปลานี่อร่อยมาก”
“พายบอกว่าอร่อย เคยมากินกับใคร?” ความสงสัยเต็มวงหน้าหนุ่มวัยหกสิบที่หวงลูกสาวพอตัว อีกคนแค่บอกอย่างภาคภูมิ
“ไม่เคยค่ะ แต่มีคนแนะนำมา คอนเฟิร์มว่าอร่อยแน่นอน”
“อ้าว... พ่อนึกว่ามากับตาธามซะอีก” ปรีชาตั้งใจให้ลูกชายของผู้กองหน่วยก้านดีในสังกัดได้ดูแลลูกสาว ดันเสียแผนไม่พอตอนนี้ก็คงจะไม่ได้ลูกเขยสักคน
“พี่ธามน่ะนะพ่อ... ตั้งแต่โดนอาภพโทรไปด่า หายไปจากโลกใบนี้แล้วค่ะ” ความเจ็บปวดในใจของเธอยังคงอยู่เหมือนคนซมพิษอ่อน ๆ ขณะที่มันได้รับการเยียวยาไม่น้อยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาจากผู้ร้ายที่บอกว่ารักใครไม่เป็น
เลิกคนเก่าปุ๊บมีคนใหม่ปั๊บ! อะไรขณิกาจะฮอตได้ขนาดนี้ แถมพ่อคุณมีออฟชั่นมาเพียบพร้อม ถึงไม่เคยบอกสักคำว่าจีบคงไม่ต่าง ดอกไม้ถึงเช้าเย็น ว่างเมื่อไรมาขอคุกกี้กินได้ตลอด
ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายอีกคนที่ไม่คิดจะตามไปง้อเธอ ซึ่งเธอก็เด็ดขาดมากพอที่จะบล็อคทุกช่องทางติดต่อของตัวปัญหาให้เวลาตัวเองได้ทำใจ
“ไอ้ภพนี่มันจริง ๆ อายุปูนนี้ทำตัวเป็นวัยรุ่นหัวร้อน” บ่นอย่างหัวเสีย คนเป็นพ่อไม่ต้องการรับรู้เรื่องลูกสาวร้องไห้จึงตัดสินใจว่าจะยกลูกสาวให้ ตอนนี้เขาชักอยากเปลี่ยนใจ
สามคนพ่อแม่ลูกพากันไปถึงชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า ส่วนลุงนิ่มนั้นต้องไปทำธุระให้เจ้าของบ้านต่อคือซื้อของที่ตลาดเข้าไปให้แม่บ้าน พอมาถึงร้านอาหารหรูหรา ดวงตาคู่สวยมีประกายจรัสมองสองคนซ้ายขวา
“ร้านนี้สำหรับวีไอพีเลยนะคะ พายโทรสั่งอาหารไว้ให้ล่วงหน้าเรียบร้อย แต่ถ้าอยากสั่งอะไรเพิ่ม เดี๋ยวเปิดเมนูเอานะ”
“ทำไมวันนี้ลูกเอาอกเอาใจแปลก ๆ แต่งตัวก็ไม่เหมือนเป็นลูกแม่ มีอะไรหรือเปล่าลูก? อ๊ะ..” คนถามตกใจทันทีที่พนักงานหนุ่มรูปหล่อด้านหน้าส่งดอกไม้สีขาวช่อโตให้
“ดอกไม้ของคุณขณิกาครับ โต๊ะที่จองไว้สามที่นะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณน้อง” ริมฝีปากได้รูปสวยประดับรอยยิ้มบาง ๆ มือรับดอกไม้ด้วยใจสั่นระรัว สูดกลิ่นหอมของดอกลิลลี่เหมือนทุกวัน เธอจับจูงมือแม่เดินตามพนักงานหนุ่มที่นำทางไปถึงโต๊ะ คนพ่อทำตาขวางวางท่านั่งลงแล้วก็รีบถาม
“ดอกไม้ของใคร?”
“สงสัยพี่ ๆ ที่ออฟฟิศคงบอกมั้งคะว่าพายจะมากินข้าวที่นี่ ร้านนี้น้องขิมแนะนำพายมาว่าอร่อยทุกอย่าง” ลูกสาวตอบโดยที่ยังไม่วางดอกไม้ลงจากอ้อมแขน ดวงตาคุโชนของพ่อหรี่ลงเล็กน้อย
“พ่อไม่ได้ถามว่าดอกไม้มันมาได้ยังไง พ่อถามว่าดอกไม้ของใคร?”
ขณิกายิ้มเจื่อน “ของ... คุณเมฆ เขาส่งดอกไม้ให้พายทุกวันมาหลายอาทิตย์แล้ว... ค่ะ” จากนั้นเธอก็หัวเราะกลบเกลื่อน เพราะคิดว่าพ่อจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่ก็ไม่เลย ใบหน้าหล่อเหลาของพ่อดูเฉยเมย
“ออ... ของไอ้เมธพนธ์สินะ มิน่าถึงได้เบื่อตาแก่อย่างไอ้ภพ อืม... ไม่ได้แก่หนีไปจากกันเท่าไร คนหนึ่งห้าสิบสองคนหนึ่งสามสิบหก สเปคแกนี่มันสูงจริง ๆ สูงวัยน่ะนะ”
หลังวางดอกไม้ลงข้าง ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นบ่น “โธ่! พ่อนี่ก็ คุณเมฆเขาเป็นเพื่อนพาย พายไม่ได้ชอบผู้สูงอายุเลย มีอะไรตรงไหนให้ชอบคะ? แก่ ๆ เหี่ยว ๆ” ขณิกาแก้ตัวหน้าร้อนผ่าว อีกคนเลยหัวเราะ
“แหม... ถ้าไอ้แก่สองคนนั่นเหี่ยวแล้วพ่อล่ะ จะเหลืออะไรไหม?”
“พ่อหล่อที่สุดในสามโลกค่ะ เนอะแม่เนอะ ถ้าพ่อพายไม่หล่อ แม่คงไม่หนีตามพ่อไปให้ยายบ่นจะเป็นจะตายหรอก”
พูดถึงเรื่องเก่า ๆ ในวันวานของคุณยายหัวรั้นที่อย่างไรก็ไม่ยอมรับตำรวจจน ๆ เป็นลูกเขยจนต้องหนีตามกันไปพร้อมทิ้งหลานไว้ให้เลี้ยงนั่นแหละ
คุณแม่ลูบศีรษะน้อยเบาๆ อย่างรู้สึกผิด ก่อนจะลอบส่งสายตาให้หนุ่มวัยหกสิบด้วยความรักและได้รับแววตาในแบบเดียวกัน ขณะที่หล่อนพูดกับเขาเหมือนคุยกับลูกสาว
“ถ้าพ่อไม่หล่อ ลูกสาวแม่คงไม่สวยขนาดนี้ แต่ที่แม่อยู่กับพ่อไม่ใช่เพราะพ่อหล่อนะ เพราะพ่อเป็นคนดี พ่อดีกับแม่ทุกวันต่างหาก” กนิษฐาอมยิ้มหยิกแก้มนุ่มอย่างเอ็นดูเบาๆ สั่งสอนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลูกจะชอบใครรักใครแม่ไม่ว่า อย่ารักคนที่ทำให้เราเสียใจ อย่าร้องไห้ อย่าทำร้ายตัวเอง พามาให้พ่อแม่รู้จักสักหน่อย”
ขณิกายิ้มรับความหวังดีของแม่ที่เอ่ยต่อ “เราเป็นเพื่อนกันนี่... ได้ข่าวว่าหนุ่มเยอะ มาเล่าให้แม่ฟังบ้างอ่ะ เดี๋ยวแม่สกรีนให้ค่ะว่าคนไหนผ่านไม่ผ่าน”