คุณแม่วัยสี่สิบแปดปีนั้นยังดูเป็นสาวรุ่น ๆ ยิ่งใช้ภาษาวัยรุ่น กนิษฐาเลี้ยงลูกแบบเพื่อนพี่น้องมากกว่าผู้บังคับบัญชา ไม่ว่ามีเรื่องอะไรขณิกาสามารถปรึกษาแม่ได้ตลอด
“แม่ก็พูดเวอร์ไป พายไม่ได้มีหนุ่มเยอะแยะอะไร วัน ๆ พายทำแต่งาน คุณเมฆเองก็ไม่เคยบอกว่าชอบพาย เขาแค่ส่งดอกไม้ให้พาย มาขอคุกกี้ที่ออฟฟิศบ่อย ๆ บอกให้พายมีชีวิตของตัวเอง... รักพ่อแม่กับรักตัวเองมาก ๆ”
เพราะไม่ได้เห็นลูกพูดเยอะและกลับมามีรอยยิ้มสดใส อาหารทยอยมาต่างคนรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยสมชื่อร้านดังที่มีผู้คนเนืองแน่น
ปรีชาถึงกับขอเมนูสั่งเพิ่มของว่างของหวานเผื่อภรรยาอีกด้วย เหมือนจะเลี้ยงฉลองให้ลูกสาวที่กลับมาเป็นคนเดิม ยังมีเรื่องให้พวกเขาตกใจอีกอย่าง
“พายเอาไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี”
“อ้าว... ไม่กลัวอ้วนรึ? มากับพ่อทีไรชวนกินของหวานว่าพ่อลงพุงตลอด”
“ค่อยไปลดเอา เดี๋ยวนี้เขามีคอร์สเทรนเนอร์ผ่านวิดีโอคอลแล้วนะพ่อ ตอบปัญหายี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยค่ะ” ขณิกาหยิบโทรศัพท์ให้พ่อดู คุณผู้หญิงของบ้านที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมีท่าทีสนใจจะลงคอร์สรักษาหุ่นด้วยยังเอ่ย
“แม่ชักไม่อยากให้พายแต่งงานแล้วสิ อยู่กับแม่ทุกวันดีกว่าเนอะ”
“แล้วไอ้แก่เพื่อนพ่อล่ะลูกจะเอายังไง? ลูกแน่ใจนะว่าไม่อยากแต่งกับอาภพ...”
ขณิกาถอนหายใจหนัก นัยน์ตาคู่สวยเศร้าหมองเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายมาดมั่น “อาภพไม่มีวันรักใคร ขนาดพี่อริสยังทนเขาไม่ไหว เขามันเหมือนดอกไม้ที่เฉาตาย รดน้ำไปเท่าไรก็ไม่มีทางฟื้น พ่อสนิทกับเขาพ่อน่าจะรู้ดี... พายอายุสามสิบค่อยว่ากัน ตอนนี้พายอยากอยู่กับพ่อกับแม่ก่อนค่ะ”
ปรีชาและกนิษฐามองหน้ากันด้วยแววตามากความหมาย คนแม่ยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกสาวอย่างแสนรัก ความรู้สึกอันยากอธิบายท่วมทะลักในจิตใจ เมื่อความช่างเอาอกเอาใจของลูกสาวเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ขณิกาโอบเอวมารดาไป รับประทานไอศกรีมไปเป็นเด็กเล็ก ๆ ก่อนที่เธอจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ และเป็นจังหวะดีที่จะถาม
“พ่อ... พอจะเล่าเรื่องของคุณเมฆให้พายฟังหน่อยได้ไหม?”
‘มาหาพ่อเร็วเมฆ...’
น้ำเสียงแสนอ่อนโยนปลุกเขาจากนิทรา ชายหนุ่มหน้าตื่นตระหนก ลืมตาพรึบมองเพดานสีขาว เม็ดเหงื่อขึ้นแซมไปทั่วอณูกาย แม้ในอุณหภูมิห้องเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ ลมหายใจหอบสั่นค่อยผ่อนลงช้า ๆ พอรับรู้ได้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน
ฝันร้ายตามหลอกหลอนทุกค่ำคืน อาจมาความทรงจำเลวร้ายในอดีต เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
เสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงหลุดจากริมฝีปากหนา ยกมือทั้งสองขึ้นปิดใบหน้าแค่ครู่เดียวเท่านั้น แววตาคู่คมหวาดหวั่นฉายประกายน่าสยดสยอง ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูและเสียงอ้อนหวาน
“คุณเมฆขา? ตื่นแล้วยัง...”
“ใครให้คุณเข้ามา?” ความขุ่นเคืองสะท้อนออกมากับน้ำเสียงชัดเจน ท่าทางร่าเริงของเลขาฯ สาวหายไปในทันที หล่อนก้าวไปวางเอกสารลงบนโต๊ะ
“เกศเอาตารางงานมาให้ค่ะ คุณวิทย์บอกว่าเข้ามาได้”
ไอ้วิทย์อีกแล้วสินะ! เขานึกโมโห เพราะเพิ่งตื่นนอนในสภาพชุดคลุมอาบน้ำเปียกโชกชุ่มเหงื่อโทรมกาย สะบัดหน้ามองตามอย่างหัวเสีย
“วันหลังไม่ต้องเข้ามา มีอะไรฝากไว้ที่วิทยา”
“แต่งานประชุมวันนี้สำคัญมากเลยนะคะ คุณเมฆควรจะไปถึงโรงแรมก่อนสิบเอ็ดโมง เกศเลยบอกคุณวิทย์ว่าเกศขอมาปลุกบอสด้วยตัวเองดีกว่า” เธอพูดความจริงทั้งหมด ด้วยความที่เป็นเลขาฯ ประจำฟาร์ม ได้รับสิทธิพิเศษเท่า ๆ กับวิทยา
ร่างบางในชุดทำงานหวือหวา แอบแฝงเซ็กซี่ไว้บนเสื้อที่เผยให้เห็นหน้าอกอวบอัดอย่างตั้งใจ หย่อนก้นนั่งลงบนเตียงด้วยสายตาเร่าร้อนปรารถนา
ขณะที่เขาแค่ทำเมินหน้ามองไปทางอื่น โบกมือไล่ “ไป... ออกไปได้แล้ว”
“คุณเมฆขา... ทำไมช่วงนี้คุณเย็นชากับเกศ? เกศคิดถึงคุณนะคะ” ในน้ำเสียงอ้อนหวาน ร่างเย้ายวนเขยิบเข้าไปใกล้ กัดปากตัวเองแรง ๆ แน่นอนว่าเธอคงต้องมีความคิดที่จะทำอะไรสักอย่างกับเรือนกายกำยำเร่าร้อนตรงหน้า ทว่าพอสบเข้ากับแววตาเย็นยะเยือก ไม่ต่างจากน้ำแข็งขั้วโลก
“ออกไป... อย่าให้ผมต้องพูดอะไรซ้ำซาก ถ้าคุณยังอยู่คุณจะต้องเขียนใบลาออกนะคุณเกศ”
“ค่ะ... ไปทำงานก็ได้ค่ะ...” ร่างบางลุกจากเตียงอย่างอาลัยอาวรณ์ ความดีใจฉายชัดบนใบหน้าแค่ครู่เดียวกับคำว่า ‘เดี๋ยว’
“เดี๋ยว... ผมจะโอนค่าขนมก้อนสุดท้ายให้บัญชีเดิม ไม่ต้องมาหาผมอีก รู้ความหมายใช่ไหม?”
มันคือของเล่นที่เล่นจนเบื่อแล้วทิ้ง!
หญิงสาวกัดฟันรับคำสั่งเด็ดขาดกระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องไป เมธพนธ์ไม่ได้ชายตาแม้แต่น้อย ถึงหล่อนจะเป็นคู่ขาที่อยู่กับเขามานานสุดคือสามเดือน เขารู้ดีกว่าสำหรับเลขาฯ คนสวย เงินของเขาไม่รวมโบนัสพิเศษนับว่ามากกว่าที่อื่นหลายเท่า
ร่างสูงลุกจากเตียงไปจัดการตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมทำงาน ด้วยสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก อาจเพราะมีเรื่องกวนใจหลายอย่าง
ความเจ้าชู้ มักมากในกามหากได้ลิ้มรสความงามในเรือนร่างอิสตรีของเขามลายหาย ราวไอฝุ่นที่ถูกพัดด้วยลมหวน ชวนให้นึกถึงความหลัง...
เขาแค่อยากลืมมันให้หมดสิ้น ทั้งแม่ที่ชอบทุบตี สัมผัสอันน่ารังเกียจของพ่อกลายเป็นฝันร้ายตามหลอกหลอน แต่ก็ไม่เคยที่เขาจะลืมมันได้สักครั้ง
ความฟุ้งซ่านยังคงอยู่ แม้ว่าเขาจะชำระล้างร่างกายร้อนรุ่ม หวาดกลัวให้เย็นลงด้วยสายน้ำจากฝักบัวโดยใช้เวลาแค่สิบนาที
โทรศัพท์สั่นดังครั้งหนึ่ง ดวงตาคู่คมลอบมองอย่างไม่ยินดียินร้าย หน้ากระจกบานใหญ่ เนคไทถูกกระตุกให้เข้าที่ จู่ ๆ เขาก็อยากทำเรื่องบ้า ๆ และก็เกิดอารมณ์โมโห จึงก้าวไปกระชากลิ้นชักหัวเตียงจนข้าวของข้างในกระจัดกระจายเต็มพื้น
“ไอ้วิทย์!” เสียงตะโกนกร้าวเรียกลูกน้องหนุ่มที่คงจะรอลุ้นอยู่หน้าห้องกับผลงานล่าสุด ซึ่งวิทยาก็ต้องผิดหวัง เดินคอตกมาเหมือนเลขาฯ ที่ออกไปได้สักพัก
“ครับนาย ว่าอยู่แล้วจะต้องเรียก... นี่อะไร?” ถามพลันก้มหน้าลงมองซองอันหนึ่งใต้ถุงเท้าสีขาว
มันมีหลากสีสันหลายรูปแบบรสชาติช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี กลิ่นผลไม้ระเกะระกะอยู่บนพื้น ทั้งเป็นชิ้นเป็นโหล ด้วยฝีมือของเขาที่เป็นคนไปซื้อมาใส่ลิ้นชักไว้ให้เจ้านาย
“ให้แม่บ้านเอาไปทิ้ง ส่วนแก.. ถ้าฉันไม่สั่ง อย่าสะเออะส่งผู้หญิงมาประเคนฉันอีก” ในคำสั่งเด็ดขาด ทำวิทยาเบิกตากว้าง เหตุเพราะเจ้านายหน้าเซ็งโลกสุด ๆ
“ไม่กลัวหื่นตายรึไงนาย?”
“แกอยากหื่นตายเป็นคนแรกไหม? ฉันมีวิธีจะทำให้แกรู้สึกเปลี่ยวในโรงฟางมืด ๆ ท้ายฟาร์ม” หากใครได้รู้จักตัวตนของเขา เมธพนธ์ไม่ใช่คนทำร้ายลูกน้องหรือใครง่าย ๆ แต่ก็มีบางคนที่ต้องไปนั่งรับโทษเพราะขโมยของหรือก่อเรื่องให้นายต้องเดือดร้อน
คนลำบากมาของานขอข้าวกินนั้นเขายังรับไว้หมด ยื่นเงินให้เป็นกระดาษ มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกนี้ชอบประจบประแจงเอาหน้าอยู่ตลอด
“ไม่ครับนาย ผมไม่ชอบความเปล่าเปลี่ยว ผมมีความหื่นในตัวไว้ใช้กับเมียของผมคนเดียว”
“อืม... ก็ดี แล้วเป็นไงบ้าง? สองคนนั่น สบายดีไหม?” เมธพนธ์ก้าวไปหยิบแก้วทรงสวยจากชั้นวางแก้วของตู้เก็บไวน์เหมือนทุกเช้า วิทยาที่รู้ว่านายชอบไวน์ขวดไหนมากที่สุดทำหน้าที่บริการให้เป็นอย่างดี
“ลูกเมียผมสบายดีครับนายหัว... ลูกสาวเรียนอยู่ปีสองคณะบริการธุรกิจ สวย เรียนเก่งครับ” คนพ่อชมลูกได้อย่างไม่อายปาก ไม่กลัวเจ้านายเหมือนที่เคยกลัวเมื่อก่อน
“มีแฟนหรือยังล่ะ? ระวังไว้นะ ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้”
“ผมระวังยิ่งกว่าท่านรองให้หมวดพินคอยตามคุณพายอีกครับ ไม่ต้องห่วงเลยนาย ใครมายุ่งกับลูกสาวผมก่อนถึงวัยอันควร ผมจะตามไปกระทืบมัน” ในสีหน้าแย้มยิ้มนั้นบอกว่าเจ้าตัวจะทำแน่ ๆ เจ้านายหัวเราะพลางยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปาก
วิทยาคงจะต้องนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ตอนนายหัวพูดว่า ‘ถ้าเป็นฉันล่ะ?’ ‘พาลูกสาวมาไหว้เจ้านายบ้างสิ’
ด้วยความอยากแกล้งลูกน้องคืนบ้าง คนไม่เคยมีปากเสียงก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะความหวงลูกสาว!
ใครเล่าจะไม่รู้ว่าหนุ่มคาสโนว่าอย่างเมธพนธ์อยากได้ใครต้องพามานอนเล่นเป็นเพื่อนคลายเหงา แต่เขานั้นขี้เบื่อเอามาก ๆ ตามสัญชาตญาณของชายผู้ชื่นชอบของร้อน ช่วงไหนติดพันใครก็ติดอยู่เป็นพัก ๆ
“ผมว่า...” ลูกน้องหนุ่มลังเลอยู่ว่าจะพูดดีหรือไม่ ขณะรินน้ำสีแดงสดลงในแก้วที่พร่องไปอย่างรวดเร็ว เมธพนธ์เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“ว่า... อะไร?”
“นายตกหลุมรักคุณพายเข้าแล้วล่ะ”