ในสายตาของวิทยาเห็นอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะท่าทีแปลก ๆ ของเจ้านายที่ทำตัวเป็นคนบ้ามาหลายวัน ไม่ต้องพูดถึงความสวยสะพรั่งของหญิงสาวที่ทำเอาคนมีลูกเมียอย่างเขานั่งตาค้าง
เจ้าของบริษัทคนสวยเดินมาส่งพวกเขาที่จอดรถยนต์หน้าบริษัท โบกมือลาอย่างน่ารัก ในสีหน้าท่าทางแสนมีความสุขของนายหัว วิทยาขึ้นรถดีแล้วจึงทัก
"คุณพายเธอดูดีกว่าในรูปเยอะนะนายหัว สวยยังกับนางฟ้านางสวรรค์ ผมเคยแค่แอบดูอยู่ไกล ๆ วันนี้เพิ่งได้ยลโฉมนางเต็มสองตา เป็นบุญตาแท้ ๆ”
คำชมของลูกน้องทำเอาเมธพนธ์หงุดหงิดขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีเหตุผล ทว่าพอได้ยิน
“ฉุดทำเมียเลยไหมครับ?”
คิ้วเข้มหนาที่เรียงตัวอยู่เหนือดวงตาเรียวรีขมวดเข้าหากันเป็นปม ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิทยาหวังดีต่อเขาด้วยวิธีการประหลาด ๆ
“ฉันได้ยินปากพล่อย ๆ ของแกพูดเรื่องบ้าบอคอแตกนี่หลายทีละ รวยเท่าฉันทำไมจะต้องไปฉุดสาว แกเห็นฉันเป็นตัวอะไร? ไอ้วิทยา”
“ตัวร้ายไงนาย”
ลูกน้องคนสนิทเพิ่งเตือนความจำเขาอย่างหนึ่ง ตัวของเขาก็คงจะบอกตัวเองด้วยเช่นกัน
“ตัวร้ายอย่างกู... สายเปย์ มึงเคยได้ยินไหม? I have money...” คนพูดไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ในเมื่อเขาซื้อกินตลอดไม่เคยจะต้องมีภาระตามมา
เรื่องแก้แค้นไอ้พิภพเป็นคนละส่วนกับที่จะให้เขาต้องลดศักดิ์ศรีไปฉุดใคร
วิทยากุมพวงมาลัยแน่นไม่ออกรถสักที หลับตาลงครั้งหนึ่งเพื่อรวบรวมความกล้าเพื่อบอก
“แล้วนายเคยได้ยินเรื่อง... ทศกัณฐ์ให้มารีสแปลงเป็นกวางทองไปล่อนางสีดาไหม? สิ่งที่นายกำลังทำคือล่อเธอด้วยโฆษณาไร่องุ่น จากนั้นนายค่อยลักพาตัวเธอ ฉุดครับ! ผมยอมเสี่ยงชีวิต เสี่ยงลูกปืนท่านรองฯ ไปฉุดให้ก็ได้ เอ้า...”
ถ้อยคำของลูกน้องผู้หวังดีในรถสปอร์ตหรูราคาเหยียดยี่สิบห้าล้าน ชายหนุ่มเผลอคิดตามขมวดคิ้วมุ่นมอง ก่อนสะบัดศีรษะแรง ๆ เพื่อสลัดความคิดไร้สาระพวกนั้นออกไปจากหัวสมอง บอกอีกคนด้วยแววตาประกายมาดมั่น
“ถ้านายหัวสายเปย์อย่างกูจะอดอยากปากแห้ง ขนาดต้องไปฉุดลูกสาวพลตำรวจ มึง...! ลงจากรถมาต่อยกับกูหน้าออฟฟิศ แล้วไปเสียค่าปรับ 500 ที่สน. ข้าง ๆ นี่ดีไหม?”
“ไม่ครับ! ไม่เป็นไร... ดีกว่าเนอะนายหัว” วิทยายิ้มเจื่อน เพราะถ้าทำอย่างนั้น นอกจากเขาอาจไม่ได้เงินเดือนแล้วจะต้องแบกนายและตัวของเขาเองไปโรงพยาบาลด้วย จะงานฉุดหรืองานต่อยก็คงไม่ดีแน่ ๆ
“พายไม่รับโทรศัพท์ผม... ทำอะไรให้พายโกรธหรือเปล่า พี่ชาได้คุยกับพายบ้างไหม?” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าหมอง หนุ่มวัยห้าสิบสองน่าจะรู้คำตอบดีที่สุด เขาไม่เคยง้อใครแต่กลับต้องบากหน้ามาถึงบ้านของหญิงสาวในตัวเมืองด้วยความไม่สบายใจ
“ไม่รู้สิ พี่เคยไว้ใจแกนะภพ แต่ตอนนี้ลูกสาวพี่เป็นขี้ปากคนเขาไปทั่วว่าไปให้ท่าแก แต่แกไม่เอา พี่สงสัยอยู่ว่าแกจะเอายังไง?” เสียงช้อนส้อมกระทบกันจากมือที่วางมันลงบนจานอย่างนึกโกรธ อาหารน่ารับประทานหลายอย่างไม่มีใครแตะ เหมือนวางไว้ประดับโต๊ะรับประทานอาหาร
โต๊ะไม้สลักมุกยาวเหยียดผู้ใหญ่ทั้งสามคนพูดคุยกันด้วยหน้าตาคร่ำเครียด เรื่องลูกสาวคนเดียวของบ้านที่ทำตัวหายหน้าหายตา ด้วยข้ออ้างว่างานยุ่ง
“ลูกไม่มีความสุข ฉันไม่โอเคค่ะ” คนแม่พูดขึ้นมาแววตาเอ่อคลอ หล่อนรู้เรื่องนี้ดีกว่าสามีที่วัน ๆ ทำแต่งาน
ถ้าวันไหนดีกันกับพิภพ ขณิกาก็อารมณ์ดีไปทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่แล้วลูกสาวบ้านนี้กลับมามักจะปิดประตูห้องเงียบเชียบ
“แกทำใช่ไหม? บอกพี่มาว่าแกทำอะไรพาย...”
“คือผม...” เงียบไปขณะถูกรุมจ้องด้วยสายตาจับผิด
แม้ว่าบรรยากาศในคฤหาสน์บ้าน ‘อรรถจิรานนท์’ อึมครึมสักเท่าไร เศรษฐีนีเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรและบ้านหลังนี้อย่างกนิษฐาคงไม่สน
“ลูกสาวฉันเคยบอกว่าชอบคุณ แต่คุณยังมีห่วงเรื่องเมียที่เสียไปตั้งนานแล้ว คือถ้าคุณไม่ชอบไม่รักพาย คุณอย่ามาให้ความหวัง ถ้าตัดก็ตัด...” น้ำเสียงสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ ดวงตาสีดำคุโชนของคนที่นั่งตรงหัวโต๊ะจ้องเขม็ง จนผู้ใหญ่อย่างพิภพต้องกลืนน้ำลายลงคอ ประสานมือไว้บนหน้าตักมองไปทางฝั่งตรงข้าม
“ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ถ้าพี่ชายอมยกลูกสาวให้ผม...”
ปรีชาถอนหายใจหนัก หลังกลับมาจากที่ทำงานโดยยังอยู่ในเครื่องแบบเขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำ ๆ นี้จึงถามย้ำ
“พิภพ... แกแน่ใจนะว่าจะแต่งกับสาวรุ่นลูกแกน่ะ”
นับว่าใจดีมากกับความหวังดีของคนเป็นรุ่นพี่ เพราะถ้าหากว่าเป็นคนอื่นไม่ใช่นายพิภพ ตำรวจยศใหญ่อย่างท่านปรีชาได้เอาเลือดหัวเขาออกแน่
นายหัวฟาร์มม้าเป็นคนดี เป็นผู้ใหญ่ที่หลายคนให้ความเคารพนับถือ ถึงมีเรื่องหวงลูกสาวเหมือนตัวเขาเองอยู่ ด้วยฐานะทรัพย์สินรูปลักษณ์ไม่ได้ด้อยไปกว่า
“สินสอดหลักร้อยล้าน... ผมยินดีให้พาย... แต่ผมเป็นพ่อม่าย... ผมสะดวกเป็นงานผูกข้อมือเล็ก ๆ นะพี่”
“งั้นเชิญแขกเลยเนอะ” เสียงหวานเอ่ย กนิษฐาหน้าตาสดชื่นแจ่มใสเสียดื้อ ๆ ประสานักธุรกิจที่ได้ยินเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ สามีเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู
“มองอะไรเล่า? ฉันรักลูกนะพี่ บ้านเรามีลูกสาวคนเดียวไหม?”
“ก็เพราะว่ามีคนเดียวไง ถึงต้องเลือกลูกเขยให้มันดี นี่พอได้ยินเรื่องเงินก็ทำตาโตรับเขาเป็นลูกเขยทันที พี่ว่าไม่โอเคนะเราน่ะ” ปรีชาบ่น และก็เกิดโมโหอยู่ไม่น้อย ทั้งที่พ่อบ้านนี้ไม่เคยหน้าบึ้งใส่เมีย เขายังคิดอยู่ด้วยว่าคงต้องโทรหาลูกสาวให้มาจัดการกับปัญหายุ่ง ๆ นี้ด้วยตนเอง
ความรักอาจมีจุดเริ่มต้นจากความสงสาร แต่บางคนกลับบอกเธอว่าไม่ใช่...
ความรักจะไม่ยืนยาวและมั่นคง หากว่าใครสักคนไม่ได้รักกันด้วยจิตใจบริสุทธิ์
รัก... อย่างไม่มีเงื่อนไข
ขณิกาเพิ่งจะมีความเชื่อเช่นนั้น พอสนทนาเรื่องนี้ผ่านจอสี่เหลี่ยมในมือ กับพี่สาวขณะพาทีมงานอีกสามชีวิตมาเก็บรายละเอียดสถานที่ถ่ายโฆษณา เธอก็แชทไปทำงานไป
ลูกสาวของอาภพเป็นรุ่นพี่ที่เธอเคารพนับถือ ยังเป็นครูสอนยิงปืน เธอสามารถพูดคุยกับพี่อริสได้ทุกเรื่อง ถึงหล่อนจะเป็นคนเข้มขรึม ตรงไปตรงมา ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองเสมอ บางครั้งก็ร้ายกาจสุด ๆ
‘อย่าไปยุ่งกับมันเด็ดขาด ไอ้เมธพนธ์มันชั่ว...! งานโฆษณาเราเทได้ เทไปเลยนะ พี่ไม่แนะนำ’
ข้อความที่ส่งมาเรื่อย ๆ นั้นเจ้าตัวคงรู้ว่าบ้านของเธอก็ไม่ได้ยากจนอะไร จนถึงกับต้องรับงานทุกงานไปเสมอ ขณิกาไม่เห็นด้วยกับพี่สาวและไม่ชอบคำพูดแบบนั้นเป็นครั้งแรก ทั้งที่พูดคุยกันถูกคอมาตลอด
ครั้งหนึ่งก็เคยที่จะถามว่า ‘รัก’ คืออะไร? เวลาที่พี่สาวมองคุณหมอไอศูรย์ จะเห็นอย่างที่เธอเห็นหรือเปล่า? เธออาจจะไม่ได้รักอาภพ ไม่เคยรักใครมาเลยก็ได้ อาจเป็นความรู้สึกตื่นเต้นไปตามประสาเด็กสาว และตอนนี้ล่ะ? เธอกำลังคิดอะไรแน่
“อุ๊ย... แกดูเวลาเขายิ้มสิ... กร้าวใจ”
“ร้ายกาจ”
“ร้ายยันลูกกะตาแต่พี่ชอบคิ้วเขานะ แกว่าบอสกับคุณเขากิ๊กกันเปล่า?”
เสียงนินทาของพนักงานสาวดังมาจากข้างหลังของเธอและเขา
ขณิกาหยุดความคิดฟุ้งซ่านกับข้อความเยอะแยะมากมาย เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า หันหลังขวับมองด้วยท่าทางหรี่เล็กจนเหยียดตรงส่งกระแสอำมหิต พวกหล่อนก็เงียบกริบยิ้มเจื่อน จับมือกันเลิ่กลั่กเดินไปช่วยงานฝ่ายเทคนิคเก็บรายละเอียดสถานที่
“ปล่อยเขาไปเถอะครับ... มาคุยเรื่องงานดีกว่า”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ ลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาออกจะชอบความเห็นของสาว ๆ โดยเฉพาะข้อหลัง
“ผมว่าเขาพูดความจริงที่น่าฟัง...” แล้วเขาก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้เจ้าของบริษัทโฆษณาคนสวย ที่วันนี้อยู่ในชุดทำงานทะมัดทะแมง แท็บเล็ตกระเป๋าสะพายคาด ไม่ได้ละวางตาไปจากใบหน้าใจจดใจจ่อตั้งใจทำงานไม่ได้สักนาที