และแล้วเรื่องที่ทรงกลัวก็เกิดขึ้น นางไมนาร่าไม่ปล่อยให้ใครมาใกล้ชิดเกาะแกะเจ้าชายหนุ่มน้อยที่พระชนมายุนั้นเริ่มรับสนมได้แล้ว แต่เจ้าชายกาเบรียนของนางยังไม่รับนางใดไว้ แม้เหล่าชายาของชีคอับดุลรอชีดจะเสนอธิดาของตนเองให้เข้าถวายตัว จะด้วยยังไม่รู้ประสาหรือไม่พึงพระทัยนางไม่อาจเดาพระทัย แต่หญิงสาวและนางห้ามที่เจ้าชายกาเบรียนจะรับไว้ถวายงานนั้น จะเป็นหญิงเชื้อสายต่ำต้อยเช่นมัยมูนะห์ไม่ได้ แม้เลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวจะเป็นเลือดเจ้าของชีคอับดุลรอชีด แต่ไม่เข้มข้นเท่าเลือดไพร่ครึ่งหนึ่งของแม่ซึ่งเป็นทาสจากชนเผ่าแห้งแล้งกลางทะเลทราย
พระมเหสีเอกแทบทรงเต้นผางเมื่อได้ยินคำทูลฟ้องของนางไมนาร่า รับสั่งให้มัยมูนะห์เข้าเฝ้าจึงเกิดขึ้นในทันที และทันทีที่ทาสสาวซึ่งทำหน้าที่ดุจยามในวังหลังมาพาตัวมัยมูนะห์ไปจากห้อง ซัยตูนก็รีบส่งข่าวไปยังตำหนักของมกุฎราชกุมารในทันทีเช่นกัน และดูเหมือนม้าเร็วของซัยตูนนั้นจะเร็วทันใจนัก ไม่นานเจ้าชายกาเบรียนก็มาปรากฏพระองค์ที่ตำหนักของพระมารดา และยังเชิญเสด็จชีคอับดุลรอชีดพระบิดามาพร้อมกันเสียด้วย
“ชีคอับดุลรอชีค อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ เสด็จ เจ้าชายกาเบรียน อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ เสด็จ”
เสียงขานพระนามดังชัดหน้าบานทวาร นางกำนัลด้านในรีบหลบไปอยู่หลังฉากกั้นที่ทำด้วยผ้าบางปักลวดลายบัวตูมใบบึงน้ำใหญ่ อีกส่วนหนึ่งรีบดึงผ้ามาคลุมใบหน้า เมื่อประมุขของประเทศเสด็จโดยไม่มีหมาย พระมเหสีเอกรีบลงจากตั่งมาถวายความเคารพ เช่นเดียวกับพระนมไมนาร่า
มัยมูนะห์ลอบยิ้มมุมปากก่อนถวายความเคารพพระบิดา ซึ่งนานเหลือเกินแล้วไม่ได้พบหน้า แม้คำสอนของศาสนาจะสั่งสอนให้สามีต้องรักภรรยาเท่าเทียมกันทุกคน แต่เหมือนพระองค์เป็นข้อยกเว้น ก็การแสดงออกนั้นไม่ได้เป็นตามเช่นหลักคำสอน แม่ของเธอถูกเรียกเข้าถวายงานครั้งสุดท้ายเมื่อเธอยังไม่ลืมตาดูโลกกระมัง หรือเพราะครั้งสุดท้ายนั้นจึงก่อกำเนิดเธอขึ้นมา พระบิดาจึงไม่เรียกหามารดาผู้ต่ำต้อยของเธออีก แม่เล่าว่าเสด็จมาหาและประทานชื่อพร้อมของรับขวัญวันที่เธอลืมตาดูโลก จากนั้นก็ไม่เคยเสด็จมาอีกและไม่ทรงเรียกหาให้แม่ของเธอเข้าถวายงานอีกเลย มัยมูนะห์ไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าหน้าพระพักตร์ ไม่เคยได้ร่วมงานพระราชพิธีเช่นพระธิดาคนอื่นๆ เธอได้รับรู้ว่าบุรุษทรงอำนาจที่เป็นผู้บังเกิดเกล้านั้น พระสิริโฉมเป็นเช่นไรจากการแอบลอบมองตาม ยามเสด็จมาฝ่ายในเท่านั้น
ชีคอับดุลรอชีดทอดพระเนตรเด็กสาวตรงหน้า ธิดาอันเกิดจากชายาคนใดพระองค์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากพระโอรสไม่เปรยมาก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าเมื่อพิศมองดวงตาสีดำสนิทแสนคุ้นเคย ใบหน้าสาวผิวเข้มทาสจากแคว้นมาร์ซัคก็พรายขึ้น ธิดาของพระองค์กับนางทาสผู้นั้น แม้จะเห็นโครงหน้าเพียงเลือนรางใต้ผ้าดำบางเบา แต่ความงามของเด็กสาวก็ไม่แตกต่างจากผู้เป็นแม่มากนัก นี่กระมังกาเบรียนถึงได้เร่งรีบให้พระองค์เสด็จมาเพื่อประกาศให้มเหสีเอกทราบว่า พระโอรสอันเป็นมกุฎราชกุมารแห่งชาร์มา จะรับนางห้ามคนแรกซึ่งก็คือ มัยมูนะห์นั่นเอง
“ฝ่าพระบาทเสด็จโดยไม่มีหมาย” ดำรัสแรกแห่งพระชายาเอกเหมือนจะตำหนิองค์ประมุข
“อ้อ พอดีมีเรื่องรีบร้อนของคนหนุ่มนะ รอไม่ได้” รับสั่งที่คนฟังไม่แจ้งใจดังจากพระโอษฐ์ใต้พระมัสสุหนาเข้ม สองพระกรรณและอีกหลายหูจึงรอคอยฟังถ้อยรับสั่งต่อมา
“กาเบรียนลูกชายของเรา อยากรับมัยมูนะห์เป็นนางห้าม”
“นางห้าม!” พระสุรเสียงเกรี้ยวกราดออกจากพระโอษฐ์สีสดด้วยการแต่งแต้มของพระมเหสี ทว่าคำเดียวกันนี้ดังแทบจะไม่ได้ยินออกมาจากปากของผู้ที่คิดว่าโชคดีเป็นที่สุด
“นางห้าม!” มัยมูนะห์คิดว่าตัวเองฝันไป เล็บแข็งใต้ผ้าคลุมดำกดลงบนหลังมือ เจ็บทีเดียว แสดงว่าไม่ได้ฝัน หัวใจที่เหี่ยวแห้งของเธอพองโต ดวงตาดำมีแววระริกระรี้ชำเลืองไปทางผู้ที่จะให้เธอเข้าถวายงาน ก่อนหลุบมองลงต่ำด้วยความเอียงอาย เมื่อสบเข้ากับพระเนตรที่อยู่สูงนั้น
เจ้าชายกาเบรียนกำลังทอดมองเธออยู่เช่นกัน ทว่านัยน์เนตรสีนิลกาฬไม่มีความเสน่หา ทรงห่วงใยและสงสารกลัวมัยมูนะห์จะถูกเฆี่ยนตีเสียมากกว่า เมื่อมหาดเล็กเข้าไปทูลว่าทาสวังหลังมาส่งข่าวของมัยมูนะห์จึงทรงขอเข้าเฝ้าพระบิดา และเอ่ยอ้างความต้องการของบุรุษเพศ อยากเรียกให้มัยมูนะห์ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระเชษฐภคินีที่ยังไม่ออกเรือนมารับใช้
“ทำไมต้องนังลูกทาสนี่ คนอื่นมากเหลือแสนเรียกหาเอาสิ กาเบรียน” มเหสีเอกทรงหันไปตำหนิพระโอรสกลายๆ
“ลูกทาส!” ดำรัสลากยาวลอดจากพระโอษฐ์เจ้าครองรัฐ สายพระเนตรดุปลาบทอดพระเนตรพระชายาของพระองค์นิ่ง ธิดาของพระองค์ถูกพระชายาที่เป็นใหญ่ในฝ่ายหลังจิกเรียกว่า นังลูกทาสกระนั้นหรือ?
“เธอคงลืมไป มัยมูนะห์นี่ก็เป็นลูกของฉัน แม้จะไม่ใช่ลูกของเราเช่นบิชาเราะห์ ลูกสาวที่ไม่รักดีของเธอก็ตาม จำไว้อย่าให้ฉันได้ยินเธอหรือนังหน้าไหนเรียกลูกฉันคนใดคนหนึ่งว่า นังลูกทาสอีก” ทรงกวาดพระเนตรดุปลาบที่ไม่มีใครกล้าสบไปทั่วห้อง
พระมเหสีเอกพระหัตถ์ชื้นเหงื่อด้วยความหวั่นเกรง นานครั้งจะเห็นชีคผู้ครองรัฐออกพระอาการเกรี้ยวกราดไม่ไว้พระพักตร์พระองค์เช่นนี้
นางไมนาร่าถึงกับตัวสั่น กลัวความผิดมหันต์ เพราะนางชอบกลั่นแกล้งกีดกันธิดาอาภัพของชีคอับดุลรอชีดอยู่บ่อยๆ แม้เจ้าชายกาเบรียนเองก็สะดุ้งกับรับสั่งแข็งกร้าวของพระบิดา ยิ่งพระสุรเสียงที่ห้วนแสดงความกริ้วโกรธแบบนี้นั้นไม่ค่อยประสบนัก มีเพียงมัยมูนะห์เท่านั้นที่รู้สึกว่า พระองค์ทรงทำหน้าที่พ่อเป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่ทำให้เธอเกิดมา
“กาเบรียนมาพามัยมูนะห์ไป นี่สินสอด” ทรงทิ้งถุงแพรขนาดเท่าฝ่ามือสีทองอันทอด้วยเส้นทองคำแท้ลงตรงหน้ามัยมูนะห์ หมายถึงสินสอดที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิง ก็ในเมื่อเธอไม่มีญาติผู้ใหญ่คนอื่นใด จึงรับสินสอดนั้นไว้ด้วยตนเอง
มือขาวโผล่มาจากผ้าดำเก็บถุงแพรนั้นมากำไว้แน่น ผิวสัมผัสด้านในมีลักษณะเป็นแว่นกลม คงจะเป็นเหรียญทองเช่นที่เคยเห็นนางห้ามของพระองค์มี และแม่ของเธอก็มีสิ่งประทานเสมือนแสดงความเป็นเจ้าของก็ไม่ปานอย่างนี้ด้วย นางห้ามทุกคนต่างแขวนเหรียญทองหน้าตาไม่แตกต่างกัน นี่เธอกำลังจะเป็นแบบนั้นหรือ แต่คนอย่างมัยมูนะห์ไม่มีทางจะใช้ของร่วมกับคนอื่น ไม่แบ่งปันสามีให้ใครมาร่วมครอบครอง และไม่งอมืองอเท้าให้ใครรังแก ในเมื่ออำนาจจะมาอยู่ในมือเธออีกไม่นาน
ชีคอับดุลรอชีดเสด็จไปแล้ว เจ้าชายกาเบรียนทรงรีบเข้ามาประคองมัยมูนะห์ให้ลุกขึ้นแล้วรีบออกไปจากตำหนักของพระมารดา เกรงว่าถ้าอยู่นานจะเกิดการซักถาม ว่าพระองค์ไปชอบพอพึงพระทัยมัยมูนะห์เสียตั้งแต่ตอนไหน เพราะก่อนหน้านี้พระมารดาทรงเปรยรับสั่งถามถึงหญิงที่จะให้รับใช้ใกล้ชิด พระองค์เองกลับทรงบ่ายเบี่ยงว่ายังไม่ต้องการ แต่จู่ๆ ก็ให้พระบิดาออกหน้า มารับมัยมูนะห์เป็นนางห้ามและเป็นการชิงตัวหญิงสาวออกมาจากการพิพากษาคดีใดคดีหนึ่งของฝ่ายในเสียด้วย