บทที่ ๒
ไม่บ่อยครั้งนักที่เจ้านายฝ่ายหน้าจะเสด็จเข้ามาฝ่ายใน ยิ่งเป็นองค์มกุฎราชกุมารที่ยังไม่รับสนมไว้ในฮาเร็มด้วยแล้ว ไม่มีเหตุให้ต้องเสด็จบ่อยเฉกเช่นพระบิดา นานๆ ครั้งเจ้าชายกาเบรียนจึงจะเสด็จมาเข้าเฝ้าพระมารดายามมีพระเสาวนีย์เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ได้รับของฝาก มัยมูนะห์ก็คอยให้ซัยตูนสอดส่องว่าจะเสด็จเข้ามาฝ่ายในเมื่อใด จนสบโอกาสเอาวันนี้ เมื่อพระมเหสีเอกประทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่พระโอรสในโอกาสพิเศษ ทรงจบการศึกษาชั้นมัธยมและกำลังจะไปศึกษายังต่างประเทศในช่วงเวลาสั้นๆ ด้วยเวลาเล่าเรียนปกติจะมีครูต่างชาติมาถวายการเรียนการสอนเป็นการส่วนพระองค์ถึงในวังหลวง หนทางเสด็จของเจ้าชายหนุ่มถูกหญิงสาววัยเดียวกันก้าวเข้ามาขวาง ทรงแย้มพระโอษฐ์ทักทาย
“มัยมูนะห์สบายดีหรือ”
“สบายดี ไม่เจอกันนานเลยนะ กาเบรียน” ดวงตาสีเข้มส่งประกาย ยามสบพระเนตรของคนที่เธอมายืนขวางทาง
“ใช่ ฉันไม่ค่อยว่าง ไหนจะเรียนการปกครอง การทหาร ศึกษางานด้านการทูต และอีกมากมาย เวลาหดหายไปไวจนแทบไม่น่าเชื่อ” รับสั่งแย้มยิ้มเป็นปกติ แม้เวลาหดหายแต่ทุกสิ่งที่ต้องกระทำอันเป็นการศึกษา เตรียมพร้อมสำหรับการแบ่งเบาภาระของพระบิดาในวันข้างหน้า
“นั่นสิ เตรียมตัวสำหรับวันข้างหน้าหรือ กาเบรียน”
“แค่เรียนรู้ในสิ่งที่สมควรรู้ เสด็จพ่อยังแข็งแรงทรงบริหารบ้านเมืองได้อีกนาน” รับสั่งจบก็ทรงดำเนินต่อ ทว่ามัยมูนะห์รีบขยับตามไปขวางทางไว้ ยังไม่ยอมให้ทรงดำเนินจากไป
“ฉันยังไม่ได้ขอบใจเรื่องของฝากเลย มันออกจะช้าไปนิด แต่เราไม่เจอกันเลย” ถ้านับจริงๆ ก็ไม่ใช่ช้าไปนิด แต่เป็นช้าไปมาก มากถึงสองปีเห็นจะได้ และของฝากครานั้นก็หมดอายุการใช้งานไปเสียแล้ว
“เอ้อ ให้นางกำนัลของบิชาเราะห์ดูให้น่ะ ใช้ได้ไหม”
ใช้ได้ไหมของพระองค์นั้นมีความหมายเช่นไร มัยมูนะห์ไม่เข้าใจนัก หรืออยากจะถามว่าใส่พอดีไหมแต่ไม่กล้า หญิงสาวสะพรั่งด้วยวัยย่างสิบเจ็ดยิ้มบนใบหน้า ก่อนอ้อมแอ้มตอบ
“ใส่พอดี ขอบใจอีกครั้ง”
เจ้าชายหนุ่มน้อยมองหญิงตรงหน้าก่อนยิ้ม บัดนี้รูปร่างและความสูงของมัยมูนะห์เพิ่มขึ้นมาอีกนิด ไม่คิดเลยว่าไม่ได้พบเจอกันถึงสองปีแล้ว นั่นคงเป็นเพราะยามมีงานพระราชพิธีที่ฝ่ายในได้รับอนุญาตให้ไปร่วมงาน มัยมูนะห์ไม่เคยไปร่วม ซึ่งพระองค์ก็ไม่เคยซักถามว่าด้วยเหตุใด เพราะทุกงานพระประยูรญาติที่เสด็จไปร่วมงานนั้นมากมาย เฉพาะพี่น้องสาวๆ ร่วมพระบิดาก็มากคนจนนับไม่หวาดไม่ไหว มากจนบางครั้งทักทายกันไม่ครบทุกคน หรือเรียกชื่อกันผิดถูกก็ยังมี จนเมื่อขาดใครคนใดคนหนึ่งไปจึงไม่มีใครสังเกตและสนใจ เช่นเดียวกับการที่ขาดเจ้าหญิงบิชาเราะห์พระขนิษฐภคินีร่วมสายโลหิตก็ไม่มีใครสนใจเช่นกัน
“ไม่เป็นไร” รับสั่งพระสุรเสียงห้าวขึ้นยามเจริญพระชันษา เมื่อเห็นคู่สนทนาหน้าเศร้าลง
“เธอจะไปเรียนที่อังกฤษหรือ กาเบรียน”
“ใช่”
คำตอบสั้นๆ ที่ออกจากพระโอษฐ์ของเจ้าชายหนุ่มน้อย สาดกระทบความรู้สึกบางอย่างในจิตใจมัยมูนะห์ ต้องห่างกันอีกกี่เดือนกี่ปี ขนาดประทับแค่วังหน้ายังไม่เคยพบพักตร์ นี่กำลังเสด็จไปเมืองไกลโอกาสและเวลาแห่งการกรุยทางไปสู่ความยิ่งใหญ่ยิ่งหดหายลงไปอีก ยิ่งไปประทับใกล้กับพระคู่หมั้น แม้จะรู้ว่าบิชาเราะห์ไม่เต็มใจหมั้นแต่ความใกล้ชิดที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจทำให้พระทัยแปรเปลี่ยน ทำอย่างไรดีเล่า
“กาเบรียน” เสียงเรียกค่อนข้างละห้อย “ถ้าเธอไปเรียนต่อนานๆ เธอจะลืมคนข้างหลังไหม”
“คนข้างหลัง ยังไงหรือ” พระขนงเลิกสูง รอยแย้มพระโอษฐ์ปรากฏ แม้จะไม่เข้าพระทัยนัก
“ฉันยังไงละ เธอก็รู้ดีไม่มีใครเป็นมิตรกับฉันเลยทั้งที่เราต่างมีพ่อคนเดียวกัน แต่พี่น้องพวกนั้นเกลียดฉัน ไม่ยอมรับฉัน ฉันมีแต่เธอนะกาเบรียน” ร่างสมส่วนยามเป็นสาวสะพรั่งวัยสิบเจ็ดโผเข้ากอดเจ้าชายหนุ่มที่กำลังยืนองค์แข็ง พระเนตรค้าง พระโอษฐ์อ้าอย่างตระหนก คาดไม่ถึง
และเช่นเดียวกัน สายตาสอดส่องของนางไมนาร่าที่มองส่งเสด็จเจ้าชายที่รักดุจลูกในอุทรเห็นภาพนี้ถนัด นางร้องด้วยเสียงดังลั่นแทบจะวิ่งมากระชากมัยมูนะห์ออกห่างเจ้าชายของนาง
“ว้าย! อะไรกัน จะเป็นลม ทูลหม่อมทำอะไรเพคะ มัยมูนะห์ทำไมทำงามหน้าเช่นนี้ ออกไปนะ” พระนมไมนาร่าผลักมัยมูนะห์ออกห่างเจ้าชายหนุ่ม อาการเกรี้ยวกราดดุจนางเสือร้ายที่หวงลูกอ่อนของตนเอง
มัยมูนะห์แกล้งล้มลงกับพื้นแข็งของถนน ทำหน้าเจ็บปวดยามเงยหน้าขึ้นมองเจ้าชายหนุ่มน้อย แต่ไม่มีแม้คำเล็กที่จะหลุดออกมาจากปาก เธอปัดเนื้อตัวลูบไล้เสมือนลบเลือนความเจ็บด้วยตนเอง จนเจ้าชายกาเบรียนต้องเข้าไปดู แต่พระนมไมนาร่ารั้งข้อพระกรไว้
“นมดูเอง ทูลหม่อม อย่าแตะต้องตัวนาง”
“นม ก็แค่พี่น้อง” พระสุรเสียงพ้อปะปนความไม่พอพระทัยกับการกีดกันและกฎห้ามมากมายในวัง พระองค์ประทับนั่งยองๆ เพื่อประคองไหล่ช่วยมัยมูนะห์ให้ลุกขึ้น แต่มัยมูนะห์กลับบ่ายเบี่ยง
“อย่าเลยเพคะ” เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น คำพูดของเธอนั้นเปลี่ยนไป “ถ้าทรงช่วยหม่อมฉัน หม่อมฉันจะถูกลงแส้อีก แค่เข้าเฝ้าใกล้ชิดก็ผิดมหันต์แล้ว เพคะ”
คำพูดเสมือนสำนึกผิดและเจียมตนของมัยมูนะห์ ทำให้เจ้าชายหลากพระทัย มีเรื่องเช่นนี้หรือ ลงแส้อีก? แสดงว่ามัยมูนะห์เคยถูกลงทัณฑ์ประเภทนี้แล้ว ทรงหันขวับไปหานางไมนาร่า พระนมที่กำลังทำหน้าปั้นยาก จึงไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปากของมัยมูนะห์ ก่อนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีกลับไปยังตำหนักที่พักเหมือนคนกลัวลนลาน เจ้าชายกาเบรียนได้แต่มองตามด้วยความใคร่สงสัย ก่อนหันมาคาดคั้นกับนางไมนาร่า
“ยังไงกัน นม”
“อย่าใส่พระทัย กลับเถิดเพคะ จะดึกดื่น” แล้วนางก็รีบเดินกลับตำหนักของพระมเหสีเอก เพื่อหลบเลี่ยงคำถามใคร่รู้นั้นทันที แต่เจ้าชายกาเบรียนไม่ยินยอมให้เรื่องนี้เลือนหาย การลงทัณฑ์ของฝ่ายในแว่วเข้าพระกรรณเนืองๆ ทว่าทรงคิดว่าไม่ใช่เรื่องของพระองค์ แต่คำพูดของมัยมูนะห์เมื่อครู่ทำให้สำเหนียกว่าเกี่ยวข้องกับพระองค์แน่นอน เจ้าชายหนุ่มจึงรับสั่งให้มหาดเล็กพิเศษที่ทำหน้าที่รับใช้ในวังหลังไปตามซัยตูนนางทาสที่สนิทสนมกับมัยมูนะห์มาไถ่ถาม
ซัยตูนในชุดคลุมดำทั้งตัวเว้นแค่ช่องดวงตา เดินตามมหาดเล็กที่ถูกตอนแล้วจึงทำหน้าที่รับใช้ในวังหลังได้ต้อยๆ แม้จะแปลกใจไยเจ้าชายกาเบรียนรับสั่งให้เธอเข้าเฝ้า ทั้งสถานที่ยังเป็นที่รโหฐาน ไม่ใช่ศาลาริมทางหรือสถานที่ทรงพระสำราญอันมีอยู่ทั่วไปในวังหลวงและวังหลัง
นางทาสผิวคล้ำในชุดคลุมดำนั่งหมอบมองพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่นิ่ง รอรับสั่งจากเจ้าชายหนุ่มน้อยที่ประทับยืนอยู่เบื้องหน้า มหาดเล็กและราชองครักษ์ส่วนพระองค์ ยืนห่างออกไปหันหน้าออกไปอีกทาง
“มัยมูนะห์เคยถูกโบยตีหรือ ซัยตูน”
แค่ได้ยินคำถามทาสผิวคล้ำก็แทบทูลฟ้องไปให้หมดไส้หมดพุง กับความอยุติธรรมที่นายสาวได้รับ แต่เพราะเคยได้ยินคำพูดของนายสาว การทูลฟ้องของนางย่อมต้องมีชั้นเชิงบ้างเล็กน้อย “เพคะ” นางจึงตอบสั้นๆ ไปก่อน รอให้ทรงคาดคั้นอีกนิด
“เรื่องอะไรล่ะ”
“เอ่อ คุณมัยมูนะห์สั่งห้ามพูดค่ะ เกรงว่าคนจะเข้าใจพระมเหสีเอกและคุณนมไมนาร่าผิดไป” แค่นี้คนไม่โง่ก็รู้ได้ว่าใครสั่งลงทัณฑ์
“เสด็จสั่ง สาเหตุละ” รับสั่งครานี้คาดคั้นด้วยอยากได้ความกระจ่าง เพราะเท่าที่แว่วข่าว มัยมูนะห์นั้นเหมือนจะอาภัพกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ทำงานไม่ต่างกับนางกำนัลเช่นเดียวกับแม่ของเธอ โดยไม่เคยปริปากบ่น แล้วพระมารดาจะหาเหตุอันใดมาโบยตีเธอเล่า
“เรื่องมันเกิดเมื่อเกือบสองปีแล้วเจ้าค่ะ ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จเข้ามาแล้วคุณมัยมูนะห์เข้าเฝ้าแสดงความยินดีที่ทรงหมั้นหมายกับชีคคาบิชาเราะห์ พอเสด็จกลับ พระมเหสีก็รับสั่งให้คุณมัยมูนะห์เข้าเฝ้า แล้วก็สั่งตบปากคุณมัยมูนะห์ที่บังอาจมาพูดกับฝ่าบาท และโบยเสียหลังยับฐานตีตนเสมอ มีคนเห็นว่าคุณนมไปทูลฟ้อง” เมื่อพูดออกไปแล้ว รอยยิ้มสะใจก็ปรากฏขึ้นภายใต้ผ้าดำที่บดบังสายตาคนนอกได้ดียามนางก้มหน้าลงแม้เพียงนิด
เรื่องวันนั้นหรือ แค่พบปะพูดคุยประสาพี่น้องทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้ แล้วเมื่อครู่เล่ามัยมูนะห์โผเข้ากอดพระองค์เพราะสาเหตุใดมิทรงทราบ แต่ที่ทราบคือคุณนมเห็นเต็มตา มัยมูนะห์จะถูกลงทัณฑ์หนักหนาขนาดไหน แล้วจะช่วยพี่สาวคนนี้อย่างไรดี?
“ถ้ามีใครจะทำอะไรมัยมูนะห์ เจ้ารีบให้คนไปบอกเรานะ เข้าใจไหม” รับสั่งแล้วรีบกลับออกไป เพราะช่วงเวลาดึกดื่นไม่สมควรจะให้บุรุษซึ่งไม่เกี่ยวข้องอยู่ในฝ่ายในเนิ่นนาน เว้นแต่เจ้าผู้ครองรัฐที่จะเสด็จมาหาสนมในฮาเร็ม แต่เป็นการเรียกให้ไปรับใช้ที่ตำหนักพิเศษอันเป็นที่ส่วนพระองค์