บทที่ 09 เต็มใจให้จูบ
“โต๊ะนั้นมันมองซินทำไม” เอ็กซ์คิวละสายตาจากกลุ่มของฟารันมากระซิบถามซินเนียร์ เพราะสังเกตสักพักแล้วว่าฟารันกับเพื่อนมองน้องสาวเขาเป็นระยะๆ ราวกับมีอะไร
ปกติถ้าแก๊งของคู่อริมองมาแบบนี้ เขาจะลุกเข้าไปหาถึงโต๊ะ แต่วันนี้มากับผู้หญิงที่เอ็นดูเหมือนน้องสาวแท้ๆ จึงพยายามข่มความหงุดหงิด เพราะเขาไม่อยากมีเรื่องต่อหน้าเธอ กลัวว่าซินเนียร์จะไม่ปลอดภัย
“ซินไม่รู้…” หญิงสาวตอบแล้วยกเครื่องดื่มมึนเมาเข้าปาก ไม่ใช่แค่ฟารันที่มองมา เธอก็แอบมองเขาเป็นระยะๆ เช่นกัน เพราะตอนนี้แพรวานั่งร่วมโต๊ะกับฟารันแล้ว
ครืดดด~ ครืดดดด~
โทรศัพท์มือถือของเอ็กซ์คิวซึ่งวางอยู่บนโต๊ะสว่างขึ้นทำให้เขาที่กำลังจะห้ามน้องสาวไม่ให้ยุ่งกับแก๊งนั้นเงียบไป จึงพ่นลมหายใจหนักๆ เมื่อเห็นรายชื่อผู้เป็นพ่อ
“นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงซินนะ”
“เดี๋ยวพี่รีบมานะ”
“…” ซินเนียร์พยักหน้าเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม เธอจ้องมองพี่ชายที่ผลุนผลันลุกออกไป แต่เมื่อเลื่อนสายตาไปมองโต๊ะของฟารันอีกครั้งก็เห็นแพรวามองมาด้วยแววตากับรอยยิ้มร้ายกาจ
หญิงสาวเบือนใบหน้ากลับมาแล้วยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ เพราะแพรวากำลังลุกจากโต๊ะนั้นแล้วเดินมาหาเธอ
“ไง ซินเนียร์” แพรวาเดินมาหยุดข้างกายผู้หญิงที่เกลียดตั้งแต่ยังไม่เคยเจอหน้า เธอโน้มใบหน้าลงมาทักทายด้วยรอยยิ้ม “ฉันเห็นนะที่เธอแอบมองพี่ฟารัน สนใจ?”
“…”
“เห็นใสๆ ก็ไม่เบาเหมือนกันนะ มากับผู้ชายคนหนึ่งแต่สนใจผู้ชายอีกคน”
“…” ซินเนียร์เผลอกำแก้วเครื่องดื่มในมือแน่นแล้วเบือนใบหน้าขึ้นสบตากับคนที่กำลังเยาะเย้ย เพราะเธอไม่ชอบคำพูดของแพรวา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายความสัมพันธ์ของตัวเองกับเอ็กซ์คิวให้คนอื่นเข้าใจ
“แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะสนใจพี่ฟารัน เพราะพี่เขาเป็นถึงคิงวิศวะ แต่โทษนะ… ถ้าไม่อยากแพ้ฉันอีกก็หยุดเถอะ”
“เธอกลัวการพ่ายแพ้ฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“จะเปิดศึกกับฉันเหรอ?” แพรวาเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะเธอไม่เคยกลัวซินเนียร์และจะไม่มีวันยอมแพ้ให้กับผู้หญิงคนนี้ “ถ้าคิดว่าแน่… ก็ลองดู แต่รีบๆ หน่อยนะ คืนนี้ฉันจะไปต่อกับพี่ฟารัน”
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากเบือนใบหน้าไปมองทิคเกอร์ที่เดินเข้ามา เธอตัดสินใจดันตัวลุกก้าวเดินเข้าไปหาฟารัน เพราะไม่อยากคุยกับแฟนเก่าและอยากทำให้แพรวาเห็นว่าครั้งนี้เธอไม่ยอม
มือเล็กหยิบยาทาแก้ฟกซ้ำออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นไปให้คนที่นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปเพื่อจะกระซิบกระซาบ
ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อฟารันเบือนใบหน้ามามอง ทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มสัมผัสแก้มสากไปจนถึงริมฝีปากหยักได้รูปของชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ
“…” ร่างสูงจ้องมองคนตรงหน้าเงียบๆ ไม่ได้สะทกสะท้านกับการกระทำของเธอ “มีอะไร?”
ซินเนียร์ขยับใบหน้าออกเล็กน้อยแล้วเม้มริมฝีปากแน่น เธอเบือนไปมองแพรวาที่เดินตามมา โดยมีทิคเกอร์ยืนมองห่างๆ คนตัวเล็กจึงใช้จังหวะที่ดีเจเปลี่ยนเพลงหันไปเอ่ยบอกเป้าหมายตัวเอง
“ตอนที่ซินไปทำแผลให้พี่ที่ห้อง ซินลืมเอายาไว้ให้ค่ะ เพราะดูจากแผลแล้วพรุ่งนี้น่าจะได้ทาอีก”
“…” แพรวากำหมัดแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น ทว่าซินเนียร์ไม่ได้สนใจ เธอวางยาไว้ตรงหน้าฟารันจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป
ขายหนุ่มยกยิ้มมุมปากด้วยแววตาร้ายกาจ มือหนาหยิบยาขึ้นมาหมุนเล่น เพราะเขาอ่านความคิดของเธอออก
“ไอ้ฟารัน น้องซินเนียร์ไปทำแผลให้มึงที่ห้องเหรอ?” เซนต์เอ่ยถามทันที
“อือ…ที่ห้องไม่มีอุปกรณ์ทำแผล”
“ยังไงวะ มึงลากน้องไปห้อง?”
“กูไม่ใช่มึง”
“เหอะ! ตกลงยังไงกูอยากรู้ ทำไมน้องถึงไปทำแผลให้มึงที่ห้อง?”
“อยู่คอนโดเดียวกัน”
“เชรด… นรกเปิดทางให้มึงทำเลวสุดๆ”
“กรรมของน้องมันจริงๆ” จัสตินพึมพำเสียงเบาแล้วส่ายหน้าไปมาน้อยๆ เรื่องที่ฟารันไม่มีอุปกรณ์ทำแผลไม่มีใครเชื่อ เพราะเมื่อหลายวันก่อนเขาเพิ่งไปขอยืมอุปกรณ์ทำแผลที่ห้องของฟารัน
“กูจะไปเตือนน้องซินเนียร์ให้อยู่ห่างจากคนชั่วร้ายแบบมึง”
“แดกเหล้าไปเซน่า” ฟารันตวัดสายตาไปเอ่ยบอกเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม
“เฮ้ย! จะมีตบกันไหม แพรวาเดินตามน้องไปนู่นแล้ว ทิคเกอร์ก็ตามไป เหลือแค่คู่อริมึงแล้วฟารัน…” เซน่าเอ่ยบอกก่อนจะส่ายหน้าไปมาน้อยๆ ราวกับเอือมระอา “วันนี้มึงคงได้ทิคเกอร์เป็นศัตรูเพิ่ม ขยันสร้างศัตรูจริงจริ๊ง”
“…” ชายหนุ่มไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเพื่อน เขายกเครื่องดื่มมึนเมากระดกเข้าปากพรวดเดียวจนหมด จากนั้นก็ผลุนผลันลุกตามไป
“มันคงไม่ได้คิดจะเอาคืนคู่อริด้วยวิธีแบบนี้หรอกใช่ไหม” เซน่าเอ่ยถามเพื่อนทั้งสองด้วยแววตาจับผิด เพราะเรื่องนี้ยังไม่มีใครเล่าอะไรให้เธอฟัง ทว่าจากสิ่งที่เห็นก็เริ่มจับใจความได้
“คนอย่างไอ้ฟารัน กูตอบเลยว่าไม่คิด… แต่มันทำจริง” เซนต์ตอบ ทำให้เซน่าพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะถ้าเธอเจอแบบนั้นก็หาวิธีเอาคืนเช่นกัน
“ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้…” จัสตินพำพึมเสียงเบาแล้วยกเครื่องดื่มเข้าปาก
หมับ!
ซินเนียร์หยุดฝีเท้าในตอนที่เดินมาถึงหน้าห้องน้ำ เธอหันไปมองคนที่คว้าข้อมือเล็กของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นแพรวาจึงหมุนตัวหันไปเผชิญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าคิดว่าแค่นี้แล้วจะเอาชนะฉันได้” แพรวายกมือกอดอกเอ่ยบอกด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ฉันไม่ยอมให้คนอย่างเธอแย่งอะไรจากฉันได้อีก”
“เข้าใจอะไรผิดไหม ฉันไม่เคยแย่งอะไรจากเธอเลยสักครั้ง มีแต่เธอนะที่ทำแบบนั้น”
“เหอะ!” แพรวาส่งเสียงหัวเราะในลำคอด้วยท่าทางเย้ยหยัน แววตาของเธอเริ่มฉายถึงความโกรธแค้น เพราะคนอย่างเธอเกลียดใครมีเหตุผลเสมอ และที่เกลียดซินเนียร์ก็มีเหตุผลเช่นกัน “ฉันจะเอาชนะเธอไปจนตาย”
“มีเรื่องอะไรกัน” ทิคเกอร์รีบก้าวเดินเข้ามาเอ่ยถาม แต่เมื่อเห็นทั้งสองไม่ได้ตอบอะไร เขาจึงมองไปที่อดีตแฟนสาว “เรารู้จักแก๊งของพี่เซน่าด้วยเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องของพี่ค่ะ” ซินเนียร์เอ่ยบอกแค่นั้นก็หมุนตัวเดินไป ทว่าก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อถูกอดีตแฟนคว้าข้อมือเล็กไว้ เธอจึงต้องหันมามองอีกครั้ง
“อย่ายุ่งกับพวกพี่เขาเลยนะ”
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกยุ่งกับฉันสักที”
“พี่ยังรักเรานะซิน”
“เหมาะสมกันดีนะ คนนึงก็ชอบนอกกายแฟน ส่วนอีกคนก็แรด” แพรวาเอ่ยพูดด้วยแววตาสะใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยทำให้ซินเนียร์เจ็บปวดมากๆ
“แล้วอย่างเธอล่ะเรียกว่าอะไร รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วยังไปนอนด้วย” ซินเนียร์ตอบกลับด้วยแววตาไม่พอใจ มือเล็กก็สะบัดออกจากเกาะกุมของอดีตแฟน “เลิกยุ่งกับฉันสักที”
“ซินเนียร์ พี่ผิดไปแล้วคุยกัน…”
“…” หญิงสาวไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่อดีตแฟนหนุ่มพูด เพราะสายตามองไปเห็นฟารันกำลังเดินมาพอดี เธอจึงก้าวเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
ความโกรธเรื่องที่แฟนเก่าและแพรวาเคยทำ ทำให้เธอกล้าเลื่อนเรียวแขนไปโอบกอดลำคอหนา จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าประกบจูบต่อหน้าแพรวาและทิคเกอร์ ซึ่งฟารันก็ยืนนิ่งๆ
เพราะเขาเต็มใจให้เธอจูบ