“ .. คุณต้องการอะไร”
“แค่เธอล้มเลิกการแจ้งความบ้าๆนั่น แล้วไปอยู่ที่ไร่เลอสรรกับฉัน รับรองว่าทุกอย่างจะเป็นปกติสุข ทั้งไร่ภูผา หรือแม้แต่ชีวิตพ่อแม่เธอ ท่านจะปลอดภัยที่สุด” เลอสรรกระซิบข้างๆใบหูเธออย่างเจ้าเล่ห์
“.............”
“ฉันจะนับหนึ่ง ถึงสาม ถ้าต้องการก็บอก ถ้าไม่ล่ะก็ เตรียมซื้อโลงศพคู่ได้เลย กรวลัย”
“หนูต้องการค่ะ” เธอรีบชิงตอบก่อนที่เขาจะนับด้วยซ้ำ
“หึ.. ดี”
ความใจดำในการเอาชีวิตคนเป็นเครื่องมือต่อรองตนเอง ช่างเลวเหลือคณานับ เลอสรรเป็นคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกเกลียดและกลัวได้ในเวลาเดียวกัน
เลอสรรต่อสายหาลูกน้องเปิดลำโพงเสียงดังให้หล่อนได้ยินด้วย
'สแตนด์บายรอคำสั่งครับนาย'
“ดี”
'ตอนนี้ผมแอบซุ่มอยู่ที่ท้ายไร่ชัชวาลย์ นายจะให้ผมช่วยสองคนนั่น หรือถอยครับ'
“งานนี้ห้ามพลาด”
'แน่นอน เอาหัวเป็นประกันครับนาย'
“ รีบไปช่วยชีวิตสองผัวเมียนั่นให้เร็วที่สุด กูมีรางวัลให้อย่างงามเลย”
กรวลัยเดินตามหลังเลอสรรต้อยๆแลดูสูญเสียความเป็นตัวเอง สายป่านและสามียืนมองด้วยความรู้สึกสังหรณ์ในใจว่ากรวลัยจะตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ
“เอาล่ะ เราสองคนปรับความเข้าใจกันได้แล้ว เอาเป็นว่า เราแยกกันตรงนี้เลยนะครับ”
“ไม่ ไม่จริง กำไล ทำไมแกตัดสินใจแบบนั้น”
“ฮึก ป่าน ฉันขอโทษ”
“กำไล เธอโดนบังคับใช่มั้ย บอกฉันมา”
“โถๆ ไม่เอาสิครับคุณภูผา อย่าทำเกรี้ยวกราดแบบนั้น เดี๋ยวคนอื่นพาลคิดไปไกลว่าคุณน่ะ คิดอะไรเกินเลยไปกว่าเจ้านาย .. กับสาวใช้”
“ไอ้#%...!!”
“อย่าๆค่ะคุณภูผา ไม่เอา อายเค้า”
สายป่านดึงรั้งชายเสื้อสามีเอาไว้เมื่อบริเวณโดยรอบเริ่มมีผู้คนหันมาสนใจ
“เป็นอันว่าจบๆกันแล้วนะครับ ผมกับกำไล ขอตัวก่อน” เลอสรรขยิบตาส่งรอยยิ้มเหี้ยมเย็นแล้วกระชากแขนกรวลัยจนตัวปลิว
“มันจะมากไปแล้วนะคุณเลอสรร ฉันรู้ว่านังกำไลเพื่อนฉันมันไม่ได้เต็มใจสักนิด ไม่ว่าคุณจะขู่อะไรกำไลอยู่ หัวเด็ดตีนขาดยังไงกำไลก็ต้องกลับไร่ภูผาค่ะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่ปล่อยเรื่องข่มขืนนี้ให้คุณลอยนวลแน่ ต่อให้ต้องเทียวขึ้นศาลกี่ปี ฉันก็ไม่ถอย”
แววตากลมโตเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของสายป่านนั้นทำให้กำไลซาบซึ้งเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้เล่า
แปะๆๆ
"ทั้งสวย และเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ สมแล้ว ที่ได้เป็นเมียนายภูผา
...ดี งั้นรบกวนคุณสองผัวเมียช่วยไปเป็นพยานให้เราด้วยนะครับ”
“เดี๋ยวๆ นั่นคุณจะพาเพื่อนฉันไปไหน”
ร่างกำยำลากหญิงสาวชาวไร่ร่างเล็กจนตัวปลิวเดินหายเข้าไปในสำนักงานเขตซึ่งอยู่ข้างๆสถานีตำรวจ สายป่านรีบวิ่งตามเพื่อนสาวเข้าไปด้วยความเป็นห่วงแต่สามีเธอนั้นเดินอมยิ้มตามเชื่องช้าอย่างคาดเดาในความคิดของเลอสรรออก
สายป่านยืนอึ้ง อ้าปากค้างชะงักงันเมื่อเลอสรรพากำไลไปจดทะเบียนสมรส เธอรีบเปิดซองเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวของกรวลัยให้เจ้าหน้าที่โดยไว ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินจะตั้งตัวทัน จำต้องเออออห่อหมกไปด้วย ส่วนกรวลัยนั้นเอาแต่นั่งนิ่งคาดเดาความคิดของเลอสรรไม่ออกเอาเสียเลย แต่เมื่อเสียงเข้มตวาดเธอเบาๆมือบีบแขนเธอแน่นเชิงบังคับให้เซ็นชื่อ หล่อนจำต้องก้มหน้าเซ็นชื่อกลายเป็นภรรยาของเลอสรรไปโดยปริยาย
เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพ เลอสรรลากแขนพากรวลัยขึ้นรถเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้สายป่านยืนโบกมือค้างด้วยความงุนงง
“ทำไมเรื่องมันกลับกลายเป็นแบบนี้คะ”
“หึ ไอ้เลอสรรมันเจ้าเล่ห์จะตาย มันไม่ยอมเสียชื่อเสียงเรื่องข่มขืนหรอก”
“ป่านไม่ยอม คุณต้องช่วยเพื่อนป่านนะคะภูผา”
“ไม่เอาน่าที่รัก ถึงยังไง มันก็ยอมจดทะเบียนสมรสกับเพื่อนคุณแล้ว นั่นก็แสดงว่า เราไม่ไม่สิทธิ์ไปก้าวก่าย”
ผู้ชายด้วยกันพอเดาความคิดออกหรอก แต่สถานการณ์จะผันแปรไปในรูปแบบใด ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคนทั้งสองและก็ต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อเป็นตัวแปรสำคัญให้ทุกอย่างจบแบบสวยงาม
…………………………….
เลอสรรขับรถรวดเร็วน่าหวาดเสียวทำเอาเจ้าหล่อนที่นั่งข้างๆหัวใจแทบวาย เธออยากจะเอ่ยปากถามว่าเขาจะพาไปไหนแต่เมื่อมองดูแววตาน่ากลัวแล้วก็ไม่กล้าปริปากใดๆ ทำได้แค่นั่งตัวสั่นยอมให้เขาขับรถไปตามอำเภอใจนานหลายชั่วโมงจวนเจียนจะค่ำจึงขับเข้ามาในเขตไร่เลอสรร รถแล่นผ่านขับฝ่าคนงานในไร่ที่เดินถือเครื่องไม้เครื่อมือกลับไปยังที่พัก สายตาหวานปนเศร้ากระพริบตาปริบๆมองคฤหาสน์หลังใหญ่ผ่านเลยไปพบไร่ข้าวโพดไกลสุดลูกหูลูกตาเรื่อยผ่านมาจนถึงคอกม้าและสนามแข่ง เลอสรรยังคงขับรถผ่านไปเรื่อยๆกระทั่งเข้าเขตป่ารกทึบมีต้นไม้ใหญ่แน่นหนา
“คะ คุณจะพาหนูไปไหนคะ”
ที่สุดเธอก็ต้องเอ่ยถาม เมื่อบรรยากาศเริ่มครึ้มมีเมฆปกคลุมหนาแน่น ลมด้านนอกพัดแรงต้นไม้น้อยใหญ่ไหวเอน เลอสรรหักเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆตรงป่าละเมาะท้ายไร่
เอี๊ยดดด
“โอ๊ยย” หน้าผากนูนโขกกับคอนโซลรถไม่ทันตั้งตัว
“ถามทำไม ออ หรือเธอคิดว่าฉันจะพาเธอไปอยู่ที่เรือนใหญ่น่ะหรือ?หึ ฝันสูงเกินไปแล้วกรวลัย เพราะฆาตรกรอย่างเธอ เหมาะกับป่าแบบนี้มากกว่า”
สายตาคมดุส่อแววหื่นกระหายโลมเลียกระโปรงสั้นถกขึ้นมองเห็นต้นขาขาว กำไลรีบดึงชายกระโปรงลมหายใจเริ่มติดขัดสายตาสอส่องมองหาทางหนีทีไล่
“คิดจะหนีฉันเหรอ”
“ปะ ปล่อยหนูเถอะนะคุณเลอสรร"
“ฉันอุตส่าห์ลงทุนจดทะเบียนสมรสแล้ว มันต้องมีค่าตอบแทนสิ”
มือใหญ่นาบเข้าที่เนินเนื้อบดคลึงผ่านเนื้อผ้าทำให้จนเจ้าของร่างบางเจ็บแปลบ
“ไม่ ไม่ อื้อ อย่าค่ะ หนูกลัวแล้ว หนูเจ็บ”
“คงจะบอบช้ำมากสินะ ไหนขอดูหน่อยสิ”
เธอไม่อาจจะขัดขืนเขาได้ จึงยอมให้ซาตานร้ายทำตามแต่ใจ เลอสรรถอดแพนตี้ตัวจิ๋วออกแล้วยกขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นวางเบาะนั่งเป็นรูปตัวเอ็ม ปลายนิ้วลากแตะผ่านรอยแยกไม่อาจอดใจไหวจึงก้มหน้าลงต่ำถกกระโปรงขึ้นถึงสะโพกมองเห็นภาพกลีบกุหลาบสีสวยบวมเป่งมีรอยฉีกขาดด้วยน้ำมือเขา
“จุๆๆ สวยมาก” เขาครางเสียงแผ่วภายในลำคอ
ปลายนิ้วกดบี้เม็ดดิ่งเบามือสุด
“อ๊าส์”
กรวลัยสะดุ้งโหยงยกสะโพกหนีมือร้ายไม่พ้นทำได้แค่หลับตาปี๋แล้วเผลอครางเสียงดัง เลอสรรยกยิ้มพอใจเมื่อน้ำใสๆไหลเยิ้มออกมา
ครื้นนนนนนน...เปรี้ยงงงง
เสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วไร่ ตามด้วยเสียงฟ้าผ่าปนแสงแปลบปลาบ ไม่นานฝนเทกระหน่ำลงมา เลอสรรถอยมือออกจากกึ่งกลางกายสาวหันมาจับพวงมาลัยเคลื่อนตัวรถออกไปเส้นทางใหญ่ มีผู้คนพลุกพล่านวิ่งหลบฝนกันจ้าระหวั่น ส่วนเจ้าของไร่หนุ่มผู้หื่นกระหายนั้นยังคงตามไปลูบไล้เนินเนื้อสาวเจ้าที่เอาแต่นั่งขดตัวด้วยความกลัว กลัวทั้งฟ้าร้องและเขานั่นแหละ
“แบะขาออก”
“อื้อ”
“ฉันสั่งให้แบะขาออก!!”
เลอสรรลอบยิ้มเมื่อเธอยอมทำตาม มือขวาบขังคับพวงมาลัย หากแต่มือซ้ายสาละวนลูบไล้จ้วงแทงกุหลาบงามจนเปียกลื่นจังเจาะแจะ
“อื้อส์ ซี้ดดด ยะ อย่าคะ”
แจ๊ะๆๆ
"อ๊าส์ อู้ยยยส์ซีดดดส์"
“อ่าส์ เอาแม่งตรงนี้เลยมั้ยวะ”
เลอสรรเริ่มอดใจไม่ไหว มองดูผู้คนตามถนนมองหาที่หลบมุมเพื่อปลดปล่อยความกระสัน