หลังกลับมาถึงบริษัทดูเหมือนว่าไรเฟิลจะเริ่มควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าหญิงสาวด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะประโยคที่ดิสนีย์คุยโทรศัพท์ก่อนหน้า มันถึงเป็นตัวกระตุ้นให้กับความรู้สึกของเขา
“เป็นอะไรรึเปล่า?” เธอเอ่ยถามหลังจากเห็นท่าที และแววตาแปลก ๆ ที่ไรเฟิลลอบมองเธอ
“อะ..อ่อ ป่าวครับ” หลายต่อหลายครั้งที่ชายหนุ่มด่าตัวเองในใจว่าห้ามทำเสียแผน แต่มันกลับไม่เข้าสมองสักนิด ผู้หญิงคนนี้กำลังมีความสุข คุยยิ้มแย้มกับชายคนนั้น ในระหว่างที่น้องสาวเขาต้องนอนทุกข์ใจอยู่ที่บ้าน
“พร้อมคุยงานเลยมั้ย?” ดิสนีย์ไม่อยากเสียเวลา เย็นนี้เธอมีนัด เธอยังต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่
“ดิสครับ”
“หื้ม?” เธอตอบรับแต่ไม่ได้มองหน้าเขาเพราะกำลังดูเอกสารประกอบการตัดสินใจอยู่
“ถะ..ถ้าเฟิลบอกว่าเฟิลชอบดิส…”
“วะ..ว่ายังไงนะ?” ดิสนีย์ถึงกับติดอ่างเมื่อได้ยิน เพียงเท่านั้นเธอรีบปรับสีหน้าอารมณ์
“ดิสว่าเราคุยกันเรื่องงานเถอะ”
“โกรธเหรอครับ?”
“ดิสไม่ได้ดีแบบที่เฟิลคิด และดิสก็เชื่อว่าเฟิลต้องรู้จักดิสผ่านข่าวบ้างแล้ว ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มพยักหน้าตอบกลับ แต่ไม่มีท่าทีที่จะตกใจสักนิด
“เฟิลไม่ได้สนใจที่ตรงนั้น เฟิลชอบเพราะมีเหตุผลของเฟิล” ไรเฟิลพูดพลางก้มหน้าลง
“งั้นบอกเหตุผลที่ชอบดิสมาข้อหนึ่ง” เธอเองก็อยากจะรู้ว่าตัวเองมีอะไรให้ผู้ชายดี ๆ แบบเขามาชอบ ขนาดตัวเธอยังไม่ชอบตัวเองเลย
“เฟิลชอบน้ำตาของดิส”
“เฟิลว่าไงนะ?!” คำตอบมันดูแปลกถึงกับทำให้เธอร้องเสียงหลง
“หมายถึงวันแรกที่เราเจอกันครับ แค่เฟิลเห็นดิสที่นั่งร้องไห้อยู่ มันทำให้เฟิลรู้สึกแปลก ๆ และเฟิลก็มั่นใจว่าไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร” ไรเฟิลอธิบายออกมายาว เพราะอยากเปลี่ยนความคิดของเธอที่มันเป็นความจริง เขาชอบน้ำตาของเธอ แต่ไม่ใช่เหตุที่ผลที่บอก
เขาชอบเพราะอยากเห็นเจอเจ็บปวดทรมาน เขาชอบเพราะอยากให้เธอรับรู้ความรู้สึกของผู้หญิงอีกคน เขาชอบเพราะอยากให้เธอต้องรับผลที่ตัวเองทำ
“เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังเถอะ ดิสว่าเราคุยเรื่องงานกันก่อนดีกว่า ดิสมีนัด” ไรเฟิลยอมแต่โดยดี เขาไม่อยากเดินหน้าเข้าหามากกว่านี้ เพราะมันอาจจะทำให้เธอผิดสังเกตได้
หลังคุยงานเสร็จ ดิสนีย์เดินเหม่อลอยลงมาที่รถของตัวเอง เธอยังนึกถึงประโยคที่ไรเฟิลพูดซ้ำ ๆ หญิงสาวยอมรับว่าไม่แปลกใจที่เขาบอกว่าชอบ เพราะดูไรเฟิลจะเข้าหาเธอเป็นพิเศษ หากเขาไม่ได้ชอบอย่างที่เธอคิดตั้งแต่แรก ก็อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าข้างตัวเองมากไป
“เฮ้อ ออกไปจากหัวฉันสักที” ดิสนีย์ทึ้งหัวตัวเองแรง ๆ เธอพยายามจะลบเสียงที่วนในหัวออกไป
ครืด ครืด และมันก็มีตัวช่วยเข้ามาเมื่อโทรศัพท์ของเธอที่อยู่ในกระเป๋าสั่นเป็นเจ้าเข้า ดิสนีย์ปิดเสียงไว้เพราะไม่ชอบให้อะไรมาขัดตอนที่เธอกำลังคุยเรื่องงาน
“ค่ะ” เธอกรอกเสียงทักปลายสายด้วยความเหนื่อย
“แกอยู่ไหน?” พ่อของเธอเอ่ยถามเพราะไม่เห็นว่าเธอจะกลับมาบ้านเสียที
“เพิ่งคุยงานเสร็จค่ะ” เธอตอบทั้งที่ไม่อยากตอบ บางทีเธอก็อยากมีชีวิตส่วนตัว ที่ได้ทำอะไรที่ชอบ ได้ทำในสิ่งที่เธอต้องการ ไม่ใช่เพราะถูกใครบังคับ
“คุณไรเฟิลเขาว่ายังไงบ้าง?” น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นนั่นทำให้ดิสนีย์แสยะยิ้มออกมา
“แล้วพ่อคิดว่ามันต้องเป็นยังไง?”
“ฉันถามแกดี ๆ นะ” เสียงห้วน ๆ ของเธอทำเอาอารมณ์ของคนเป็นพ่อเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
“ก็ดีค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแค่นี้นะคะ” หญิงสาวเตรียมจะวาง แต่กลับได้ยินคำสั่งที่เล็ดลอดมา
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ แกจะต้องไปเรียนรู้งานกับเขา 1 เดือน ทำยังไงก็ได้ ให้เขารักแกซะ” น้ำตาดิสนีย์ไหลออกมาเมื่อได้ยินประโยคนั่น เธอกดวางสายโดยไม่รอฟังอะไรต่ออีก
พ่อของเธอมีเธอไว้เพียงเท่านี้ ส่วนแม่ของเธอตั้งแต่มีสามีใหม่ก็ไม่เคยติดต่อเธอมาอีกเลย พวกท่านเลิกกันแต่ลืมไปว่าสิ่งที่พวกท่านยังควรทำคือให้ความอบอุ่นกับลูกสาวคนเดียวที่มี
สุดท้ายดิสนีย์เลือกจะกลับคอนโดส่วนตัว เธอทนที่จะเข้าไปเห็นหน้าพ่อที่แสนจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ เธอไม่อาจจะมองหน้าพ่อของเธอได้แบบเมื่อตอนยังเด็ก ปมที่พวกเขาสร้างไว้ให้เธอมันทรมานกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขนาดไหน ย่อมมีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ดี
ตกเย็นเธอออกมาร้านอาหารที่นัดบางคนเอาไว้ ทันทีที่เห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้น ดิสนีย์วิ่งเข้าสวมกอดเต็มแรง
“งอแงอะไรอีกยัยเปี๊ยก” ชายหนุ่มถามเธอพรางลูบหัวและกอดตอบ
“ฉันเหนื่อยจังซี ไหนนายบอกว่าถ้าโตขึ้นจะเหนื่อยน้อยกว่านี้ไง?” หญิงสาวเงยหน้าถามด้วยแววตาที่อ้อนสุดฤทธิ์
“ฉันพูดแบบนั้นเหรอ ว้า แย่จัง” ซีตอบพรางขยี้หัวเธอเบา ๆ เขาเป็นผู้ชายอีกคนที่มีข่าวกับเธอเมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่าทั้งสองออกจากโรงแรมหรูด้วยกัน
“ว่าแต่วันนี้อารมณ์ไหน นัดมากินข้าว?” ดิสนีย์เอ่ยถามเพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคิดยังไง ช่วงที่มีข่าวเสียหายออกมา เธอพยายามเลี่ยงการเจอเขา ดิสนีย์ไม่คิดว่าโรงแรมที่ไปจะมีปาปารัสซี่แฝงอยู่ ลำพังแค่ตัวเธอคงไม่เท่าไหร่ แต่ซีของเธอเป็นแบบนั้นไม่ได้
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องไปสนใจข่าวนั่น” ชายหนุ่มไม่ได้เกรงกลัวต่อข่าวเลย และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมดิสนีย์ถึงต้องปกป้องเขานัก และพยายามที่จะทำให้เขาเป็นคนดีในทุกมุม ดิสนีย์เป็นเหมือนเบื้องหลังที่ทำให้ซีดีขึ้น และซีคนนี้ก็คือซีจี
“ไม่ได้หรอก เรื่องแย่ของฉัน ฉันไม่อยากให้นายต้องรับไป ขอเป็นข่าวกับนายอีกทีตอนแต่งงานเลยได้มั้ย?” ความขี้เล่นนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เห็นมัน บางทีอาจจะมีแค่ซีจีที่ดิสนีย์ได้เป็นตัวของตัวเอง
“ว่าแต่มีใครมายุ่งกับผู้หญิงของฉันมั้ยนะ?” ประโยคที่ซีจีถามทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังคนทั้งสองกำหมัดแน่น
“ไม่มี มีแค่นายคนเดียวก็พอแล้ว” คำตอบของดิสนีย์เป็นที่พอใจ ทั้งสองเดินกอดเอวกันไปนั่งโต๊ะที่จองไว้
“ฉันจะทำให้เธอต้องเจ็บเจียนตาย เจ็บจนแทบกระอักเลือดร้องขอให้ฉันหยุดทรมานเธอ ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจด้วยก็ตาม!!!”