“น้ำ”
“คุณหิวน้ำใช่ไหมคะ ค่อย ๆ จิบนะคะ” แมรี่รีบเอาน้ำมาให้เธอจิบจากนั้นลิลลี่ก็มองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างใช้ความคิด ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
ปัง!
ปัง!
ความทรงจำอันเลือนลางผุดขึ้นมา
เสียงปืนที่ดังกึกก้อง มันเกิดขึ้นที่ไหนกันนะ เป็นบริเวณที่มีหิมะขาวโพลนอยู่ทุกที่รอบ ๆ ตัวเธอ ลิลลี่กรีดร้องออกมาด้วยความกลัว พลางขดตัวเพื่อหาที่ซ่อนที่ปลอดภัย เธอต้องอยู่คนเดียวในโลกใบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ความหวาดกลัวเริ่มเข้าจู่โจมหัวใจ
ขณะที่ลีโอนาร์ดกำลังประชุมเคร่งเครียดกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นจนผ่านไปสองชั่วโมง
เซนที่เห็นแมรี่โทรมาหลายสายจึงขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่นอกห้องประชุม ก่อนจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วกระซิบให้ลีโอนาร์ดได้ยินกันแค่สองคน
“เจ้านายครับ แมรี่โทรมาเธอฟื้นแล้วครับ แต่เธอกรีดร้องไม่หยุดเลยครับ”
ได้ยินดังนั้นลีโอนาร์ดจึงเป็นกังวลและรีบกล่าวปิดการประชุมทันที “ปิดการประชุมแค่นี้ก่อนนะครับ ผมมีธุระต้องรีบไป” พูดจบเขาก็หันมาออกคำสั่งกับเซน “กลับเพนต์เฮาส์”
พอมาถึงคอนโด ชายหนุ่มรีบเปิดประตูรถเองโดยไม่รอให้ใครมาเปิดให้ ก่อนเขาจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ส่วนตัวอย่างเร่งรีบ
“ฮึก ๆ ฮือ ๆ”
เสียงนี้เหมือนเขาเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน มันบาดลึกเข้าไปในใจเขาเหลือเกิน
“แมรี่ เธอเป็นยังไงบ้าง”
“เธอฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่ร้องไห้ค่ะ”
ลีโอนาร์ดมองดูเธอที่นอนขดตัวกลมอยู่บนเตียงพร้อมน้ำตานองหน้า ด้วยสายตาทอแสงอ่อนลง เธออยู่ในชุดใหม่ที่แมรี่หามาให้ เป็นชุดนอนขายาว
“เธอ”
“ฮือ ๆ ลิลลี่กลัว” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกด้วยเสียงอู้อี้กลั้วน้ำตา
“ชู่ว…” ลีโอนาร์ดจับตัวเธอให้ลุกขึ้นมานั่งบนตักเขา แล้วกอดเธอไว้แนบอกอย่างปลอบโยน
“ลิลลี่ไม่เหลือใครแล้ว” เสียงกระซิบที่ออกมาจากปากของเธอทำเอาคนฟังรู้สึกโหวง ๆ
“เธอยังมีฉัน อย่าร้องไห้เลยนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำอันตรายเธอได้แน่นอน ฉันสัญญา... เงียบซะเด็กน้อย เธอต้องพักผ่อนจะได้หายเร็ว ๆ ... แมรี่ ไปเอาข้าวต้มหรือซุปร้อน ๆ มาให้เธอกิน แล้วเอายาให้เธอกินอีก” ลีโอนาร์ดเอ่ยบอก ก่อนจะใช้หัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา ซึ่งวันนี้หน้าตาเธอดูมีสีสันมากกว่าเมื่อคืน
เซนเดินเข้ามาเห็นเจ้านายโอบอุ้มผู้หญิงแปลกหน้าไว้อย่างทะนุถนอม เขาก็แปลกใจ เพราะเจ้านายของเขาไม่เคยอ่อนโยนแม้กับคนที่เป็นคู่หมั้นของตัวเอง
ซึ่งคนทั้งอิตาลีรู้ดีว่าลีโอนาร์ดไม่เคยปรานีใคร เขาฆ่าคนได้ในพริบตาเดียว ถ้าคนคนนั้นทำผิด แต่เขาไม่เคยทำร้ายใครก่อน เสียงนุ่มนวลที่เจ้านายใช้ปลอบโยนหญิงสาวคนนี้ จึงทำให้เซนถึงกับมองการกระทำของเจ้านาย เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนั้น
“ลองทานดูนะคะ ซุปไก่ร้อน ๆ” แมรี่เดินถือถาดอาหารเข้ามา
“มาลองทานดูสิ ว่าเธอชอบหรือเปล่า... เธอต้องกินเยอะ ๆ แล้วฉันจะพาไปหานีโอ” น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยออกไป ทำให้ลูกน้องที่ได้ยินถึงกับประหลาดใจ
“ลุงนีโอ” น้ำตาของเธอไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงผู้มีพระคุณ
“ลุงเธอปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ... ทานซุปนี้ซะ อ้าปากสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ว่าแต่… เธอชื่ออะไร”
“ลิลลี่ค่ะ” เธอยังก้มหน้างุดขณะนั่งอยู่บนตักของเขา
“ลิลลี่ เธอต้องทานเยอะ ๆ นะ”
ลิลลี่ตักซุปเข้าปาก พยายามฝืนกินให้ได้มากที่สุด เพราะอยากหาย “อิ่มแล้วค่ะ”
เมื่อเธอเอ่ยบอก ลีโอนาร์ดจึงหันไปเอ่ยบอกแมรี่
“แมรี่ จัดยามาให้เธอ”
“ลิลลี่ไม่อยากกินยา ลิลลี่ไม่ชอบ”
เธอทำหน้าเบ้คล้ายเด็กที่โดนขัดใจ
“แต่เธอไม่สบาย เธอต้องกิน”
ลีโอนาร์ดพยายามใช้น้ำเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุด เพราะปกติแค่เขาพูดคำเดียวลูกน้องก็กลัวกันลนลานแล้ว
จากนั้นลิลลี่ก็พยายามจับยายัดเข้าปากก่อนจะเบ้หน้าอย่างไม่ชอบใจ มันขมจนเธอแทบจะอาเจียนออกมา แต่เธอไม่กล้าขัดใจเขา
แมรี่รับถาดซุปเดินถือออกไปเก็บ ลีโอนาร์ดจึงบอกให้ลิลลี่นอนลง เขาห่มผ้าให้เธอเสร็จแล้ว ตาเธอก็ปรือปรอยคล้ายจะหลับเต็มทน
และขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินออกไป ฝ่ามือน้อย ๆ ของลิลลี่ก็คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้ ลีโอนาร์ดเลยอดสงสารไม่ได้ ต้องนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง
แมรี่กับเซนเดินกลับมา ทั้งคู่ก็โดนลีโอนาร์ดโบกมือให้ไปทำอะไรอย่างอื่น เพราะเขาจะอยู่ดูแลเธอเอง
ร่างสูงใหญ่ถอดเสื้อสูทออกวางไว้ที่หัวเตียง ก่อนที่เขาจะสอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ กอดเธอไว้แนบอกกว้าง ลิลลี่จึงซุกซบลงกับอกอุ่นของเขาอย่างรู้สึกปลอดภัย
ลีโอนาร์ดทำในสิ่งที่ตัวเองยังต้องตกใจ เขากดหอมแก้มเธอ และรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน... ไม่เคยกอดใครแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ หนำซ้ำยังหลับไปพร้อมกับเธอ เพราะเมื่อคืนเขาได้งีบแค่นิดเดียว
เช้าวันต่อมา ลีโอนาร์ดขยับตัวเพราะนอนตะแคงทั้งคืน ก่อนเขาจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ ว่าเขาหลับไปพร้อมกับเธอ ตอนนี้เป็นเวลาจะแปดโมงเช้าแล้ว แต่เธอยังหลับไม่ยอมขยับตัว คงเป็นเพราะยาที่เธอทานเข้าไป ทั้งยาลดไข้และยาแก้อักเสบ