“สิ่งที่มึงต้องทำคือกลับบ้านของตัวเอง ไม่ใช่มาวุ่นวายที่ห้องกูแบบนี้น่าน…” ฟลินต์เอ่ยออกไปอย่างพยายามข่มอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิด เขาทั้งหงุดหงิดทั้งอึดอัดที่ตัวเขาไม่ได้ปลดปล่อยเพราะมันอีกแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นแต่ทุกอย่างก็ต้องดับลงเพราะร่างบางตรงหน้า
“ได้ยินที่กูพูดไหมน่าน?” ร่างสูงเดินมารั้งเรียวแขนของร่างบางเอาไว้เพื่อให้เธอหยุดเดิน น่านฟ้าชะงักปลายเท้าของตัวเองก่อนจะหันกลับมามองหน้าฟลินต์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจ
เธอไม่ได้แสดงความเกรี้ยวกราดหรืออวดดีใส่เขาเหมือนตอนอยู่ที่คลับ และเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องพาตัวเองมาหาฟลินต์แบบนี้ เธอรู้เพียงแค่ว่าเธอต้องการที่พักพิงที่อบอุ่นที่สุดของเธอและคนที่เธอคิดถึงคนแรกก็คือฟลินต์
ถึงแม้ว่าเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอจะมีปากมีเสียงกับเขา แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังพาตัวเองกลับมาหาอยู่ดี
“ก็กูไม่อยากกลับนี่…”
“มึงจะใจร้ายไล่กูเหรอ”
“กูก็ใจร้ายแบบที่มึงพึ่งว่ากูไปไง”
“นี่มึงยังจะโกรธกูอยู่อีกหรอฟลินต์”
“แล้วไม่ใช่มึงเหรอที่งอนกูแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากคลับไป” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ร่างบางหน้าจ๋อยลงเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะเถียงเขาว่าอย่างไร เพราะสิ่งที่เขาพูดมันเรื่องจริงที่เธอปฏิเสธไม่ได้
“ก็ตอนนั้นกูน้อยใจที่มึงเอาแต่ว่ากูแบบนั้น กูก็แค่น้อยใจไม่ได้จะโกรธอะไรจริงจังซะหน่อย มีแต่มึงที่โกรธ...” เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก ในตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรกับลูกแมวตัวน้อยที่กำลังเคว้งคว้างไม่มีที่ไป
“กูโกรธเพราะอะไรมึงรู้บ้างไหม กูโกรธเพราะมึงไม่ได้...”
“พี่ฟลินต์คะ…หนูกลับก่อนนะคะ…” ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดจบ เสียงของพริตตี้คนสวยก็เอ่ยดังขึ้นพร้อมกับเดินออกมาจากห้องนอนของเขา
น่านฟ้ามองร่างเพรียวสมส่วนของพริตตี้สาวตรงหน้า โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่มันใหญ่มากซะจนแทบจะล้นทะลักชุดเดรสออกมา และที่สำคัญมันดูใหญ่ยิ่งกว่าหัวเด็กทารกเสียอีก O_O
“เดี๋ยวฉันให้ลูกน้องโอนเงินของวันนี้ไปให้…”
“ขอบคุณค่ะ…” พริตตี้สาวเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มพลางปรายสายตามามองร่างบางที่เป็นมารขัดขวางความสุขของเธอและฟลินต์ในค่ำคืนนี้…
น่านฟ้าตาโตมองพริตตี้สาวตรงหน้าอึ้ง ๆ ที่กล้าใช้สายตาเหวี่ยง ๆ แบบนั้นกับเธอ..
“มึงเห็นสายตาที่เด็กมึงมองกูเมื่อกี๊ไหม…”
“เหวี่ยงอะไรขนาดนั้น…” น่านฟ้าเอ่ยออกไปด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับมองหน้าเพื่อนสนิทของเธอที่ยังคงยืนกอดอกมองหน้าเธอไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหน…
“แล้วมึงจะมองกูด้วยสายตาหงุดหงิดแบบนั้นอีกนานไหมฟลินต์…”
“กลับบ้านไปกูจะนอน...อย่ามารบกวนเวลาส่วนตัวกูแบบนี้..” ไม่พูดเปล่า ฟลินต์เดินไปจับแขนน่านฟ้าพร้อมกับดึงรั้งให้เธอนั้นเดินไปที่ประตูพร้อมกับเขา แต่มีหรือที่น่านฟ้าจะยอม เธอดิ้นรนพร้อมกับชักแขนกลับก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาห้องรับแขกอย่างถือวิสาสะ
เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงต้องถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดที่หญิงสาวตรงหน้ากำลังแสดงความเอาแต่ใจกับเขา และมันก็ต้องเป็นเขาที่ยอมเธอทุกที
“คืนนี้กูขอนอนที่ห้องมึงนะ ไม่อยากกลับบ้าน T^T” น่านฟ้าเอ่ยเสียงอ้อนพลางทำตาปริบๆ หวังให้เพื่อนรักของเธอนั้นใจอ่อนยอมให้เธอนั้นนอนด้วย
เธอเองก็พอจะรู้ที่ฟลินต์ยังดูหน้าตึงใส่เธอแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเขายังโกรธเรื่องเมื่อเย็นที่เธอกับเขานั้นทะเลาะกัน
“ไม่ได้” เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความเย็นชาแบบนี้เป็นตัวการันตีชั้นดีว่าชายหนุ่มตรงหน้ายังคงโกรธเคืองเธอไม่หาย
“ใจร้ายจัง ทำไมต้องใจร้ายกับเพื่อนแบบนี้ล่ะ..”
“มานั่งข้างกูหน่อยยย…” น่านฟ้ายังคงเอ่ยเสียงอ้อนพลางตบเบาะให้ชายหนุ่มมานั่งข้าง ๆ แต่ทว่าฟลินต์กับเอาแต่ยืนนิ่งกอดอกมองเธอด้วยแววตาเฉยชาเช่นเดิม
ง้อยากง้อเย็นเสียจริง ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายง้อผู้ชายตรงหน้าทุกทีที่ทะเลาะกัน
“มุขนี้ไม่ได้ผลกับกู ไม่ต้องมาใช้เสียงอ้อน..”
“โอ๊ย! มึงอย่าลีลาได้ไหม มานั่งข้างกูนี่…” หญิงสาวเอ่ยอย่างแง่งอนพลางขยับตัวลุกขึ้นเดินไปคว้าต้นแขนของฟลินต์ให้เดินมานั่งข้างเธอที่โซฟา
“อย่าทำหน้าบึ้งแบบนั้นสิ..กูขอโทษ T^T”
“ดีกันนะ เลิกโกรธกูได้แล้ว” น้ำเสียงอ้อน ๆ ถูกส่งออกมาจากริมฝีปากอมชมพู แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น น่านฟ้าส่งเสียงในลำคอด้วยความขัดใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าเพื่อนสนิทของเธอคนนี้จะไม่ยอมหายโกรธเคืองเธอง่าย ๆ แล้วเธอก็ดันเป็นผู้หญิงประเภทที่ง้อคนไม่ค่อยเก่ง ออกแนวไปในทางที่ด่าเก่งเสียมากกว่าด้วยซ้ำไป จะบอกว่าเธอเป็นคนที่ความอดทนในการง้องอนคนค่อนข้างต่ำก็ว่าได้
“กูขอโทษจริง ๆ แต่ว่าตอนนั้นมึงก็พูดกับกูไม่ดีนี่น่า...”
“ไม่ไปตามง้อพี่ครามคนดีของมึงแล้วหรอไง? ถึงมาวุ่นวายเวลาส่วนตัวของกูแบบนี้…” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความถากถางหลุดออกมาจากริมฝีปากหนา น่านฟ้าหน้ามุ่ยก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับฟลินต์…
“ก็ไปมาแล้ว แต่พี่เขาไม่อยู่บ้าน…”
“มึงเลยมาระรานห้องเพื่อนคนน่ะหรอ…”
“ใช่…” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะโกหก เพราะเธอรู้ตัวเองดีว่ากำลังมาละลานของเพื่อนอยู่จริงๆ
แต่จะให้ทำไงเล่า ก็เธอไม่มีที่จะไปแล้วนี่...
“มึงนี่แม่งโคตรเอาแต่ใจ เอาแต่ใจกับใครไม่ได้ก็เอาแต่ใจกับกู”
“มึงอย่าบ่นได้ไหม กูมารบกวนมึงบ่อยที่ไหน กูไม่มีที่ไปแล้วนะฟลินต์ “ร่างบางบ่นอุบพร้อมกับเอียงศีรษะอิงซบลงที่ไหล่ของฟลินต์อย่างต้องการหาที่พักพิง ฟลินต์นั่งนิ่งยอมให้ไหล่ของเขานั้นได้เป็นที่พักพิงของหญิงสาวเหมือนเช่นทุกครั้ง ต่อให้เขาจะรู้สึกโมโหน่านฟ้ามากแค่ไหนแต่ถ้าเมื่อใดที่น่านฟ้าต้องการเขา เขาจะอยู่ตรงนั้นเพื่อเธอเสมอ...
“หายงอนกูได้แล้วนะ เรางอนกันไม่ดีหรอก” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือเรียวที่เลื่อนขึ้นไปคล้องแขนฟลินต์เอาไว้...ฟลินต์นิ่งเงียบก่อนจะถอนหายใจออกมาเพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงพ่ายแพ้ให้กับน่านฟ้าอยู่ซ้ำ ๆ
“แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้าน…ป่านนี้คุณลุงคงเป็นห่วงแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและก็แอบแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เพราะนี่มันก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้วปกติน่านฟ้าควรจะต้องถึงที่บ้านแล้วในเวลานี้
“ไม่อยากกลับ กลับไปพ่อก็พูดแต่เรื่องเดิม ๆ เอาแต่ว่าพี่คราม”
“เพราะเขาเป็นห่วง ผู้ชายด้วยกันเขามองออกว่าผู้ชายคนไหนดีไม่ดี…”
“แต่พี่ครามเขาก็เป็นคนดีนะฟลินต์ คือกูไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนเอาแต่ว่าพี่คราม แล้วก็ตั้งแง่ไม่จบไม่สิ้น..”
“ทำไมไม่มีใครยอมให้โอกาสพี่เขาได้พิสูจน์ตัวเองเลยสักคน..”
“มึงก็เหมือนกัน ทำไมมึงถึงไม่ชอบพี่ครามล่ะ…” น่านฟ้าเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจพลางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อสบตาฟลินต์อย่างรอฟังคำตอบ เธออยากรู้มาตลอดว่าทำไมเพื่อนสนิทของเธอคนนี้ถึงไม่ชอบแฟนเก่าของเธอมากมายขนาดนั้น
ฟลินต์นิ่งเงียบพลางสบตาหญิงสาวอย่างลังเลอยู่ภายในใจ จะให้เขาพูดได้อย่างไรว่าที่เขาไม่ชอบครามเป็นเพราะเธอรักมันไม่ได้รักเขา
เจ้าของใบหน้าสวยขยับใบหน้าลงกับไหล่แกร่งเล็กน้อยขณะที่สายตายังคงสบมองใบหน้าของเพื่อนสนิทอยู่อย่างนั้น เธอไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอมันกำลังทำให้หัวใจที่เคยแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรกับหินผา ค่อย ๆ อ่อนยวบลงอย่างน่าใจหาย
“ก็แค่ไม่ชอบ…” สิ้นเสียงทุ้มใบหน้าหล่อเหลาก็เมินออกไปอีกทาง น่านฟ้าส่งเสียงในลำคอนิดๆ อย่างขัดใจในคำตอบของเพื่อนสนิท
“เหตุผลฟังไม่ขึ้นเลยฟลินต์ มึงนี่มันนิสัยไม่ดี…”
“ฮึ ไม่มีใครดีเท่าพี่ครามของมึงหรอก…” ฟลินต์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พลางไหวไหล่ตัวเองอย่างไม่สนใจคำพูดของหญิงสาว น่านฟ้าแอบกลอกตามองบนเล็กน้อยที่ถูกเพื่อนรักอย่างฟลินต์พูดจาจิกกัดไม่หยุด
เธอชักจะแปลกใจแล้วสิว่าตกลงเพื่อนสนิทของเธอคนนี้มีกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงหรือเปล่า เขาถึงได้ชอบพูดจากระแทกแดกดันเธอได้ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิง
“ไม่ต้องมาพูดจากระแทกแดกดันกูแบบนี้ได้ไหม…”
“มึงต้องคอยโอ๋เพื่อนอย่างกูสิฟลินต์” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างแง่งอนพร้อมกับผละใบหน้าออกจากไหล่แกร่ง
“แล้วที่กูยอมให้มึงมาวุ่นวายที่ห้องทั้ง ๆ ที่กูกำลังเอากับเด็กอยู่นี่ ไม่เรียกว่าใจดีหรอไง?” ร่างสูงเอ่ยออกไปพร้อมกับสบนัยน์ตาคู่สวยของหญิงสาว น่านฟ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้ามุ่ยพร้อมกับทำปากขมุบขมิบ
“ถ้าไม่เลิกต่อว่ากูในใจ กูจะให้คนมาอุ้มมึงออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้เลย..” ร่างสูงแสร้งขู่ออกไปทั้ง ๆ ที่ภายในใจของเขาไม่ได้คิดจะทำตามที่พูดเลยสักนิด เขาขู่เพราะเขาแค่อดหมั่นไส้ให้กับใบหน้าสวย ๆ ที่กำลังแสดงความดื้อรั้นใส่เขาไม่หยุดก็เท่านั้น
“เออกูยอมก็ได้ มึงมันใจดี ใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ…” น่านฟ้าเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความยียวนกวนประสาทก่อนจะกวาดสายตามองไปยังรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นของชายหนุ่ม จนสายตาไปสะดุดเข้าไประเบียงห้องนั่งเล่นซึ่งดูเหมือนว่ามันจะถูกจัดเอาไว้เป็นมุมนั่งเล่นอีกมุมหนึ่งของฟลินต์
“มึงกินเหล้ากันไหม”
“กูอยากกินเหล้าตรงนั้นบรรยากาศน่าจะดีมากเลย” ไม่พูดเปล่า มือเรียวชี้ไปตรงระเบียงที่เป็นมุมโปรดของชายหนุ่ม ฟลินต์มองตามไปก่อนจะหันกลับมาสบมองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าอารมณ์ไหนของเธอที่จู่ ๆ ก็อยากกินเหล้าขึ้นมาอีก
“กูอยากเมาจะได้หลับสบายไง” ร่างบางเอ่ยออกไปพลางสบตามองใบหน้าของฟลินต์ด้วยแววตาอ้อน ๆ เหมือนลูกแมวตัวน้อย
ฟลินต์นิ่งอึ้งเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความออดอ้อนของน่านฟ้า เขาผ่านผู้หญิงมาก็ตั้งมากมาย แต่มีผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตเขาที่ทำให้หัวใจของเขานั้นเต้นแรงได้อย่างบ้าคลั่ง เขาไม่เคยรู้สึกว่าหัวใจของเขามันอยู่กับตัวเลยเพราะมันคอยเต้นเร้าพาตัวเองไปอยู่กับผู้หญิงตรงหน้า
“ทำไมเอาแต่มองหน้ากูล่ะ ตกลงจะกินเหล้ากับกูไหมคะ? ” ใบหน้าสวยแสดงออกถึงความแปลกใจที่ร่างสูงเอาแต่จ้องมองใบหน้าของเธออยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ยอมพูดอะไร
และถ้าให้บอกตามตรงล่ะก็ เธอกำลังรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าของตัวเองเวลาที่ฟลินต์จ้องมองใบหน้าของเธอนาน ๆ แบบนี้
“อืม...มึงไปหยิบเหล้าในตู้แล้วไปนั่งรอกูที่ระเบียงแล้วกัน..”
“กูขอไปแต่งตัวก่อน...”
“น่ารักมากเลยค่ะเพื่อนรัก...” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างอารมณ์ดีพลางระบายยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่ฟลินต์ยอมใจอ่อนมานั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนเธอ
“รีบไปแต่งตัวเร็ว เดี๋ยวกูไปเตรียมเหล้ารอ” ฟลินต์พยักหน้ารับคำน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องเสื้อผ้าเพื่อจัดการตัวเองให้อยู่ในชุดลำลอง
1 ชั่วโมงต่อมา…
“กูรักพี่ครามจังเลยฟลินต์ กูไม่อยากเลิกกับเขาอ่า~” น่านฟ้าที่ตอนนี้กำลังเมามายไม่ได้สติ พร่ำเพ้อถึงแฟนเก่าของตัวเองไม่หยุด ใบหน้าสวยนั้นแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ร่างอรชรสมส่วนนั้นนั่งโอนเอนไปมาไม่อยู่นิ่ง ในขณะที่ฟลินต์นั่งนิ่งมองร่างบางที่พร่ำเพ้อไม่หยุดหลังจากที่กินเหล้าเข้าไปคนเดียวจนหมดกลม
และแน่นอนว่าเขาช่วยเธอกินไปยังไม่ถึงเศษเสี้ยวที่เธอกินเข้าไปเลยสักนิด
“ฟลินต์ทำไงดี..กูไม่อยากเลิกกับพี่ครามอ่าาา…”
“มันจะมีทางไหนไหมที่ทำให้เขากลับมาหากู..”
“กูไม่อยากเลิก…กูรักเขา…” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้สติ ในตอนนี้ความรู้สึกนึกคิดของเธอมันมีแต่เรื่องของแฟนเก่าที่เธอรักมากที่สุด
“เลิกบ้าบอแล้วยอมรับความจริง นั้นคือสิ่งที่มึงต้องทำ..” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปก่อนที่เขาจะวางแก้วเหล้าลงพร้อมกับหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบด้วยความเคยชิน ควันบุหรี่ลอยฟุ้งออกจากปลายจมูกโด่ง นัยน์ตาคู่คมสบมองไปที่ท้องฟ้าเบื้องหน้าที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวที่ลอยระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้า
ที่เขาให้ระเบียงเพนท์เฮ้าส์เป็นมุมโปรดของเขา เพราะมันทำให้เขาได้เห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างแจ่มชัด วันใดที่ท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยความมืดมน แต่ทว่ามันกับมีแสงจากดวงดาวที่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ส่องสว่างอะไรมากนักหากแต่ว่ามันกับงดงามในตัวของมันได้อย่างน่าประหลาดใจ
“มึงหรือว่ากูต้องมีอะไรกับพี่เขาวะ?"
"ถ้ามีอะไรกันแล้วพี่เขาอาจจะไม่เลิกกับกูก็ได้” เพราะสติที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดทำให้น่านฟ้าพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดออกมา และเพราะคำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเพลิดเพลินกับการมองดวงดาวบนท้องฟ้ารีบตวัดสายตามามองที่เธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลในทันที
“คิดบ้าอะไรอยู่?!”
“ถ้าคนมันจะเลิกต่อให้เมื่อชั่วโมงที่แล้วนอนเอากันจนเตียงแทบพัง แต่ถ้าชั่วโมงต่อมามันอยากจะเลิกก็คือเลิก เซ็กส์มันผูกมัดผู้ชายไว้ที่ตัวมึงไม่ได้หรอกน่าน!”
" ที่กูบอกมึงไป มึงไม่เข้าใจเลยเหรอไง! " เสียงทุ้มตะคอกออกไปด้วยความโมโห เขาไม่เคยคิดเลยว่าน่านฟ้าจะมีความคิดอะไรที่มันสิ้นคิดแบบนี้
น่านฟ้าที่เมามายจนแทบไม่ได้สติ ยังคงดื้อรั้นให้กับความคิดที่ไร้การตรึกตรองของตัวเอง
“ก็กูรักพี่เขานี่ จริง ๆ คนเป็นแฟนกันมีอะไรกันก็ไม่ผิดป่ะ” สันกรามของชายหนุ่มขบเข้าหากันแน่น ยิ่งเขาได้ยินเธอพูดประโยคเหล่านั้นออกมามากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกเดือดดาลมากขึ้นเท่านั้น...
ฟลินต์คว้าแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียวจนหมดหวังให้ความร้อนในอกของตัวมันทุเลาลงด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่สิ่งที่เขาคิดมันกับไม่เป็นผล เขายังคงเดือดดาลและโมโหกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมาอยู่อย่างนั้น
“มึงเลิกกินแล้วเข้าไปนอนได้แล้วไป” มือหนาเอื้อมไปแย่งแก้วเหล้าจากในมือของหญิงสาวพร้อมกับสั่งเสียงเข้ม
“อะไรอ่า~ มึงแย่งแก้วกูทำไมเนี้ย! แก้วมึงก็มีนะฟลินต์!..”
“กูบอกว่าให้พอ! พอแล้วไปนอน!”
อย่ามาเล่นกับไฟร้อน ๆ จะไม่ดี น่านฟ้าหนูเมาหนูควรนอนค่าา อย่าไปพูดอะไรที่ทำให้เพื่อนสนิทหนูเขาเดือดลู๊กก เดี๋ยวอิฟลินต์มันจะคลั่งเนอะ ดีกันได้แปบเดียวจริงๆ
เจอกันตอนต่อไปนะคะทุกคนนน ขอกำลังใจด้วยน้าาา ขอบคุณค่าาา ???