ตอนที่ 2 : ชอบหรือแค่หลง

2664 คำ
“มีเซ็กส์หรือไม่มีเซ็กส์ไม่ได้เป็นตัววัดว่าไอ้เหี้ยนั้นจะเป็นคนดีหรือไม่ดี...มึงมองตอนนี้ดีกว่าที่มึงกำลังนั่งเสียใจต่อหน้ากู!...” “หยุดโลกสวยแล้วมึงมองความเป็นจริงหน่อย ที่ผ่านมามึงช่วยเหลือเรื่องเงินแม่งไปตั้งเท่าไหร่ กี่ล้านเคยจำบ้างมั้ย? ..” “อย่าทำตัวอ่อนต่อโลกแบบนี้น่าน ทำตัวให้มันสมกับที่เป็นมึงหน่อย...อย่าหลงผู้ชายหัวปักหัวปำแบบนี้!” ร่างสูงเอ่ยออกไปอย่างเริ่มควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ เขากำลังโมโหเธอจนเลือดแทบขึ้นหน้าและเขากำลังจะเป็นบ้าที่เธอเอาแต่ปกป้องผู้ชายคนนั้น...ฟลินต์สบมองร่างบางตรงหน้าด้วยแววตาที่เริ่มแข็งกร้าวจนน่ากลัว บรรยากาศภายในวงเหล้าเริ่มอึมครึมและเต็มไปด้วยความอึดอัดขึ้นมาทันที “มึงโมโหอะไร? พูดกันดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์แบบนี้เลย!” ร่างบางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตาคู่สวยจ้องเขม็งมองใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบว่าทำไมเขาต้องดูโมโหมากมายขนาดนี้ “ใจเย็นน่า...ไม่ต้องเดือดกันขนาดนั้นก็ได้มั้ง...” มิวนิค ที่ยืนเงียบสูบบุหรี่อยู่น่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พลางปรายสายตาสลับมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ดูเหมือนจะเริ่มเปิดสงครามน้ำลายขนาดย่อม ฟลินต์ไม่ได้สนใจในคำพูดที่มิวนิคเอ่ยขึ้นเลยสักนิด ในตอนนี้สายตาของเขาเอาแต่จับจ้องไปที่ร่างบางตรงหน้าที่กำลังเชิดหน้าเชิดตาแสดงความดื้อรั้นใส่เขาไม่หยุด “มึงก็ดูฟลินต์ดิมิว ไม่เคยมีเหตุผลอะไรเลย!..” “ก็ถ้ามึงมั่นใจในตัวไอ้ครามมากขนาดนั้น ถ้ามึงมั่นใจว่าที่มันมาบอกเลิกมึงเป็นเพราะพ่อมึงสั่ง” “มึงก็ตามไปง้อมันดิ!...” “ไปขอร้องอ้อนวอนให้พี่ครามคนดีเหี้ย ๆ ของมึงกลับมาซบอกมึงซะ...” ฟลินต์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความถากถาง น่านฟ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจหนักกว่าเก่าที่ฟลินต์พูดจากระแทกแดกดันเธอไม่หยุด “ไม่ต้องบอกกูก็ทำแน่ค่ะ กูไม่ยอมเสียพี่ครามไปแบบนี้หรอก...” “ก็ไปดิ มานั่งเพ้อถึงแม่งทำไมนัก!” “มึงมันใจแคบฟลินต์ มึงไม่เคยเข้าใจหรือยอมรับความคิดกูเลยสักอย่าง!” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างต้องการประชดประชันพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความรวดเร็ว มือเรียวคว้ากระเป๋าสะพายแบรนด์หรูที่วางอยู่บนเบาะขึ้นมาก่อนที่เธอจะก้าวเท้าเดินออกไปจากวงเหล้าในทันที ฟลินต์มองตามร่างบางไปด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่ทว่าสันกรามของเขาเริ่มขบเข้าหากันอย่างรู้สึกเข่นเขี้ยวอยู่ภายในใจที่เขาไม่สามารถพูดหรือทำอะไรได้มากไปกว่านี้ “งอนไปแล้วเรียบร้อย” ดัสตินเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันอาการของเพื่อนสาวคนเดียวของกลุ่ม ฟลินต์กระแทกลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะกระดกเหล้าจากแก้วในมือรวดเดียวจนหมด ปึก!! แก้วเหล้าในมือหนาถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนส่งเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง ถ้าแรงกว่านี้มีหวังแก้วใบใสคงแตกละเอียดคามือของชายหนุ่ม...มิวนิค ทายาทลำดับที่ 2 ของตระกูลมาเฟียอย่างเบทริค ยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ อย่างรู้ทันอาการของเพื่อนรัก อาการของฟลินต์ในตอนนี้เด็กอนุบาลยังมองกันออกว่าเขากำลังรู้สึกอะไร จะมีก็เพียงหญิงสาวอย่างน่านฟ้าที่ไม่เคยจะดูออกว่าฟลินต์นั้นแทบเป็นบ้าเพราะเธอมากแค่ไหน “หึงก็พูดไป อมไว้ในปากใครมันจะไปรู้...” มิวนิคเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มยียวนชวนให้อารมณ์ของฟลินต์ปะทุเดือดยิ่งกว่าเก่า ฟลินต์ตวัดสายตาไปมองหน้าเพื่อนรักอย่างมิวนิคอย่างเอาเรื่อง...จะให้เขาพูดว่าอย่างไรในเมื่อคำว่าเพื่อนสนิทมันค้ำคอเขาอยู่ตลอดเวลา และด้วยตัวเขาเองก็ไม่อยากล้ำเส้นเกินคำว่าเพื่อนกับหญิงสาว และที่สำคัญไปกว่านั้นเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขารู้สึกต่อน่านฟ้ามาตลอดนั้นมันคือความรักที่เขารักเธอด้วยใจจริง หรือว่าแค่หลงใหลในความงดงามของเธอจนอยากได้ตัวเธอนั้นมาครอบครอง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เป็นเพื่อนกันมา เขาพยายามอดกลั้นและกักเก็บความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อน่านฟ้าให้อยู่ในส่วนลึกก้นบึ้งของหัวใจ แต่ทว่ายิ่งนานวันความรู้สึกที่เขาพยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้กับค่อย ๆ แสดงตัวตนออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ... หัวใจของเขามันเริ่มไม่รักดี มันคอยตะโกนบอกว่าอยากได้หญิงสาวมาครอบครองไว้เป็นสมบัติส่วนตัวและหวงแหนที่จะมีชายใดมาแตะต้องเธอ... “ถ้ามึงจะข้ามเส้นคำว่าเพื่อน ก็ไม่มีใครห้ามมึงนะ..” “กูจะยอมให้มึงทำผิดกฎของกลุ่มเรา แค่มึงยอมรับออกมาตรง ๆ ว่ามึงชอบน่านฟ้า..” มาเฟียหนุ่มอย่างมิวนิคยังคงพูดจาลองเชิงฟลินต์ไม่หยุด ฟลินต์ถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดที่มิวนิคชอบพูดถึงกฎของกลุ่มที่พวกเขาตกลงกันไว้ตั้งแต่ที่มีน่านฟ้าเข้ามาอยู่ในกลุ่มจนทุกคนสนิทกัน...ด้วยความที่น่านฟ้าเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยงามไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตา ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณหรือแม้แต่รูปร่างที่สมส่วนของเธอมันล้วนแล้วสมบูรณ์แบบไปเสียหมด และเธอก็ยังมีแรงดึงดูดบางอย่างที่มักจะทำให้ผู้คนหลงใหลในความงดงามของเธอได้ง่าย ๆ โดยที่เธอไม่ต้องออกแรงทำอะไร และเพราะแบบนั้นพวกเขาทั้ง 3 คนเลยตั้งกฎของกลุ่มขึ้นมาว่า จะไม่มีใครล้ำเส้นคิดเกินเลยกับน่านฟ้า หรือถ้ามีใครสักคนที่คิดก็เก็บมันเอาไว้ในใจห้ามทำผิดกฎล้ำเส้นคำว่าเพื่อนอย่างเด็ดขาด ซึ่งตอนแรกเขาก็เห็นดีเห็นงามกับกฎนี้แต่พอนานวันยิ่งเขาได้ใกล้ชิดกับน่านฟ้ามากเท่าไหร่ ความรู้สึกที่เขามีต่อน่านฟ้าก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นจนเขาเริ่มจะควบคุมมันไม่อยู่หรือเก็บอาการไม่ได้ “นี่มึงอยากจะสิ้นสุดทางเพื่อนกับไอ้น่านมันเหรอวะ?” คราวนี้เป็นดัสตินที่เอ่ยแซวขึ้นด้วยอารมณ์ขัน ฟลินต์ตวัดสายตาไปมองดัสตินที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ก่อนที่ปลายเท้ายาวจะกระแทกเข้าที่หน้าแข้งของดัสตินอย่างแรง ปึก!! “ไอ้เหี้ยฟลินต์ กูเจ็บ! มึงจะเตะขากูทำห่าอะไร!..” “ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดจากวนส้นตีนกู ต่อไปปากมึงได้แตกเพราะตีนกูแน่” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปอย่างเอาเรื่องก่อนที่เขาจะตวัดสายตากลับมามองมิวนิคที่ยังคงนั่งยกยิ้มที่มุมปากด้วยความชอบใจที่พูดจี้ใจดำเขาได้ “มึงก็อีกคน เลิกพูดอะไรแบบนี้ซะเพราะกูไม่ได้คิดอะไรกับน่าน” “ก็มึงทำตัวเหมือนคนกำลังหึง..” “กูแค่ไม่ชอบที่น่านมันหลงไอ้เหี้ยนั้นจนไม่ฟังใครเลย” ปากพูดไปอย่างนั้นแต่เสียงหัวใจกับสวนทางมันเต้นเร้าตะโกนบอกว่าเขาหึงและหวงเธอจนแทบบ้า “ไม่เกี่ยวมั้ง มึงดูหงุดหงิดเวลาที่น่านไม่เชื่อฟังมึงมากกว่า...” มิวนิคเอ่ยออกไปอย่างรู้ทัน พลางยักคิ้วใส่ฟลินต์คล้ายกับต้องการยั่วอารมณ์ของเพื่อนรัก “ถ้าพูดอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ก็เก็บปากมึงเอาไว้ดูดนมเด็กมึงคืนนี้ซะ” เสียงทุ้มต่ำของฟลินต์เอ่ยออกไปด้วยความโมโห แต่ดูเหมือนว่ายิ่งฟลินต์แสดงอาการว่ากำลังหงุดหงิดมากแค่ไหน...เพื่อนรักอย่างมิวนิคก็ยิ่งชอบใจที่นาน ๆ ทีจะได้เห็นอาการหึงหวงของฟลินต์ที่กำลังแสดงออกมาอย่างปิดไม่มิดเหมือนทุกครั้ง “ฮึ..งั้นถ้ามึงช้า..” “กูอาจจะทำผิดกฎของกลุ่มเองก็ได้นะ” “ช่วงนี้กูยิ่งรู้สึกหวั่นไหวกับน่านเป็นพิเศษด้วยดิ...” มิวนิคเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ทว่าน้ำเสียงของเขายังคงแฝงไปด้วยความยั่วโมโห...ฟลินต์ตวัดสายตามองใบหน้าของเพื่อนรักอย่างมิวนิคในทันที เขาไม่รู้ว่าที่มิวนิคพูดออกมาแบบนี้เป็นเพราะต้องการที่จะยั่วโมโหเขา หรือว่ามิวนิคตั้งใจจะทำอย่างที่พูดจริงๆ “มึงอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ทำไป...” ฟลินต์พยายามควบคุมสีหน้าและน้ำเสียงของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด แต่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่านัยน์ตาของเขาที่ใช้มองเพื่อนรักอย่างมิวนิคมันแทบจะมีเปลวเพลิงลุกอยู่ภายในดวงตา “ได้ดิ...” มิวนิคขานรับพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากด้วยความชอบใจ ฟลินต์ขบกรามตัวเองแน่นก่อนจะขยับกายลุกขึ้นยืน “แล้วนั้นมึงจะไปไหน? ..” ดัสตินเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฟลินต์กำลังก้าวเท้าเดินออกจากวงเหล้า...ร่างสูงเบือนหน้ากลับมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย “กลับคอนโด กูนัดเด็กไว้...” ฟลินต์เอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปในทันที ดัสตินกับมิวนิคหันหน้าสบตากันอย่างรู้ทันอาการของเพื่อนรักอย่างฟลินต์ พวกเขาดูออกกันตั้งแต่แรกแล้วว่าฟลินต์นั้นหลงรักน่านฟ้ามาตลอด แต่มันติดตรงที่คนที่เห็นดีเห็นงามให้ตั้งกฎห้ามหลงรักน่านฟ้าขึ้นมาก็คือตัวของฟลินต์เองนั่นแหละ ในขณะที่อีกด้าน... ร่างบางที่ขับรถคันหรูของตัวเองมาจอดที่หน้าบ้านของอดีตแฟนหนุ่ม น่านฟ้านั่งนิ่งอยู่ภายในรถนัยน์ตาคู่สวยมองผ่านกระจกรถเข้าไปยังบ้านสีโทนอ่อนที่ตัวบ้านนั้นดูเหมือนว่าจะขนาดเล็กกว่าบ้านของเธอหลายเท่าตัว แต่ทว่าทุกครั้งที่เธอได้มาที่นี่เธอกับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่เธอแทบจะไม่เคยได้รับเลยในบ้านหลังใหญ่โตของเธอ มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา กดโทรออกเบอร์ของผู้ชายที่เธอนั้นรักจนหมดหัวใจ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามโทรมากแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่าปลายสายจะกดรับสายเธอเลย “จะไม่รับสายน่านหน่อยหรอพี่คราม...” “เราจะเลิกกันแบบนี้ จริง ๆ เหรอคะ” เสียงหวานพึมพำออกมาอย่างสิ้นหวัง หัวใจดวงน้อยราวระบมไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ เธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้เลยจริง ๆ วันที่ครามเลือกที่จะปล่อยมือเธอไป... ณ เพนท์เฮ้าส์ฟลินต์ ภายในห้องพักสุดหรูใจกลางเมืองหลวงบนเตียงนอนคิงไซส์มีสองหนุ่มสาวร่างกายเปลือยเปล่ากำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอย่างเพลิดเพลิน องศาภายในห้องนั้นมันเร่าร้อนมากเสียจนเครื่องปรับอากาศภายในห้องแทบทำความเย็นไม่ทัน “อ่า…อย่างนั้น…” เสียงทุ้มต่ำครางกระเส่า มือหนาเลื่อนลงต่ำขยุ้มเรือนผมสวยของหญิงสาวที่กำลังใช้ปากชักรูดท่อนเอ็นขนาดใหญ่ของเขาพร้อมกับดูดเลียมันราวกับไอติมแท่งโปรด… ใบหน้าหล่อเหล่าชวนสะกดเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ ในขณะที่หญิงสาวร่างกายเปลือยเปล่ากำลังทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความเต็มอกเต็มใจที่ได้ใช้เรียวปากของตัวเองนั้นครอบครองท่อนเอ็นขนาดใหญ่ของหนุ่มหล่อตรงหน้า “โคตรเสียว…” “อึก อึก อึก!” เรียวปากของสาวพริตตี้ยังคงชักรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช่ำชอง เสียงทุ้มต่ำที่กำลังครางกระเส่าสร้างความฮึกเหิมให้เธอได้เป็นอย่างดี ฟลินต์ ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันพลางลดสายตาลงต่ำมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังชักรูดแท่งเอ็นของเขา ฉับพลันภาพตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็น หญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึง เขากำลังเผลอจินตนาการไปว่าหญิงสาวที่กำลังใช้ปากชักรูดท่อนเอ็นของเขาคือ น่านฟ้า และพอคิดแบบนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะแตกดับในทันที ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!! แต่แล้วบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนก็ต้องหยุดลงเมื่อเสียงกริ่งหน้าประตูห้องพักนั้นดังขึ้นถี่รัวและไม่มีถี่ท่าว่าจะหยุดได้ง่ายๆ .. “แม่งเอ๊ย! “เสียงทุ้มสบถออกอย่างหัวเสีย ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกชัดถึงความหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์ที่มีคนมาขัดจังหวะเวลาสำคัญของเขาในตอนนี้ เพราะอีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะเสร็จแล้ว! “ให้ต่อมั้ยคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่เสียดายไม่ต่างกัน เพราะเธอยังไม่ได้ส่งเจ้าแท่งเอ็นร้อนขนาดไซส์ 58 เข้าไปภายในร่องรักของเธอเลย… “ไม่ต้อง เธอไปแต่งตัวซะ!” “ตะ แต่ว่าเรายังไม่ได้…” “ฉันบอกให้ไปแต่งตัวไง!!” ฟลินต์ตะคอกเสียงดังด้วยความหงุดหงิด สาวพริตตี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งตัวหน้าถอดสีก่อนจะลนลานรีบคว้าเสื้อผ้าของตัวเองไปแต่งตัวในห้องน้ำ… เจ้าของใบหน้าหล่อเหล่าที่กำลังแสดงสีหน้าชัดเจนว่าเขากำลังหัวเสียมากแค่ไหน เดินไปคว้าชุดคลุมสีดำมาสวมใส่เพื่อปิดบังร่างกายกำยำที่เปลือยเปล่าของตัวเองก่อนจะเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดไปที่ประตูห้องพัก… ไม่ต้องเปิดกล้องดูก็รู้ว่าคนที่กล้าบุกลุกพื้นที่ส่วนตัวเขายามวิกาลแบบนี้มีแค่ไม่กี่คนในชีวิตของเขา ไม่แม่ผู้บังเกิดเกล้า ก็น่านฟ้าเพื่อนสนิทของเขาเอง.. “ทำไมเปิดช้า?” ทันทีที่บานประตูนั้นถูกเปิดออก ร่างบางเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เธอเองก็พอจะรู้ว่าที่ฟลินต์เดินมาเปิดประตูให้เธอช้าเป็นเพราะเขากำลังทำกิจกรรมอย่างว่ากับคู่ขาที่เขานัดมา… “กูเอากับผู้หญิงอยู่…” “มึงไปทำต่อให้เสร็จก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น…” ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะที่เธอพาตัวเองมาหาฟลินต์ที่ห้องพักในเวลาแบบนี้ เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอจะไปไหนมากกว่า… หญิงสาวถือวิสาสะเดินแทรกตัวผ่านร่างสูงเข้าไปภายในห้อง ชายหนุ่มมองตามหญิงสาวไปเพียงนิดก่อนที่เขาถอนหายใจออกมา… “สิ่งที่มึงต้องทำคือกลับบ้านของตัวเอง ไม่ใช่มาวุ่นวายที่ห้องกูแบบนี้น่าน…” ฟลินต์เอ่ยออกไปอย่างพยายามข่มอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิด เขาทั้งหงุดหงิดทั้งอึดอัดที่ตัวเขาไม่ได้ปลดปล่อยเพราะมันอีกแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นแต่ทุกอย่างก็ต้องดับลงเพราะร่างบางตรงหน้า เพื่อนในกลุ่มก็ปั่นเก่งมากเลยค่า โดยเฉพาะอิพี่มิวนิคคนเลวในตำนานของเรา แต่ใด ๆ เพื่อนในกลุ่มที่เจอน่านฟ้าครั้งแรกก็คือหลงในความสวยของน่านฟ้ากันแทบทุกคนเลยต้องตั้งกฎขึ้นมา ?? ไรท์ลืมแจ้งอีกเรื่องค่าา เรื่องนี้ในช่วงต้นเรื่องไรท์จะเล่าเป็นพาร์ทของอดีตซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของน่านฟ้ากับฟลินต์นะคะแล้วค่อยกลับมาเป็นพาร์ทปัจจุบัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม