“ฟะ ฟลินต์..ฟลินต์พอแล้ว...” น่านฟ้าที่ยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจรีบเดินเข้าไปจับแขนฟลินต์เอาไว้พร้อมกับเอ่ยเรียกสติเขา เธอไม่คิดว่าฟลินต์จะมีอารมณ์รุนแรงได้ถึงขนาดนี้
“หลบไปน่าน...กูจะสั่งสอนไอ้สวะนี่!!..” ฟลินต์เอ่ยเสียงเหี้ยมในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ครามอย่างไม่คิดละสายตา และไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ร่างสูงก็จัดการกระชากคอเสื้อของครามให้เดินตามเขาออกไปที่ด้านนอกของคลับ
น่านฟ้าที่ได้สติกลับคืนมาทุกอย่างก็รีบวิ่งตามไป เธอไม่ได้เป็นห่วงครามแต่เธอกับเป็นห่วงฟลินต์เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่มันสิ้นคิดลงไป ทั้งมิวนิคและดัสตินต่างก็รีบวิ่งตามไปเพราะเกรงว่าหญิงสาวตรงหน้าจะโดนลูกหลงจากแรงอารมณ์ที่น่ากลัวของฟลินต์ เพราะทั้งกลุ่มมีน่านฟ้าเพียงคนเดียวที่ยังไม่เคยเห็นด้านมืดของฟลินต์เวลาที่เขาโมโหจนเดือดจัดแล้วคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้
ฟลินต์จัดการลากครามออกมาที่ลาดจอดรถ พร้อมกับจัดการใช้ปลายเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องของครามเต็มแรงจนตัวของครามนั้นกระแทกลงที่พื้นคอนกรีต
ปึก!
เป็นอีกครั้งที่ฟลินต์ยกเท้าของตัวเองพร้อมกับกระแทกไปที่กลางอกของครามเต็มแรงจนครามร้องออกมาด้วยความจุกระบมที่กลางอก นัยน์ตาคู่คมของฟลินต์ที่สบมองผู้ชายที่อยู่ใต้เท้าแทบลุกเป็นไฟเขายังคงใช้เท้ากระแทกลงซ้ำ ๆ ที่กลางอกของครามด้วยอารมณ์ที่เดือดดาลยากที่จะสงบ
“ฟลินต์! ฟลินต์พอแล้วนะ พอแล้ว..” น่านฟ้ารีบถลาตัวเข้าไปกอดเอวของฟลินต์เอาไว้จากทางด้านหลังเธอพยายามรวบรวมแรงที่มีดึงรั้งชายหนุ่มเอาไว้ แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันนั้นทำให้เธอไม่สามารถหยุดยั้งชายหนุ่มตรงหน้าด้าน
“มึงอยากตายคาตีนกูมากเลยใช่ไหม!! กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้น่านเสียใจ!!!”
“วันนี้มึงทำเหี้ยอะไร!!...” เสียงทุ้มตวาดดังลั่นกังวานไปทั่วบริเวณหน้าคลับ ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างส่งเสียงฮือฮาด้วยความตื่นตกใจ...
เช่นเดียวกับน่านฟ้าที่เธอพึ่งเคยได้เห็นอีกมุมหนึ่งของฟลินต์ มุมที่เธอเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“มึงเงียบทำเหี้ยอะไร!! มึงไม่มีปากแล้วเหรอไง!!” ฟลินต์เอ่ยเสียงเหี้ยมพร้อมกับยกเท้าออกจากอกก่อนจะย่อตัวลงไปกระชากคอเสื้อของครามที่ยังคงนอนเจ็บอยู่ที่พื้น...
“มึงหยุดเลยไอ้สัส! อย่าทำอะไรคราม!!...”
“ถ้ามึงจะทำร้ายใครก็มาทำที่กู!!..” ทิม รีบวิ่งเอาตัวเองมาป้องครามเอาไว้ น่านฟ้ามองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด คงไม่ต้องมีคำตอบอะไรยืนยันความชัดเจนหรอก เพราะตอนนี้ภาพตรงหน้ามันเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้วว่าครามรักผู้ชายอีกคน ไม่ได้รักเธอ
“ทิมมึงอย่า ออกไปเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึง...” ต่างฝ่ายต่างพยายามปกป้องคนที่ตัวเองรัก ฟลินต์มองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคั่งแค้น ถ้าหากว่าผู้ชายทั้งสองคนตรงหน้ารักกัน แล้วที่ผ่านมาที่ครามมาคบกับน่านฟ้ามันหมายความว่าไง...
“มึงสองคน รักกันใช่ไหม?!...”
“เงียบทำเหี้ยไร!! พูดออกมาดิวะ!!...” ไม่พูดเปล่า ฟลินต์ใช้มือเอื้อมไปกระชากแขนของทิมเอาไว้อย่างแรงจนครามส่งเสียงร้องห้ามพร้อมกับพยายามจะลุกขึ้นแต่มันก็เป็นไปด้วยความลำบากเพราะเขาถูกฟลินต์ทำร้ายจนไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืน
“เออ!! กูกับครามรักกัน รักกันมาก่อนที่น่านจะเข้ามาจีบครามซะอีก!!” ทิมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาด้วยความโมโหเพราะเขากำลังโกรธที่คนรักของเขาอย่างครามถูกทำร้ายรุนแรงขนาดนั้น
“กูจะบอกอะไรให้นะ เพื่อนของมึงมันโง่ไง หลงผู้ชายจนโงหัวไม่ขึ้น! ใครเตือนใครห้ามเหี้ยอะไรก็ไม่ฟัง!!”
“ครามจะหลอกเอาอะไร จะพูดอะไรเพื่อนของมึงก็เชื่อแม่งทุกอย่าง!!..กูจะบอกให้นะข้าวของทุกชิ้นที่เพื่อนของมึงซื้อมาให้ผัวกูอ่ะ ผัวกูก็เอามาให้กูหมดนั่นแหละ”
“เงินก็เหมือนกัน! เงินทุกบาทที่น่านมันให้ครามมา ครามก็เอามาให้กู! ไม่ได้เอาไปให้พ่อกับแม่อย่างที่หลอกเพื่อนมึง!!”
“เพื่อนของมึงอ่ะ มันมีดีแค่สวย! สวยแต่โง่! ให้พวกกูสองคนหลอกได้ตั้งนาน!!..”
“อยากได้ผัวกูเป็นผัว แต่ก็ไม่ได้สักที เพราะผัวกูไม่เอาชะนีอย่างมัน!!...” คำพูดของทิมไม่ต่างอะไรกับอาวุธร้ายที่กำลังทำร้ายจิตใจของน่านฟ้าจนไม่เหลือชิ้นดี...ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากบางอมชมพู ร่างกายของหญิงสาวมันชาไปหมดทุกสัดส่วน เธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่เง่าขนาดนี้มากก่อนเลยจริงๆ
“ไม่เป็นไรน่าน..” มิวนิคเอ่ยออกไปอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนสาวเพียงคนเดียวก่อนที่เขาจะเคลื่อนมือไปโอบไหล่ของหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับลูบเบา ๆ ใจของเขาอยากจะกระทืบผู้ชายสองคนตรงหน้าให้ย่อยยับคาปลายเท้าของเขา แต่เขาก็คิดได้ว่าแค่ฟลินต์เพียงคนเดียวสองคนนี้ก็มีสิทธิ์ได้ไปนอนหยอดข้าวที่โรงพยาบาลแล้ว
“วอนหาเรื่องตายคาตีนไอ้ฟลินต์ฉิบหาย..” ดัสตินเอ่ยออกไปพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างสมเพชในชะตากรรมของผู้ชายสองคนตรงหน้าในไม่ช้านี้
“พวกมึงนี่เศษสวะฉิบหายเลยว่ะ หลอกใช้ความรักของผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อปรนเปรอชีวิตที่บัดซบจมดินของตัวเอง”
“เลวระยำกันฉิบหาย..” ฟลินต์เอ่ยเสียงเหี้ยมพลางแสยะยิ้มร้าย นัยน์ตาคู่คมจ้องมองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาคนตรงหน้า
“ช่วยไม่ได้ ก็เพื่อนมึงมันอยากโง่อะ”
ผัวะ!!! ปึก!!!!
ไม่ต้องรอให้ผู้ชายตรงหน้าพูดจบ ฟลินต์ก็จัดการซัดเข้าที่ใบหน้าของทิมด้วยหมัดหนัก ๆ ของเขาในทันที ตามด้วยปลายเท้าที่ใช้ถีบเข้ากลางลำตัวจนทำให้ทิมเสียหลักล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นกับคนรักอย่างคราม
“พวกมึงรักกันมากใช่ไหม? ..”
“ถ้ารักกันมาก็กอดคอลงไปรักกันต่อในนรกแล้วกัน!!..” สิ้นเสียงเหี้ยมของฟลินต์ ผู้ชายสองคนตรงหน้าก็ถูกกระทืบด้วยเท้าหนักๆ ของฟลินต์โดยไม่มีใครเข้ามาช่วยหรือห้ามปรามเลยสักคน ผู้คนต่างพากันมุงดูแต่ไม่มีใครคิดจะเข้ามายุ่งกับเรื่องแบบนี้
“ฟลินต์! ฟลินต์พอแล้วเดี๋ยวพวกเขาตาย!..”
“ฟลินต์พอเถอะนะ พอนะ!.” น่านฟ้ารีบถลาตัวเข้าไปกอดเอวของฟลินต์เอาไว้แน่นพร้อมร้องบอกให้เขาหยุดการกระทำที่รุนแรงแบบนั้น เธอไม่ได้ต้องการให้มีใครต้องถูกทำร้ายจนเกือบตาย และเธอไม่ต้องการให้ฟลินต์ต้องทำอะไรแบบนี้เพื่อเธอ
“หลบไปน่าน!!..กูจะเอาเลือดชั่วพวกแม่งออก!!”
“ไม่เอานะฟลินต์ ไม่เอานะ! อย่าทำพวกเขาเลย”
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ น่านไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ..” หญิงสาวยังคงกอดตัวชายหนุ่มเอาไว้แน่นพร้อมกับร้องบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือคล้ายกับคนที่กำลังจะร้องไห้ และมันก็เป็นอย่างนั้นหยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอรอบดวงตาคู่สวยของหญิงสาว มือเรียวกระชับอ้อมกอดที่เอวของฟลินต์ให้แน่นขึ้น
และเพราะการกระทำนั้นของหญิงสาวทำให้ฟลินต์ได้สติ เขาหยุดการกระทำที่รุนแรงทุกอย่างก่อนจะหันมามองร่างบางที่ยังคงกอดเขาไม่ยอมปล่อย หยดน้ำตาสีใสเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของผู้หญิงที่เขานั้นหลงรักมาตลอด
“พอเถอะนะ ฮึก เรากลับกันเถอะนะฟลินต์...”
“น่านไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว..” สรรพนามที่เปลี่ยนไปบ่งบอกได้ในทันทีว่าตอนนี้หญิงสาวข้างกายเขากำลังอ่อนแอมากแค่ไหน ทุกครั้งที่น่านฟ้ารู้สึกเจ็บปวดจากเรื่องอะไรที่มากระทบจิตใจของเธอ เธอจะไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่อ่อนต่อโลกและต้องการที่พักพิง
“พาน่านกลับกันเถอะมึง แค่นี้ไอ้สองตัวนี้ก็เละไปทั้งตัวแล้ว..” มิวนิคเดินมาตบไหล่ฟลินต์เบา ๆ พลางปรายตามองผู้ชายสองคนที่กำลังลนลานตะเกียกตะกายช่วยพยุงกันลุกขึ้นแต่มันก็ทุลักทุเลไม่น้อย
" กลับกันเถอะนะฟลินต์ พาน่านออกไปจากตรงนี้เถอะนะ.." ร่างบางเอ่ยขอร้องออกไปอีกครั้ง ฟลินต์นิ่งอึ้ง อารมณ์ที่เดือดดาลเมื่อก่อนหน้านี้ค่อย ๆ จางหายไปหลงเหลือเอาไว้เพียงความเป็นห่วงที่มีต่อหญิงสาวข้างกายที่กอดเขาไม่ยอมปล่อย
ลมหายใจอุ่นร้อนถูกส่งออกมาจากปลายจมูกโด่งอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหันกลับไปโอบตัวร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอกเพื่อปลอบโยนความรู้สึกของเธอในตอนนี้
"ขอโทษนะถ้าทำให้เธอกลัว.." เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกผิดอยู่ภายในใจที่เขาแสดงด้านมืดที่สุดแสนจะร้ายกาจของตัวเองออกมา
เพนท์เฮ้าส์ฟลินต์
หลังจากที่น่านฟ้าได้รู้ความจริงทุกอย่าง ฟลินต์ก็พาเธอกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวของตัวเองโดยที่มีดัสตินและมิวนิคตามกลับมาด้วย...น่านฟ้าเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า แตกต่างจากความคิดของเธอที่มันกำลังตีรวนผสมปนเปไปด้วยเรื่องราวมากมาย เริ่มตั้งแต่ที่ครามเข้ามาจีบเธอ จนเธอกับเขาคบกัน และจนเธอกับเขาเลิกกัน มันมีคำถามเกิดขึ้นภายในใจว่าที่ผ่านมาครามหลอกเธอแบบนี้ทำไมกัน
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรจะรู้สึกอะไร เสียใจ เจ็บปวด หรือต้องโกรธแค้นที่เขามาหลอกลวงเธอแบบนี้
“กูดูโง่มากเลยใช่ไหม ที่โดนเกย์หลอกได้...” หญิงสาวเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกสมเพชให้กับชีวิตตัวเองในตอนนี้ รู้ไปถึงไหนก็คงอายไปถึงนั้นว่าเธอถูกเกย์หลอกให้รัก ทุ่มเทให้เขาทุกอย่างแต่ที่ได้กลับมาคือความหลอกลวง และเขาไม่เคยรักเธอ ไม่เคยเลยสักครั้ง
น่าสมเพชสิ้นดีกับชะตาชีวิตแบบนี้
“คิดอะไรแบบนั้น..มึงจะด่าจะว่าใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ตัวเอง” ดัสตินเอ่ยพลางเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังน่านฟ้าก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของเธอพร้อมกับโยกไปมาเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
น่านฟ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาของตัวเองขึ้นมา เธอโกรธโกรธที่ตัวเองถูกหลอกได้ง่ายขนาดนี้ นัยน์ตาคู่สวยเริ่มพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอล้อมรอบดวงตา เธอไม่ได้อยากอ่อนแอ ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงเจ้าน้ำตาที่ต้องมาร้องไห้ให้กับเรื่องราวความรักที่น่าสมเพชแบบนี้
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่าเธอนั้นทั้งเสียใจและเจ็บปวดที่โดนคนที่ตัวเองรักทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ ที่เขาเข้าหาเธอ ทำดีกับเธอทุกอย่าง ทุกการกระทำเหล่านั้น เขาทำเพราะหวังผลประโยชน์เพื่อให้ชีวิตของเขานั้นสุขสบายและเธอก็หลงเชื่อเขาได้อย่างง่ายดายโดยไม่คิดเฉลียวใจเลยสักนิด
“ฮึก...กูอายอ่ะติน กูอายมากจริง ๆ นะ..”
“มันดูเหมือนกูโง่มากเลยที่โดนคนแบบนั้นหลอกมาได้ตั้งนาน ฮึก” น้ำเสียงสั่นเครือหลุดออกไปจากริมฝีปากบาง น่านฟ้าร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้นความเจ็บช้ำนี้เอาไว้ไม่ไหว
เธอทั้งเสียใจ ทั้งอับอาย ความรู้สึกมันผสมปนเปไปหมด
“มึงไม่ได้โง่ มึงแค่ไม่รู้…” ดัสตินเอ่ยออกไปด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของกลุ่ม ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาไปมองฟลินต์และมิวนิคที่ยังคงนั่งนิ่ง ปล่อยให้ร่างบางได้ระบายความรู้สึกออกมาอยู่อย่างนั้น
ฟลินต์ นั่งเงียบมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งงันก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา ภายในใจก็รู้สึกโล่งที่หญิงสาวหลุดพ้นจากคนเลวอย่างนั้น แต่ทว่าอีกความรู้สึกหนึ่ง เขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของเธอเลยสักนิด...
“การที่มึงพยายามที่จะเป็นคนรักที่ดีไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไอ้เหี้ยนั้นตั้งหากที่เลว มันเลวที่มันเข้ามาหลอกใช้ความรักของมึง…”
“ไม่ต้องโทษตัวเอง…ชีวิตคนเราเกิดมามันไม่ได้เก่งกันไปหมดทุกเรื่องหรอก” มิวนิคเอ่ยขึ้นพลางเลื่อนมือไปลูบที่หลังของหญิงสาวอย่างปลอบโยนความรู้สึกที่บอบช้ำของเธอ มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพวกเขาเหมือนกันที่ต้องมานั่งปลอบใจน่านฟ้าแบบนี้ ด้วยความที่พวกเขาเป็นผู้ชายและทั้งกลุ่มมีน่านฟ้าเพียงคนเดียวที่เป็นผู้หญิงมันเลยเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพวกเขาที่ต้องคิดหาคำพูดมาปลอบใจหญิงสาว
“ทุกคนแม่งก็ต้องผ่านเรื่องราวแย่ ๆ กันมาทั้งนั้น อย่าไปจมเลยว่ะ ปล่อยแม่งไป”
“เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เสียใจวันนี้ให้พอแล้วพรุ่งนี้ก็เริ่มต้นกันใหม่...มันไม่ใช่ความรักครั้งสุดท้ายที่มึงต้องเจอหรอก” ดัสตินเอ่ยย้ำอีกครั้งพลางตบลงที่ไหล่มนเบา ๆ เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นน่านฟ้าร้องไห้ออกมาแบบนั้น เพราะมันน้อยครั้งที่พวกเขาจะได้เห็นหยาดน้ำตาของเธอแบบนี้
แต่สิ่งที่พวกเขารับรู้ได้คือ วันนี้หญิงสาวนั้นอ่อนแอ อ่อนแอมากจริงๆ
“มึงงง มันน่าอายมากจริง ๆ นะ ถ้ามีคนอื่นรู้ว่ากูคบเกย์ตั้ง 3 ปี พวกเขาคงหัวเราะกูแน่ ๆ เลยที่ถูกหลอกตั้งนานขนาดนั้น ฮึก” น่านฟ้าพรั่งพรูคำพูดมากมายออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจ รักก็ส่วนหนึ่ง แต่ตอนนี้เธอกับรู้สึกอับอายขายขี้หน้าตัวเองมากกว่าที่ไปรักผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอ
“ถ้าพ่อรู้ พ่อต้องสมน้ำหน้ากูแน่ ๆ เลย เขาต้องสมน้ำหน้ากูแน่ ๆ เลยพวกมึง ฮึก..” มือเรียวขึ้นมากุมใบหน้าของตัวเองไว้อย่างคิดไม่ตกว่าถ้าผู้เป็นพ่อรู้เรื่องนี้เข้าจะต่อว่าเธอหนักขนาดไหนที่ไม่เคยเชื่อคำเตือนของท่าน
“สนใจอะไร? มีสติหน่อยน่านต้องมีคนพูดอีกกี่คนมึงถึงจะรู้ตัวว่าเรื่องนี้มึงไม่ได้ผิดอะไร”
“แล้วที่มึงกลัวว่าพ่อของมึงจะต่อว่าหรือซ้ำเติมมึงในเรื่องที่มึงเจ็บปวดเสียใจมา มึงคิดว่าคนเป็นพ่อเขาจะทำเหรอไงในเมื่อเขารักมึงมากกว่าชีวิตของเขา”
“มึงเลิกอคติกับพ่อ แล้วมองให้เห็นถึงความเป็นห่วงของเขาที่มีหน่อย”
“คนที่รักมึงที่สุด ก็คือพ่อของมึงเอง…ต่อให้สุดท้ายมึงจะทะเลาะกับเขาหนักแค่ไหน แต่เวลาที่มึงมีเรื่องอะไร เขาก็พร้อมอ้าแขนแล้วก็กอดมึงไว้”
“น้ำตาของมึงมีเอาไว้ให้คนที่ควรค่า ไม่ใช่ไอ้เหี้ยนั้น…”
“เลือกผิดก็แค่เลือกใหม่ รักคนผิดก็แค่รักคนใหม่..”
“ชีวิตแม่งไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น…เลิกว่าตัวเองได้แล้ว มึงควรรักตัวเองให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ..” ฟลินต์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มมีอารมณ์ที่กรุ่นโกรธ เขาไม่ชอบใจเลยที่หญิงสาวเอาแต่พูดจาอะไรที่มันบั่นทอนความรู้สึกของตัวเองให้มันแย่ลงไปอีก เขาพูดเพียงแค่ต้องการให้หญิงสาวนั้นได้สติว่า เธอไม่ควรต่อว่าตัวเองแบบนั้น