“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ที่ผ่านมาพ่อใจดีและตามใจแกมาตลอดแล้วน่านฟ้า! เพราะงั้นหลังจากนี้พ่อจะไม่ใจดีกับแกอีก!” เหนือเมฆเอ่ยเสียงดังกึ่งก้องไปทั่วห้องหนังสือ และนี่แทบจะเป็นครั้งแรกที่น่านฟ้าสะดุ้งตัวด้วยความตกใจในน้ำเสียงและท่าทางที่เกรี้ยวกราดของผู้เป็นพ่อ
“ส่วนเรื่องไอ้คราม ถ้าลูกอยากรู้ว่ามันรักลูกมากเหมือนที่ปากมันเคยพูดเอาไว้ไหม..”
“คืนนี้ไปที่คลับ Burning Sun ซะ! ไปดูให้เห็นกลับตาว่ามันรักลูกหรือเข้ามาแค่เพราะหวังผลประโยชน์!” ไม่พูดเปล่า นามบัตรของร้าน Burning Sun ถูกยัดใส่มือของน่านฟ้าในทันที...น่านฟ้าหลุบสายตามองนามบัตรของคลับดังในมือด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนปนสงสัย ว่าเพราะอะไรพ่อของเธอถึงให้เธอไปที่คลับที่ให้บริการผู้ชายที่เป็น LGBT (ความหลากหลายทางเพศ)
“ไปดูให้เห็นกับตาว่าที่ผ่านมา พ่อหรือมันที่หลอกแก..” น่านฟ้าเงยหน้าสบตาผู้เป็นพ่อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสั่นไหว เหนือเมฆถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่ภายในอก ก่อนจะหันหลังให้ลูกสาวแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือของเขา
น่านฟ้ามองนามบัตรในมือสลับกับผู้เป็นพ่อ ความรู้สึกมากมายถาโถมอยู่ภายในใจของเธอก่อนที่สุดท้ายเธอจะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปยังสถานที่ที่ผู้เป็นพ่อบอก
เวลา 20.13 น.
Burning sun Club
“เอาพวกกูมาคลับนี้ทำไมวะน่าน?!” ทันทีที่รถจอดดัสตินก็เอ่ยถามหญิงสาวด้วยความตกใจในทันที เพราะก่อนหน้านี้เขาถามหญิงสาวเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมบอกว่าจะพาพวกเขาไปไหน แต่ในเวลานี้อย่าว่าแต่ดัสตินตกใจเลย น่านฟ้าเองก็ตกใจไม่ต่างกันและเธอตกใจตั้งแต่ที่พ่อของเธอบอกให้มาที่นี่แล้ว
น่านฟ้าไล่สายตามองสถานที่ตรงหน้า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอยู่ภายในใจมันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูกเลยจริงๆ การที่เธอต้องมาสถานที่สำหรับผู้ชายที่ขายบริการทางเพศ เป็นอะไรที่เล่นกับความรู้สึกของเธอไม่น้อย
“มึงรู้ใช่ไหมว่าที่นี่เหมาะสำหรับผู้ชายที่ไม่ได้ชอบผู้หญิง? ..” ฟลินต์ที่เป็นคนขับรถพาหญิงสาวมาที่นี่เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางเลื่อนใบหน้าหันมามองเธอ
“รู้...”
“แล้วมึงจะมาที่นี่ทำไม? ” ฟลินต์เอ่ยถามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสบตามองหญิงสาว น่านฟ้าขบเม้มริมฝีปากของตัวเองเข้าหากันน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะปิดบังว่าที่เธอมาที่นี่เป็นเพราะผู้เป็นพ่อบอกให้มา
“เพราะพ่อบอกให้กูมา..”
“กูไม่ลงนะ บอกตามตรงไม่ค่อยถูกชะตากับสถานที่นี่สักเท่าไหร่..” คราวนี้เป็นมิวนิคที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เพราะตลอดชีวิตของเขา เขาไม่เคยคิดจะมาที่นี่เลยสักครั้งเดียว
“กูด้วย ไม่ไหวว่ะ...” ดัสตินก็ไม่ต่างกัน มันค่อนข้างเป็นอะไรที่ยากสำหรับหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาที่ต้องเข้าไปยังสถานที่นั้น น่านฟ้าหน้าจ๋อยหันไปมองเพื่อนชายทั้งสองคนที่นั่งนิ่งอยู่เบาะรถด้านหลัง
“เดี๋ยวกูไปกับมึงเอง และพวกมึงก็ต้องลงด้วยเหมือนกัน” ฟลินต์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบพลางดับเครื่องยนต์ในทันที ทั้งดัสตินและมิวนิคต่างมองหน้ากันก่อนที่สุดท้ายจะยอมลงจากรถอย่างเลี่ยงไม่ได้
“แม่งเกิดมากูไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาที่นี่...” ดัสตินเอ่ยออกไปพลางมองประตูทางเข้าของคลับด้วยแววตาสิ้นหวัง
“ไปเถอะ...” ฟลินต์ไม่ได้สนใจอะไรเพื่อนอีกสองคน หากแต่เขาสนใจแค่หญิงสาวข้างกายเขาที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา มันดูไม่ใช่น่านฟ้าของเขาเลยสักนิด…มือหนาเอื้อมมือไปกุมมือของหญิงสาวเอาไว้แน่นพร้อมกับบีบเบา ๆ ให้เธอได้สติและรับรู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้
“กูอยู่ตรงนี้...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไปจากเดิม น้ำเสียงของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนหญิงสาวสัมผัสได้ น่านฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนที่เธอจะให้ฟลินต์จับมือพาเธอเข้าไปภายในคลับ
เท้าเรียวก้าวเดินไปตามทางเข้าที่มีผู้ชายมากมายรายล้อมอยู่หน้าทางเข้า หญิงสาวพยายามกวาดสายตามองหาว่าอาจจะมีผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธอที่มาสถานที่แห่งนี้ แต่ทว่าความเป็นจริงก็ตอกย้ำเธอว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานที่สำหรับผู้ชายไม่ใช่สถานที่ที่ผู้หญิงจะมา
นัยน์ตาคู่สวยฉายแววความสับสนปนมึนงง ความกลัวและความกังวลกำลังคืบคลานเข้ามาภายในจิตใจของเธอ สายตามากมายจับจ้องมาที่เธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม บ้างก็มองเธอด้วยแววตาที่ทำเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด
“ฟลินต์ กูไม่อยากเข้าไปแล้ว...” ร่างบางเอ่ยออกไปพลางชะงักปลายเท้าที่กำลังก้าวเดิน นัยน์ตาคู่สวยแสดงออกชัดถึงความประหม่าทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ร่างสูงหยุดเดินพร้อมกับหันหน้ามาสบตาหญิงสาวโดยที่มือเขาก็ยังคงกุมมือเธอเอาไว้แน่น
“ถ้ามึงไม่เข้าไปวันนี้ แน่ใจใช่ไหมว่าจะไม่คาใจในสิ่งที่พ่อมึงพูด...”
“กูบอกแล้วไง ว่ากูอยู่ตรงนี้...”
“จับมือกูเอาไว้ให้แน่น ๆ แล้วอย่าปล่อยก็พอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปพลางกระชับมือที่เย็นเฉียบของหญิงสาวเพื่อส่งผ่านความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาของเขา น่านฟ้าสบตามองชายหนุ่มตรงหน้าก่อนที่ความประหม่าเมื่อก่อนหน้านี้จะค่อย ๆ หายไปเพราะคำพูดไม่กี่คำของเขา แต่มันกับสร้างความอุ่นใจให้เธอได้อย่างประหลาด
ใบหน้าสวยของหญิงสาวพยักหน้าน้อย ๆ เธอเลิกให้ความสนใจกับสายตามากมายที่กำลังจับจ้องมาที่เธอราวกับเธอคือตัวประหลาดของสถานที่แห่งนี้
“มึงกูจะไม่ไหวแล้วนะ มึงมาตามหาใครที่นี่วะ? ” ดัสตินตะโกนออกไปแข่งกับเสียงเพลงที่กำลังดังกระหึ่มอย่างเริ่มทนไม่ไหว เพราะเขาไม่ชอบที่ตัวเองต้องเดินเบียดเสียดกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้ แล้วสายตาที่ผู้คนมองมาที่พวกเขา มันดูเหมือนเชิญชวนและอยากจะกลืนกินพวกเขา
“ให้ตายเถอะแม่ง” มิวนิคก็ไม่ต่างกัน เขารู้สึกอึดอัดไม่น้อยที่ตัวเองต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกรังเกียจหรือจะดูถูกอะไรผู้คนหรือสถานที่แห่งนี้ เพียงแต่เขาไม่ได้รู้สึกคุ้นชินและรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้เหมาะกับพวกเขา
น่านฟ้าไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของเพื่อนอีกสองคน หากแต่เธอกำลังกวาดสายตามองหาใครอีกคนที่เป็นสาเหตุให้เธอมาที่นี่ตามคำพูดของพ่อ หญิงสาวเดินไปตามทางพร้อมกับพยายามเพ็งมองไปตามมุมต่างๆ ของคลับ ภาวนาขอให้ไม่มีคนที่เธอกำลังตามหา ขอให้คำพูดของผู้เป็นพ่อไม่ใช่เรื่องจริง แต่แล้วสายตาของหญิงสาวด็ไปสะดุดเข้ากับชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่กำลังนั่งคลอเคลียอยู่กับเพื่อนสนิทของเขาที่เป็น ผู้ชาย
แม้เธอจะเห็นใบหน้าของผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่ แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้หันหน้ามา แต่เธอก็จำได้ในทันทีว่าเขาคือ คราม แฟนเก่าของเธอ หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเต้นโครมครามผิดจังหวะจนแทบจะกระเด็นหลุดออกมา ไม่ต่างอะไรกับร่างกายของเธอที่เริ่มชาตั้งแต่หัวจรดเท้า สมองที่เคยคิดประมวลผลได้อย่างรวดเร็วตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด แม้แต่เรี่ยวแรงที่เคยมีตอนนี้มันแทบไม่เหลือแล้ว
นัยน์ตาคู่สวยเริ่มสั่นไหวไปด้วยความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธออธิบายไม่ถูกเลยว่าเธอกำลังรู้สึกอะไรกับภาพของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังจูบกับเพื่อนสนิทของเขาอยู่บนโซฟาตัวยาวของไนต์คลับแห่งนี้
ฟลินต์ที่เห็นหญิงสาวยืนนิ่งไปก็หันไปมองตามสายตา ก่อนจะเห็นภาพเดียวกันของหญิงสาว และนั้นก็ทำให้เขาอดรู้สึกตกใจไม่ได้เช่นกัน นัยน์ตาคู่คมเบิกกว้างเพียงเล็กน้อย มันผิดคาดไปจากที่เขาคิดเอาไว้มากทีเดียว
“น่าน...” เสียงทุ้มต่ำของฟลินต์ไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของหญิงสาวเลยสักนิด สายตาของเธอเอาแต่จับจ้องไปที่แฟนเก่า พร้อมกับมีคำถามในหัวมากมายว่าทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ ทำไมแฟนหนุ่มที่แสนดีของเธอถึงมานั่งจูบกับเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชาย
“ฟลินต์ กูเห็นพี่ครามจูบกับพี่ทิม...”
“กะ กูตาฝากไปใช่ไหม...”
“สิ่งที่กูเห็น มันไม่ใช่ใช่ไหมฟลินต์..” แม้เสียงเพลงภายในคลับมันจะดังมากแค่ไหน แต่ทว่าทุกคำพูดของหญิงสาว ฟลินต์กับได้ยินมันอยากชัดเจน...เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสบมองดวงหน้าหวานที่เริ่มซีดจนเหมือนจะไร้สี นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอมันสั่นไหวและเต็มไปด้วยคำถามมากมาย มือหนายังคงกอบกุมมือเธอเอาไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย
“พะ พี่ครามจูบกับเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นผู้ชายใช่ไหมฟลินต์ เขาสองคนจูบกันใช่ไหม” น่านฟ้าเอ่ยออกไปด้วยความเจ็บปวด เธออธิบายความเจ็บนี้ออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยสักนิด
“ไม่ต้องมองแล้ว...” ฟลินต์เอ่ยออกไปอย่างไม่อาจทนเห็นหญิงสาวมองภาพเหล่านั้นได้อีกต่อไป เรียวแขนกำยำโอบเอวร่างบางมาประชิดตัวพร้อมกับโอบประคองศีรษะของหญิงสาวให้แนบชิดลงที่อกเขาแทน
น่านฟ้ายืนนิ่งราวกับคนที่กำลังสติหลุด เธอตั้งรับอะไรไม่ทันเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับสถานการณ์เหล่านี้เลยด้วยซ้ำ
“พวกมึงเป็นอะไรกันวะ กอดกันทำห่าอะไร? ..” ดัสตินที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเอ่ยถามด้วยความงุนงงที่เห็นเพื่อนรักทั้งสองยืนกอดกันแบบนั้น ฟลินต์ผละใบหน้าของหญิงสาวออกจากอกแกร่งของเขา ก่อนจะหันไปพูดกับดัสตินที่มองมาที่เขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“กูฝากน่านหน่อย...”
“ไอ้มิวมากับกู” ฟลินต์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หากแต่ว่าแววตาของเขากับเต็มไปด้วยความดุดันน่าเกรงกลัวจนมิวนิคสัมผัสได้
“พวกมึงจะไปไหน” ดัสตินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ แต่มือของเขาก็จับแขนของน่านฟ้าเอาไว้พร้อมกับดึงรั้งให้เธอมาอยู่ข้างตัวตามคำสั่งของฟลินต์...ร่างสูงไม่คิดจะตอบคำอะไรเพื่อนทั้งนั้น เขาเดินสาวเท้าเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคู่รักสองหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่ปลายเท้ายาวจะถีบเข้าไปที่โต๊ะเหล้าเต็มๆ
ครามที่กำลังจูบกับคนรักด้วยความดูดดื่มในตอนแรกสะดุ้งตัวตกใจต่างฝ่ายต่างผละตัวออกจากกัน...
“มึงทำเหี้ยอะไรไอ้สัส!!...” ฟลินต์ตวาดถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลพร้อมกับคว้าขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะฟาดเข้าที่ศีรษะของครามเต็มแรงจนขวดเหล้าแตกกระจาย
เพล้ง!!
“โอ๊ยยย!!!...” ครามร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับใช้มือกุมไปที่หัวของตัวเอง ฟลินต์มองภาพของครามที่ร้องโอดครวญอยู่บนโซฟาโดยที่มือเลือดสีแดงสดไหลโชกเต็มใบหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้เหี้ย! นี่มึงทำอะไรวะ!!...” ทิม ชายหนุ่มที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและคนรักของครามตวาดเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นจะเข้ามาชกเข้าที่ใบหน้าของฟลินต์ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ถึงตัวของฟลินต์ มิวนิคที่ยืนนิ่งในตอนแรกก็ใช้ปลายเท้าถีบเข้าที่หน้าของทิมเต็มแรง
“มึงนั่งเฉย ๆ ยังไม่ถึงคิวมึง และกูรับรองถ้าถึงคิวของมึงเมื่อไหร่ มึงได้เจ็บกว่าคู่ขามึงแน่!!” มิวนิคตวาดเสียงเหี้ยมพร้อมกับชี้หน้าทิมเป็นสัญญาณให้นั่งลงเพื่อรอเวลา
ฟลินต์ไม่ได้สนใจว่ามิวนิคกำลังจัดการกับใคร แต่ที่เขาสนใจคือผู้ชายสารเลวตรงหน้า มือหนาเอื้อมไปกระชากคอเสื้อของครามขึ้นมายืนประจันหน้ากับเขา พร้อมกับใช้มือบีบไปที่ลำคอของครามเอาไว้แน่นจนครามแทบหายใจไม่ออก
“อะ อึก!!...ฟะ ฟลินต์”
“ปะ ปล่อยกู..” ครามเอ่ยออกไปอย่างไม่เต็มเสียง เขาเหมือนคนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจตายในไม่ช้านี้ แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้ากำลังทำ
ฟลินต์แสยะยิ้มที่มุมปาก จ้องมองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ครามรับรู้ได้ว่าขนอ่อนบนร่างกายตัวเองตั้งชันด้วยความกลัว แววตาและรอยยิ้มของฟลินต์มันทำให้เขารู้สึกขนหัวลุกมากไม่น้อย
“ที่มึงจูบกับเพื่อนของมึงอ่ะ คือเหี้ยไร!!!”
“ถ้ามึงไม่ได้ชอบผู้หญิง แล้วมาคบกับน่านทำห่าไรไอ้สัส!!...” ฟลินต์ตวาดถามเสียงดังลั่นกึ่งก้องไปทั่วบริเวณนั้น แม้กระทั่งเสียงเพลงก็ต้องหยุดลงในทันที ผู้คนที่กำลังเพลิดเพลินกันอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ต่างก็หันมาให้ความสนใจ
“กะ กู คือกู...” ครามพูดอะไรไม่ออก เขาลนลานไปด้วยความกลัว ในขณะที่ทิมก็ทำได้แค่นั่งตัวสั่นเพราะไม่รู้จะพูดอะไร และถ้าจะให้เขาสู้ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำของผู้ชายสองคนตรงหน้าเขาก็คงสู้ไม่ไหว
“ฟะ ฟลินต์..ฟลินต์พอแล้ว...” น่านฟ้าที่ยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจรีบเดินเข้าไปจับแขนฟลินต์เอาไว้พร้อมกับเอ่ยเรียกสติเขา เธอไม่คิดว่าฟลินต์จะมีอารมณ์รุนแรงได้ถึงขนาดนี้