ตอนที่ 9 : ข้ามเส้นคำว่าเพื่อน

2435 คำ
“ชีวิตแม่งไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น…เลิกว่าตัวเองได้แล้ว มึงควรรักตัวเองให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ..” ฟลินต์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มมีอารมณ์ที่กรุ่นโกรธ เขาไม่ชอบใจเลยที่หญิงสาวเอาแต่พูดจาอะไรที่มันบั่นทอนความรู้สึกของตัวเองให้มันแย่ลงไปอีก เขาพูดเพียงแค่ต้องการให้หญิงสาวนั้นได้สติว่า เธอไม่ควรต่อว่าตัวเองแบบนั้น น่านฟ้านิ่งเงียบสบตามองใบหน้าของฟลินต์ทั้งน้ำตา อารมณ์สับสนเมื่อก่อนหน้านี้ค่อย ๆ หายไป พร้อม ๆ กับสติของเธอที่ค่อย ๆ คืนกลับมา.. “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว…มึงไม่เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิด..” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปพลางเอื้อมมือไปเช็ดครามน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่ที่แก้มนวล น่านฟ้าสบตามองฟลินต์นิ่งงัน ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาว ราวกับว่าภายในห้องนั้นมีแค่เธอกับเขาที่นั่งสบตากัน ในขณะที่ดัสตินกับมิวนิคต่างนั่งมองหน้าสบตากันอย่างรับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างของเพื่อนสองคนตรงหน้า แต่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะไม่ขัดอะไร และเป็นน่านฟ้าที่หลบสายตาคู่คมของฟลินต์ เพราะเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังทำงานหนักด้วยการเต้นในจังหวะที่ผิดปกติ “งั้นวันนี้ดื่มฉลองให้กับความรักโง่ๆ ของกูหน่อยได้ไหม” “แค่วันนี้แล้วพรุ่งนี้กูจะเป็นน่านฟ้าคนใหม่ คนที่เข้มแข็งและไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องวันนี้” ร่างบางเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันให้กับความรักที่พังทลายลงไปแล้วของเธอ “เอาดิ…เอาให้แม่งเมากันไปข้าง...ไหน ๆ ก็ค้างที่ห้องไอ้ฟลินต์อยู่แล้ว” ดัสตินเอ่ยอย่างไม่คิดจะปฏิเสธ เช่นเดียวกับฟลินต์และมิวนิค ที่ยอมทำตามใจหญิงสาวเพราะรู้ดีว่าห้ามปรามไปก็เท่านั้น 3 ชั่วโมงต่อมา… “ไอ้เหี้ยกูไม่ไหวแล้ววะ เมาฉิบหาย” ดัสตินที่เห็นดีเห็นงามกับคำชวนของน่านฟ้าในตอนแรก โบกมือไปมาอย่างดื่มต่อไม่ไหว เพราะเขารู้สึกว่าภาพตรงหน้ากำลังจะดับมืดในไม่ช้านี้ “ก็แดกไปซะเยอะไอ้สัส…พอกันเลยมึงกับน่านน่ะ” มิวนิคเอ่ยขึ้นก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นสูบ ในขณะที่น่านฟ้าก็เมามายไม่ได้สติอีกครั้ง ใบหน้าสวยนั้นแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอนั่งฟูมฟายด่าทออดีตแฟนเก่าของเธออย่างเจ็บแค้น เหมือนกับว่าในความรู้สึกของเธอตอนนี้ไม่ได้หลงเหลือความรู้สึกรักไว้อยู่เลย “มึงเลิกด่ามันได้แล้ว กูนั่งฟังมึงด่าไอ้เหี้ยครามมา 3 ชั่วโมงเต็มแล้วนะน่าน” มิวนิคเอ่ยออกไปอย่างต้องการให้หญิงสาวนั้นหยุดพูดถึงอดีตแฟนของเธอสักที เขารู้ว่าเธอนั้นเจ็บปวดเสียใจ แต่ตอนนี้เขาเองก็เอียนที่จะฟังแล้ว “ก็กูเกลียดมันอ่า ดูเกลียดมันมากเลยนะมึง” “ฮึ สองวันก่อนมึงยังนั่งบอกรักมันให้กูฟังอยู่เลยนะ..” ฟลินต์ที่นั่งอยู่ข้างกายหญิงสาวไม่ห่างเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางสบสายตามองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่แดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ โชคดีที่วันนี้เธอไม่ได้กินเยอะเท่าวันนั้นตัวเธอเลยยังไม่ค่อยแดงเท่าไหร่… “ก็วันนั้นรักอยู่ วันนี้เกลียดแล้วไงเล่า.” “ทำไมบื้อจังล่ะฮะะ…” ร่างบางที่เริ่มพูดไม่รู้เรื่องเบะปากคว่ำใส่ฟลินต์ตามประสาคนเมาที่สติไม่ได้เต็มร้อยอะไร ฟลินต์ยิ้มขำเอ็นดูให้กับความน่ารักของหญิงสาวตรงหน้าเพราะเวลาที่เธอเมาทีไร เธอจะเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ ที่ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย “ไม่มีใครเก่งเท่ามึงแล้วครับ” “แน่นอนนนน…” เสียงหวานเอ่ยออกไปก่อนที่มือเรียวจะคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่ม แต่ทว่าความเมาของเธอทำให้เหล้าสีอำพันที่อยู่ภายในแก้วไหลหกเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าที่เธอกำลังสวมใส่อยู่ “ง่ะ หกหมดเลยอ่า” “หกก็พอแล้ว มึงกินเข้าไปเยอะแล้วน่าน” มิวนิคเอ่ยห้ามด้วยความเป็นห่วง พลางหันไปมองหน้าฟลินต์ก่อนจะเอ่ย “กูว่าให้น่านกินแค่นี้เถอะว่ะ ไอ้ห่าดัสตินก็หน้าทิ่มโต๊ะไปแล้ว” “อืม งั้นเดี๋ยวกูจะอุ้มน่านไปนอน…” ฟลินต์เอ่ยออกพลางหันไปพยุงตัวน่านฟ้าลุกขึ้นก่อนจะช้อนตัวขึ้นมาอุ้มไว้แนบอกพลางลดสายตาไปมองดัสตินที่หน้าทิ่มโต๊ะไปแล้วจริงๆ… “เดี๋ยวกูเอาน่านนอนเสร็จแล้วจะออกมาช่วยแบกไอ้ตินละกัน…” “ไม่ต้องหรอก มึงดูน่านเถอะ กูว่าเดี๋ยวน่านน่าจะอ้วกเพราะกินไปเยอะอยู่…แล้วเดี๋ยวกูแบกไอ้ห่านี่ไปนอนเอง…” มิวนิคเอ่ยออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมากมาย หนำซ้ำเขายังต้องพูดแข่งกับเสียงโวยวายไม่ได้สติของน่านฟ้าที่อยากจะกินเหล้าต่อไม่ยอมหยุด ภายในห้อง.. ฟลินต์พาน่านฟ้าเข้ามาภายในห้องนอนของเขา ก่อนที่เขาจะอุ้มตัวเธอไปวางลงบนเตียงนอนคิงไซส์ที่ถูกคลุมทับด้วยผ้าปูสีน้ำเงินเข้มซึ่งเป็นโทนสีที่เขานั้นชื่นชอบ “อืออ ฟลินต์กูยังอยากกินอยู่เลยอ่า” ร่างบางเอ่ยออกไปด้วยความเสียงงอแงพลางขยับตัวลุกขึ้นนั่งแทนการนอน “พอแล้ว ไม่ต้องกินแล้วน่าน” ชายหนุ่มเอ่ยออกไปพลางเดินไปปิดไฟภายในห้อง แล้วเดินกลับมาเปิดโคมไฟที่หัวเตียงให้หญิงสาว “นอนพักเถอะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปก่อนที่มือหนาจะวางลงที่ศีรษะกลมมนของเธอพร้อมกับลูบเบาๆ… สัมผัสที่ชวนอบอุ่นของชายหนุ่มทำให้น่านฟ้าลืมตัวช้อนสายตาสบมองใบหน้าของชายหนุ่มนิ่งงัน และความรู้สึกบางอย่างก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวภายในใจของเธออีกครั้ง " มองอะไรหื้ม ?.." เพราะถูกจ้องมองอยู่นานชายหนุ่มก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเลยต้องเอ่ยถามหญิงสาวออกไปแบบนั้น น่านฟ้าระบายยิ้มออกมาน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ย “เจ็บหรือเปล่า มือมึงแดงไปหมดเลย...” ร่างบางเอ่ยออกไปพลางเอื้อมมือไปกุมมือมาหนาเอาไว้ นัยน์ตาคู่สวยมองหลังมือของชายหนุ่มที่มีรอยถลอกจากการชกต่อย และเธอก็อธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้เลย “ไม่เจ็บหรอก แค่นี้มันเล็กน้อย” " มึงนอนพักได้แล้วครับ " “ขอบคุณนะฟลินต์ ขอบคุณที่คอยปกป้องน่านมาตลอดเลย..” ร่างบางพึมพำออกมาพร้อมกับสบนัยน์ตาคู่คมของชายหนุ่มตรงหน้า พลางเกิดคำถามขึ้นภายในใจว่าทำไมฟลินต์ถึงต้องดีกับเธอขนาดนี้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าฟลินต์พยายามปกป้องเธอจากทุกความรู้สึกแย่ ๆ เขาทำแบบนี้มาเสมอตั้งแต่ที่่เธอกับเขาเป็นเพื่อนกันมา “เพราะมึงเป็นเพื่อน" "ที่กูรัก…” ชายหนุ่มเอ่ยออกไปอย่างเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง ต่อให้หญิงสาวจะเมามายไม่ได้สติ แต่เขาก็ยังต้องระวังคำพูดของตัวเอง “เพื่อนรักเหรอ” น่าแปลกที่คำว่าเพื่อนรักที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกหวิว ๆ อยู่ภายในใจ มันคล้ายกับว่าเธอกำลังรู้สึกผิดหวังอย่างไงอย่างงั้น “อืม…” “ถ้าเราเป็นเพื่อนรักกัน…” “อย่างนั้นเพื่อนกันมันจูบกันได้ใช่ไหมฟลินต์…” และคำตอบของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มนิ่งงัน นัยน์ตาคู่คมสั่นไหวไปด้วยความรู้สึกสับสนว่าทำไมหญิงสาวถึงเอ่ยออกมาแบบนั้น “ พูดอะไรแบบนั้นน่าน…” “ก็เพราะคืนนั้นเราจูบกันไม่ใช่เหรอ” น่านฟ้าเอ่ยออกไปพลางสบตาฟลินต์นิ่งงัน เรื่องคืนนั้นเธอจำได้ จำได้หลังจากที่เธอพินิจร่องรอยที่หน้าอกตัวเอง แต่เธอเสแสร้งแกล้งทำลืมมันไปเพราะเธอไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของเธอและฟลินต์นั้นเปลี่ยนไป เธอเลยเลือกที่จะเก็บมันไว้และไม่ถามฟลินต์ออกไป แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เธอถึงมีความกล้าที่จะพูดถึงเรื่องวันนั้นกับชายหนุ่มตรงหน้า หรือเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่กำลังสูบฉีดอยู่ภายในกายของเธอทำให้เธอมีความกล้ามากมายขนาดนี้ “น่าน…” ชายหนุ่มนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก เพราะเขาคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ แต่พอเธอพูดออกมาเขาเองก็ตั้งรับไม่ทัน “ถ้ากูจะขอให้มึงจูบกูอีกครั้ง…จะได้ไหม…” “พูดอะไรออกมามึงรู้ตัวไหม…” ฟลินต์เอ่ยออกไปอย่างไม่เชื่อหู คิวหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเป็นปม “คงรู้มั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะลืมหรือเปล่า” ร่างบางเอ่ยออกไปอย่างคนที่ไร้ซึ่งสติ เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้เธอกับหยุดตัวเองไม่ได้เลย… เธอรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เวลานี้เธอคิดถึงสัมผัสเมื่อคืนนั้น คืนที่เธอกับฟลินต์จูบกัน “กูว่ามึงเมามากแล้ว นอนเถอะ” เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อวันนั้น ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะดันตัวหญิงสาวให้นอนลง แต่ทว่าน่านฟ้ากับคว้าแขนเขาเอาไว้แล้วดึงรั้งให้เขานั่งลงบนเตียงก่อนที่เธอจะตามไปนั่งคร่อมตักเขาเอาไว้พลางใช้มือโอบต้นคอแกร่งเอาไว้แน่น “มึงไม่อยากลองนอนกับกูบ้างเหรอ” เสียงหวานเอ่ยออกมาและคำพูดนั้นก็สร้างความงุนงงให้ชายหนุ่มไม่น้อย นัยน์ตาคู่คมเบิกกว้างมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหูว่าเธอจะพูดออกมาแบบนั้น “คืนนั้นเราเกือบมีอะไรกันแล้วไม่ใช่หรือไง…” “งั้นคืนนี้เรามาทำต่อจากคืนนั้นดีไหม” “กูเตือนว่าให้มึงหยุดเดี๋ยวนี้น่าน…อย่าคิดที่จะลองดีกับกู มันไม่คุ้ม” ฟลินต์เอ่ยห้ามเสียงนิ่ง นัยน์ตาคู่คมสบมองที่ดวงหน้าสวยของหญิงสาวอย่างต้องการให้เธอหยุดคิดในสิ่งที่กำลังจะทำ “ไม่อยากลองทำกับกูแล้วหรอ” ร่างบางเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงปนผิดหวังนิดๆ “ถ้าเมาก็นอน ไม่ใช่มาเที่ยวขึ้นคร่อมตักผู้ชายแบบนี้” “ไม่รู้เหรอไงว่าทำแบบนี้มันอันตรายกับมึงแค่ไหน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปอย่างพยายามอดทนอดกลั้น แต่ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไม่เข้าไปในโสตประสาทหญิงสาวสักนิด… “แม้แต่มึงก็รังเกียจกูเหรอ…” “กูมันน่ารังเกียจ แล้วก็ดูโง่มากเลยใช่ไหม…” “ที่โดนคนเลวแบบนั้นหลอกมาได้ตั้งนาน” ร่างบางเอ่ยออกไปพลางยกยิ้มที่มุมปากอย่างรู้สึกเย้ยหยันให้กับชะตาชีวิตของตัวเองที่โดนอดีตคนรักอย่างครามหลอกลวงได้ แค่คิดก็รังเกียจตัวเองที่ไปรักคนแบบนั้น “แค่แฟนมึงเป็นเกย์ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย” “อย่ามาทำอะไรที่มันสิ้นคิด กูไม่อยากให้มึงมาเสียใจทีหลัง” เพราะเขาไม่อยากมีอะไรกับเธอแบบที่ความรู้สึกของเธอยังอ่อนแอและไม่เต็มร้อย เขาคิดแล้วว่าถ้าเขากับน่านฟ้าจะต้องมีอะไรกัน มันต้องเกิดจากความต้องการของเธอที่ต้องการเขาจริง ๆ ไม่ใช่แบบนี้ “แล้วถ้ากูบอกว่ากูไม่เสียใจล่ะ…กูจะไม่เสียใจที่กูนอนกับมึง” “น่าน…” ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าแผ่วเบา นัยน์ตาคมคายสั่นไหวไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามอดทนที่จะไม่แตะต้องร่างบางสมส่วนตรงหน้า แต่หญิงสาวที่เมามายไม่ได้สติก็เอาแต่พูดจายั่วยวนให้เขาสัมผัสเธอไม่หยุด “ทำเหมือนคืนนั้นอีกครั้งได้ ทำเหมือนที่มึงทำกับกูวันนั้น” “กูอยากรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง” หญิงสาวเอ่ยออกไปพร้อมกับสบนัยน์ตาคู่คมตรงหน้า ปลายนิ้วมือของหญิงสาวค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากหยักของชายหนุ่มด้วยแววตาที่คล้ายกับว่าเธอคิดถึงสัมผัสของมันอย่างไม่อาจจะลืมได้… “จูบกูหน่อยได้ไหม…” เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบาพร้อมกับนัยน์ตาคู่สวยที่สบนัยน์ตาคู่คมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเย้ายวน ปลายนิ้วเรียวยาวยังคงลูบไล้สัมผัสริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างหยอกเย้าและหลงใหล เธอรู้เพียงแค่ว่าเธอต้องการสัมผัสริมฝีปากหยักอีกครั้งจริงๆ “กูอยากให้มึงจูบกูเหมือนที่เราจูบกะ อ๊ะ!…” เสียงหวานถูกกลืนหายลงไปภายในลำคอ ริมฝีปากบางถูกบดเคล้าด้วยริมฝีปากร้อนของชายหนุ่ม ความอดทนของชายหนุ่มนั้นขาดสะบั้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงและแววตาของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความเว้าวอน น่านหลับตาลงพริ้มครางอยู่ภายในลำคอก่อนจะเผยอริมฝีปากออกเพื่อให้ชายหนุ่มนั้นสอดเรียวลิ้นเข้ามาภายในโพลงปากของเธอ และก็เป็นดังนั้นลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปภายในโพลงปากหวานเกี่ยวพันลิ้นเล็กสลับกันโฉบเฉียวและดูดดึงเรียวลิ้นกันไปมาอย่างเร่าร้อน มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวก่อนจะไปหยุดที่เต้าอวบใหญ่ของเธอที่เขาเคยสัมผัสมันมาแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้… “อืออ…” เสียงหวานครางกระเส่าเมื่อเต้าอวบถูกบีบขย้ำอย่างไม่ปราณี แต่ทว่าเธอกับรู้สึกดีเมื่อถูกชายหนุ่มกระทำแบบนั้น " กูขอเตือนครั้งสุดท้ายว่าถ้ามึงไม่หยุดยั่วกู " ชายหนุ่มถอดจูบออกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามประชิดริมฝีปากของร่างบาง โดยที่มือหนาก็ยังคงบีบเค้นเต้าอวบไม่หยุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม