“ฟะ ฟลินต์…” เสียงหวานเอ่ยออกไปด้วยความตะกุกตะกัก นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสั่นไหวไปด้วยความรู้สึกมากมาย พลางคิดไปว่าสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตอนนี้มันเป็นแค่เพียงความฝัน แต่ทว่ากับมีอิทธิพลกับความรู้สึกในตอนนี้ของเธอมากมายเหลือเกิน…
“เป็นอะไร ทำไมต้องทำตาโตมองมาที่กูแบบนั้น?” ร่างสูงเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย พลางขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับใช้มือเสยผมที่กำลังปรกลงมาที่ดวงตาขึ้นอย่างลวก ๆ พร้อมกับมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
ร่างบางอึกอัก สมองประมวลผลทุกอย่างช้ากว่าปกติ และสายตาเจ้ากรรมก็เอาแต่มองกล้ามหน้าท้องแน่น ๆ ที่ขึ้นลอนเป็นรูปด้วยความสวยงาม ลมหายใจของหญิงสาวติดขัด พอ ๆ กับที่เธอนั้นรู้สึกกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
และตอนนี้เธอก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าฟลินต์เป็นผู้ชายที่มีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบน่าสัมผัสมากจริงๆ
แต่เดี๋ยวนะ นี่เธอกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี้ย! เธอจะคิดแบบนี้กับเพื่อนสนิทของตัวไม่ได้สิ
น่านฟ้ารีบส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดความคิดแบบนั้นออกไปจากหัว นัยน์ตาคู่สวยนั้นเบิกกว้างตกใจด้วยความเลิ่กลั่กที่จู่ ๆ ตัวเองก็มีความคิดอะไรแบบนี้
“เป็นอะไรไป…” ฟลินต์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจปนเป็นห่วงที่เห็นสีหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้หญิงสาวมีอาการแบบนั้นมันเกิดมาจากเขาทั้งนั้น
“ทะ ทำไมมึงถึงมานอนตรงนี้…”
“แล้วทำไมเราถึงนอนด้วยกันแบบนี้ล่ะ..” หญิงสาวตั้งสติได้ก็รีบเอ่ยถามออกไปในทันที ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอมานอนที่ห้องของฟลินต์ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น่านฟ้าชอบพาตัวเองมาค้างคืนที่นี่ แต่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมครั้งนี้เธอถึงเอ่ยถามออกไปแบบนั้น
“ถามแปลกนี่ห้องกู…” ฟลินต์เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความงุนงง ในขณะที่ใบหน้าของเขาก็แสดงออกชัดว่าเขากำลังแปลกใจกับท่าทีของน่านฟ้าที่ดูแปลกไป พลางคิดไปว่าที่เธอมีอาการแบบนี้เป็นเพราะเธอจำเรื่องราวเมื่อคืนได้ทั้งหมด…
“เป็นอะไร? …” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งพลางสบตาหญิงสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม…
น่านฟ้าสบมองใบหน้าของฟลินต์นิ่งงั้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มขบเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างคิดไม่ออกว่าเธอจะตอบเพื่อนสนิทว่าอย่างไรดี…
“คะ คือกู…มึน ๆ หัวน่ะ”
“แล้วมึงจำเรื่องเมื่อคืนได้ไหม?” ชายหนุ่มหยั่งเชิงลองถามถึงในสิ่งที่เขากำลังสงสัย ว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวจำเรื่องราวเมื่อคืนที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
“เรื่องเมื่อคืน?” น่านฟ้าทวนคำพูดของเพื่อนสนิท นัยน์ตาคู่สวยนั้นแสดงออกถึงความสับสนและพยายามคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืน แต่ทว่าพยายามคิดเท่าไหร่เธอกับคิดไม่ออกเพราะในตอนนี้สมองของเธอมันจำได้แค่ภาพฝันที่เร่าร้อนที่ทำให้เธอสะดุ้งตัวตื่นด้วยความตกใจ
“ใช่…เรื่องเมื่อคืน…” ฟลินต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างอะไรกับสายตาของเขาที่มันดูจริงจังจนเธอสัมผัสได้ หรือว่าสิ่งที่เธอฝันมันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือว่าที่เธอฝันมันจะไม่ใช่แค่ฝัน…
เธอมีอะไรกับฟลินต์จริงๆ งั้นเหรอ?!
“เมื่อคืนทำไม? นี่มึงอย่าบอกนะว่าเรา”
“เรามีอะไรกันงั้นเหรอ?” ร่างบางเอ่ยถามออกไปราวกับคนที่กำลังจะสติหลุด แต่ถ้าจะพูดให้ถูกแล้วละก็ สติของเธอไม่ใช่กำลังจะหลุดหรอกแต่สติสตังของเธอมันได้ลอยออกไปไกลแล้วต่างหาก
“มีอะไร? มึงคิดอะไรอยู่?” ร่างสูงแสร้งเอ่ยออกไปด้วยความสงสัย หากแต่มันคือละครฉากหนึ่งของเขาก็เท่านั้น เพราะจากที่เขาพินิจดูแล้วร่างบางตรงหน้าคงจำเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้เลยสักนิด
“กะ ก็มึงพูดเหมือนว่า” เสียงหวานอึกอักไม่ต่างอะไรกับใบหน้าสวยๆ ของเธอที่แสดงออกถึงความตื่นตระหนก เพราะเธอคิดว่าเธอกับฟลินต์อาจจะมีอะไรกันแล้วจริงๆ
“เมื่อคืนมึงอ้วกแตกใส่กู”
“อ้วก?!” น่านฟ้าตาเบิกตากว้างเอ่ยถามด้วยความตกใจ เพราะเธอจำเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้เลยจริงๆ ..
“ใช่ มึงอ้วกใส่กูเลอะไปหมด ตัวมึงก็เลอะ..”
“ละ แล้ว ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กู?!” พูดจบเธอก็ก้มหน้าลงมองเสื้อผ้าที่ตัวเองกำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เสื้อผ้าของเธอแต่มันคือของฟลินต์
ระ หรือว่า...
“มึงเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กูหรอฟลินต์หรอ?! -0-”
“อืม กูเอง…” ร่างสูงเอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พลางสบตาหญิงสาวนิ่งงัน เขาทำทุกอย่างเหมือนปกติ ทำเหมือนว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรกันขึ้นเลยสักนิด เพราะถ้าหญิงสาวตรงหน้าจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ มันก็ไร้ประโยชน์ที่เขาจะพูดว่าเมื่อคืนเธอและเขาเกือบมีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกัน…
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสั่นไหวไปด้วยความรู้สึกมากมาย เธอพยายามคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ที่นึกออกก็มีเพียงแค่ภาพความฝันที่เธอยังจดจำมันได้เป็นอย่างดี
คิดแล้วก็น่าอายนักที่เธอฝันว่าตัวเองกำลังมีอะไรกับเพื่อนสนิท
“ทำไมแก้มแดงแบบนั้น”
“เป็นอะไรไป?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ พลางเลื่อนมือมาสัมผัสที่แก้มนวลอย่างเป็นห่วงที่จู่ ๆ หญิงสาวตรงหน้าก็หน้าแดงขึ้นมาแบบนั้น น่านฟ้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยนัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนเร้น และสัมผัสจากปลายนิ้วมือของฟลินต์กำลังทำให้หัวใจของเธอเริ่มเต้นผิดจังหวะ ความรู้สึกสับสนเริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจและกำลังถาโถมเธอราวกับพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ
“ปะ เปล่านี่” ร่างบางเบือนหน้าหนีสัมผัสของฟลินต์ ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปอย่างไม่เต็มเสียง
ให้ตายเถอะ ยิ่งเธอมองหน้าเขา เธอก็ยิ่งคิดถึงภาพในฝัน ภาพที่เขากำลัง…
ไม่นะ หยุดคิดสักที...เธอควรจะหยุดอะไรแบบนี้ได้แล้ว
ร่างบางร้องบอกอยู่ภายในใจก่อนที่เธอจะขยับตัวลุกลงจากเตียง ฟลินต์ที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียงมองอาการของหญิงสาวด้วยความแปลกใจเล็กน้อย หากว่าเธอจำเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้แล้วอาการที่หญิงสาวเป็นตอนนี้มันคืออะไรกัน
“ขอยืมชุดมึงใส่กลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวให้แม่บ้านซักแล้วจะเอามาคืน” ร่างบางเอ่ยออกไปพลางทำทีเป็นมองหากระเป๋าและโทรศัพท์ของตัวเธอ
“แน่ใจนะว่าจะใส่ชุดนอนกูกลับบ้าน..” ฟลินต์เอ่ยถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น่านฟ้าฉุกใจคิดก่อนจะหันกลับมามองหน้าฟลินต์
“ก็จะให้กูใส่ชุดไหนล่ะ ชุดเมื่อคืนมันเลอะอ้วกอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ในห้องเสื้อผ้ากูมีชุดนักศึกษาครั้งก่อนที่มึงมานอนห้องกูแล้วไม่ได้เอากลับ…”
“ชุดชั้นในก็มีครบหมด อาบน้ำที่นี่แล้วค่อยไป” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพลางขยับตัวลงจากเตียง
“งั้นก็ได้ ว่าแต่ชุดกูอยู่ตรงไหนในห้องแต่งตัว จะได้ไปหยิบถูก”
“เดี๋ยวกูเตรียมไว้ให้ในห้องแต่งตัว มึงรีบไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวไปมหาลัยไม่ทัน” ฟลินต์เอ่ยออกไปเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะหันหลังเดินไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบที่ระเบียงห้องนอน…
ร่างบางมองแผ่นหลังกำยำของเพื่อนสนิทนิ่งงัน วันนี้เธอไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าเป็นอะไรไป ทำไมจู่ ๆ วันนี้เธอถึงรู้สึกใจเต้นเพราะคนตรงหน้าไม่หยุดแบบนี้
“จะยืนมองกูอีกนานไหม”
“รีบเข้าไปอาบน้ำได้แล้ว อย่าลืมว่ามึงไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน..” ฟลินต์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบโดยที่เขาไม่ได้หันหลังกลับมามองหน้าร่างบางสักนิด เขาเกรงว่าถ้าเขาหันกลับมา หญิงสาวจะเห็นบางอย่างที่กำลังตื่นตัวอยู่ภายใต้กางเกงนอนของเขา และมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่
น่านฟ้ารีบหลุบตาลงต่ำมองหน้าอกหน้าใจของตัวเอง ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นในจริงๆ
“อะ ไอ้บ้าฟลินต์! แล้วทำไมไม่รีบบอก!” ร่างบางเอ่ยออกไปเสียงหลงก่อนจะรีบวิ่งหายเข้าไปภายในห้องน้ำทันที
ฟลินต์หันกลับมามองร่างบางที่รีบวิ่งหายเข้าไปภายในห้องน้ำ ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏที่ใบหน้าของเขา..
“หวังว่าเธอจะไม่ตกใจ ถ้าเห็นรอยของฉันบนหน้าอกของเธอ” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปจะดูเรียบนิ่ง หากแต่ว่านัยน์ตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความร้ายกาจที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในดวงตาคู่คม เพราะเขาคิดว่าร่องรอยที่เขาฝากฝังไว้ที่เต้าอวบของหญิงสาวมันน่าจะพอมีให้เธอได้เห็นอยู่
ร่างบางที่หายตัวเข้ามาภายในห้องน้ำแล้ว ยืนมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม…
“รอยอะไรน่ะ ” นัยน์ตาคู่สวยสบมองร่องรอยบางอย่างบนเนินอกของตัวเอง มันไม่ได้ชัดเจนจนเห็นเป็นรอยชัดหากแต่มันเป็นเพียงแค่รอยแดงจาง ๆ สองจุดเพียงเท่านั้น แต่นั่นก็สร้างความแปลกใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย มือเรียวเลื่อนขึ้นไปสัมผัสพร้อมกับลูบรอยแดงนั้นเบา ๆ พร้อมกับคิ้วสวยที่เริ่มผูกเข้าหากันอย่างหาคำตอบไม่ได้ว่ารอยแดงพวกนี้มันเกิดจากอะไร
“ยุงคงกัดเมื่อคืนมั้ง” น่านฟ้าพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างคนที่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเธออาจจะโดนยุ่งกันเมื่อคืน เพราะปกติแล้วถ้าเธอโดนยุงกันมันจะขึ้นเป็นรอยแดงแบบนี้ เธอเลิกคิดสงสัยถึงสาเหตุของรอยแดงนั้นก่อนที่เธอจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมไปมหาวิทยาลัย และที่สำคัญอาทิตย์นี้จะเป็นอาทิตย์สุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัยปี 4 ของเธอและกลุ่มเพื่อน
1 ชั่วโมงต่อมา..
ร่างบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาเข้ารูปปล่อยผมลอนยาวถึงกลางหลังยืนเช็คความเรียบร้อยของตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกภายในห้องแต่งตัวของฟลินต์ เธอยืนหมุนตัวซ้ายทีขวาทีและรู้สึกเหมือนกับว่าเสื้อนักศึกษาตัวที่เธอกำลังใส่อยู่นั้นมันจะแน่นขึ้นกว่าปกติ
“อ้วนขึ้นงั้นเหรอเนี้ย...” เสียงหวานพึมพำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ยิ่งเธอมองผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้า คำตอบมันก็ยิ่งชัดเจนว่าเธอน้ำหนักขึ้นจริง ๆ ใบหน้าสวยแอบมุ่ยลงเล็กน้อยเพราะรู้สึกไม่มั่นใจกับเสื้อนักศึกษาที่มันค่อนข้างเข้ารูปมากกว่าทุกวัน แต่สุดท้ายเธอก็ต้องจำใจใส่ไปก่อนให้กลับไปเปลี่ยนตัวใหม่ที่บ้านก็คงไปมหาลัยไม่ทันแน่นอน
น่านฟ้าหมุนตัวเช็คความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาร่างสูงที่นั่งกอดอกไขว่ห้างรออยู่ที่โซฟารับแขกด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ฟลินต์เลื่อนสายตาไปมองร่างบางที่ใส่ชุดนักศึกษาเดินมาหาเขา ก่อนที่เขาจะจับสังเกตได้ว่าชุดนักศึกษาที่เธอใส่มันดูแนบชิดเรือนร่างของเธอกว่าปกติ โดยเฉพาะตรงช่วงหน้าอกเพราะเม็ดกระดุมดูเหมือนว่ามันจะพยายามสู้ชีวิตไม่ให้กระเด็นหลุดออกมา
“ไปมหาลัยกัน เอารถแยกกันไปเลยละกันนะ เพราะเดี๋ยวพอเลิกเรียนกูจะกลับบ้านเลย”
“ป่านนี้พ่อรอสวดกูแล้วแน่ ๆ” แค่คิดขนหัวเธอก็ลุกขึ้นมาเต้นระบำกันแล้ว เธอรับรู้ได้ในทันทีว่าถ้าเธอกลับถึงบ้านเธอจะโดนอะไรบ้าง แต่ก็นั่นแหละมันคือเรื่องปกติของเธอกับผู้เป็นพ่อไปแล้ว
“ไปมึง ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ ไปใช้ชีวิตนักศึกษาปี 4 กันดีกว่า...เดี๋ยวก็จะไม่ได้ใช้แล้ว” ร่างบางเอ่ยพลางเอื้อมมือยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมกับพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงจับมือเธอแล้วลุกขึ้น แต่ทว่าฟลินต์ยังคงนั่งนิ่งพร้อมกับเอ่ย
“ไปเปลี่ยนเสื้อไป...”
“ฮะ..” ร่างบางร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงงในสิ่งที่เพื่อนสนิทเอ่ยออกมา
“เสื้อมึงมันรัดนมจนกระดุมจะปริแล้ว...เอาเสื้อนักศึกษากูไปใส่แทนไป..”
“เดี๋ยวนะ ถ้าใส่เสื้อมึงมันจะไม่เป็นผ้าห่มคลุมตัวกูเหรอ..” เธอไม่ได้พูดเกินจริงสักนิด เพราะเสื้อนักศึกษาของฟลินต์ตัวค่อนข้างใหญ่กว่าขนาดตัวเธอหลายเท่า ถ้าเธอใส่มีหวังคงได้ใส่เป็นเดรสแน่ๆ
“งั้นรอเดี๋ยว..” ฟลินต์เอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเดินไปที่ห้องเสื้อผ้าก่อนจะกลับมาพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำของเขา
“ใส่เอาไว้ แล้วอย่าถอดนะน่าน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่งเสียงเข้มพร้อมกับจัดแจงสวมเสื้อแจ็คเก็ตให้หญิงสาว น่านฟ้ายืนอึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็ยอมสวมใส่แต่โดยดีไม่อิดออด
“มึงงง ไม่ต้องรูดซิปก็ได้มั้ง...” น่านฟ้าเอ่ยเสียงหลงก่อนจะตั้งท่ารูดซิปเสื้อแจ็คเก็ตลง หากแต่เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นกับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ถ้ามึงรูดซิปลง มึงได้ใส่เสื้อกูไปมหาลัยแทนแน่น่าน...” นั้นไม่ใช่ประโยคขอร้องและก็ไม่ใช่ประโยคคำสั่งเสียทีเดียว แต่ทว่าขนกายของเธอกับตั้งชันขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ น่านฟ้าช้อนสายตาขึ้นหมายจะสบมองใบหน้าของเพื่อนสนิท
หากแต่พอเงยหน้าขึ้นไปจริง ๆ สายตาของเธอกับสอดประสานเข้ากับนัยน์ตาสีนิลที่กำลังสบมองมาที่เธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และก็เป็นอีกครั้งที่หัวใจดวงน้อยของเธอกำลังเต้นโครมครามผิดจังหวะเพราะผู้ชายตรงหน้า
“เข้าใจที่พูดไหม? ..” เมื่อฟลินต์เอ่ยถามย้ำ น่านฟ้าก็จำใจพยักหน้ารับรู้ในทันที
“ระ รู้แล้วน่า มึงจะโหดกับกูทำไมนัก” เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างไม่เต็มเสียงนัก และความดื้อรั้นหรืออวดดีก็ไม่ได้ซ่อนเร้นอยู่ภายในดวงตาเหมือนเช่นเคย...
“งั้นกูไปก่อนนะ เจอกันที่มหาลัย”
“อืม...” ชายหนุ่มพยักหน้าเพียงนิดก่อนจะมองร่างบางที่ยังคงทำตัวมีพิรุธจนเขาเริ่มสงสัยว่าตกลงหญิงสาวจำเรื่องเมื่อคืนได้หรือไม่ได้ เพราะท่าทีของเธอมันดูไม่ปกติเอาเสียเลย
น่านฟ้าที่จิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่ตื่นนอนมา รีบหันหลังเดินตรงไปที่ประตูบานใหญ่พยายามร้องบอกให้หัวใจตัวเองนั้นหยุดเต้นรัวแบบนี้เสียที แต่ทว่าหัวใจไม่รักดีมันกับไม่ยอมฟังเธอเลยสักนิด
เท้าเรียวเดินไปหยุดที่บานประตูก่อนจะรีบเปิดมันออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกไปจากห้อง ปลายเท้าเรียวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อหน้าประตูถูกขวางกันด้วยชายร่างสูงที่เต็มไปด้วยความสง่างาม
“อ้าวน้องน่าน..” เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อยพลางสบมองดวงหน้าสวย
“สวัสดีค่ะพี่ฟาร์โร” หญิงสาวเอ่ยออกไปอย่างมีมารยาทพลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่มีสถานะเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทเธอ แต่นิสัยนั้นช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว แล้วคงไม่ต้องบอกว่าใครเป็นเหว มันต้องเป็นเพื่อนสนิทของเธออยู่แล้ว…
ฟาร์โร ส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าด้วยความอบอุ่นพลางเลื่อนสายตามองหญิงสาวสลับกับน้องชายตัวดีของเขา นัยน์ตาคมคายแสดงออกถึงความสงสัยและเกิดการตั้งคำถามภายในใจว่าทำไมน่านฟ้าถึงมาอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของฟลินต์ในเวลาเช้าแบบนี้…
“เมื่อคืนน่านเมาเลยนอนที่ห้องกู…” ฟลินต์ที่รับรู้ได้ถึงความสงสัยที่แสดงออกชัดเจนจากสายตาของพี่ชายเลยเอ่ยดักคอ...
“แค่มองตากูมึงก็รู้เลยหรอไงว่ากูคิดอะไร? ” ฟาร์โรเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขบขัน ก่อนจะละความสนใจจากน้องชายมาสนใจหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลชวนสะกด
“แล้วนี่น้องน่านจะกลับแล้วเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ พอดีต้องไปมหาลัยแล้ว เดี๋ยวน่านไปก่อนนะคะ…” น่านฟ้าเอ่ยพลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าอย่างมีมารยาท พลางเบี่ยงตัวเดินหลบเลี่ยงไปอีกทาง..
ฟาร์โรมองตามหญิงสาวไปด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความหลงใหลคล้ายกับตัวเขากำลังโดนมนต์สะกดไม่ให้ละสายตาไปจากหญิงสาวที่มีนัยน์ตาชวนฝันอย่างน่านฟ้า…
“มึงจะมองตามน่านให้ตามันถลนออกมาเลยไหม?” ฟลินต์เอ่ยขึ้นพลางสบมองใบหน้าพี่ชายคนโตด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่เขาก็พยายามกลบความรู้สึกจริง ๆ ของตัวเองเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย
“น้องเขาเหมาะกับชื่อน่านฟ้าจริงๆ ว่ะ…”
“ยังไงของมึง?” คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจในความหมายของพี่ชายที่พูดออกมา
“ก็น้องน่านดูเหมาะเป็นพื้นที่ทางอากาศให้คนเลวอย่างพวกเราได้หายใจไง…”
“มึงอยู่ใกล้เขาไม่หวั่นไหวได้ไงวะ?” ฟาร์โรเอ่ยถามอย่างไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาเพียงแค่สงสัยว่าน้องชายของเขามีหวั่นไหวบ้างไหมเมื่อต้องอยู่ใกล้ผู้หญิงที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวน
ฟลินต์นิ่งเงียบและเขาไม่คิดจะตอบคำถามของพี่ชายตัวเองสักนิด เขาเลือกที่จะตัดบทและเปลี่ยนบทสนทนาในทันที
“มึงพูดธุระของมึงมาได้แล้ว มาหากูแต่เช้ามีอะไร? เดี๋ยวกูต้องรีบไปมหาลัยเหมือนกัน”
“ที่กูมาหาเพราะติดต่อมึงไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน”
“แค่นี้หรอที่มาหากู? ” ชายหนุ่มเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะเชื่อพี่ชายตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่ามันต้องมีเรื่องอะไรมากไปกว่าที่พี่ชายพูดมา
“ย่ากับแม่รอจัดการมึงอยู่...” ฟาร์โรเอ่ยออกไปอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อมและรู้ดีว่าน้องชายของเขาก็ต้องรู้ทัน เพราะมันนั่นแหละที่ไปสร้างเรื่องวุ่นวายเอาไว้
“แม่โกรธมากที่เมื่อวานมึงไม่ไปดูตัวตามที่แม่สั่ง”
ต่างฝ่ายต่างใจเต้นไปเลยค่าาา ไม่รู้ใครเลิ่กลั่กกว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ คือนุ้งน่านฟ้าพิรุธสุดดด ??
เจอกันตอนต่อไปนะคะทุกคนนน ขอกำลังใจหน่อยนะคะ อ้อนๆเลยยย ???