ตอนนี้หล่อนคงเลิกงานแล้ว แต่เขาเห็นรดารสยังอยู่ในชุดกระโปรงเมื่อตอนใกล้บ่ายที่เขาพบ
“ หิวหรือยังค่ะ ด้าจะพาไปทานอาหารร้านญาติของด้าที่ริมชายหาด”
หล่อนเอ่ยบอกเขา เป็นเรื่องที่โรแมนติกมาก เขายิ้มเพราะตัวเองนึกหิวด้วย ตื่นขึ้นมา ท้องก็เลยร้องจ๊อกๆ
“ ผมเอง ก็นึกหิวอยู่พอดีเลย”
“ งั้น รอด้าสักครู่นะคะ จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้ว มินก็ควรอาบน้ำอีกรอบด้วยค่ะ ”
เขาพยักหน้ากับหล่อน
“ พี่ไหม ค่ะ ตื่นแล้วใช่ไหม ”
ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่เดือนมาลย์จะเรียกพี่สาวสุดที่รักของหล่อนด้วยคำนี้ เพราะเดือนมาลย์ใช้ชื่อเรียกพี่สาวสองคำ คำหนึ่งตามเพื่อนสนิทที่ทำงานของพี่สาว ว่า วดีคำท้ายของชื่อ มาณวดี
ส่วนคำว่าไหม เป็นชื่อที่มารดาตั้งให้มาณวดีได้ยินที่น้องเสียงเรียก น้ำเสียงของเดือนมาลย์ ไมได้เบาหรือดังจนเกินไป หล่อนมายืนชะโงกหน้าใกล้ๆเตียงพี่สาว ซึ่งร่างของมาณวดีหลับอยู่ และกำลังลืมเปลือกตา หลังจากผ่านพ้นเวลาไปหลายชั่วโมง เดือนมาลย์ยิ้มให้พี่สาว
ใบหน้าของมาณวดียังคงความอิดโรยและซีดไว้ เนื่องจากเพิ่งหายจากอาการไข้ น้ำเสียงยังแหบแห้ง และยังล้าแรง
“หายดีแล้ว ใช่ไหมคะ”
“ พี่รู้สึกค่อยยังชั่วแล้ว”
มาณวดีตอบน้องสาว
เดือนมาลย์เข้าไปใกล้ๆยกมืออังที่หน้าผากแตะเบาๆที่กลางกระหม่อม ขอโทษพี่สาวก่อน แล้วก็แตะสัมผัสตามแขน เป็นเพราะว่าเดือนมาลย์คอยใช้ผ้าเย็นบิดพอหมาดๆเช็ดเนื้อตัวให้พี่สาวตามซอกคอ ตามแขนขาตลอดเวลา
“ เธอ เช็ดตัวให้พี่หรือ ”
มาณวดีเห็นผ้าขนหนูเปียกชื้นในมือของน้องสาว
“ ค่ะ เดือนอยากให้พี่ไหม หายเร็วๆไงคะ จะได้ไปทำงาน ”
“ ขอบใจจ๊ะ แม่คุณ แต่ถึงยังไงพรุ่งนี้พี่ก็ไปทำงานแล้ว ครบกำหนดวันลาพอดี”
“ ลาต่อไม่ได้หรือคะ ท่าทางพี่ไหมคงยังไม่หายสนิท ขืนไข้ฟื้นกลับอีกแย่เลย แต่เราไม่ควรชะล่าใจนะคะเพราะหมอสั่งไว้”
เดือนมาลย์ยังนึกเป็นห่วงพี่สาวอยู่ดี
“ ไม่เป็นไรจะ พี่รู้สึกดีขึ้นแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้คงสร่างหาย พี่ คงเป็นธุระให้เธอช่วยดูแลมากสินะยายเดือน ”
มาณวดีพูดถึงอาการที่ผ่านมาของตนเอง และมีความรู้สึกตัวว่า น้องสาวตามเฝ้าใกล้ชิดตลอดเวลา
ระหว่างพี่กับน้อง เห็นใจกันตรงนี้ ช่วงทุกข์มีคนปัดเป่าคอยดูแลใกล้ๆ ซึ่งมาณวดีซาบซึ้งในจิตใจของน้องสาว
“ โถ พี่วดี อย่าคิดอย่างนั้นสิคะ เราเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ถ้าไม่ให้เดือนดูแลพี่ จะให้เดือนดูแลใครค่ะ อีกอย่างคุณแม่ก็สอนไว้ เราเป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันให้มาก ถ้าเดือนต้องเป็นอย่างนี้บ้าง พี่วดีเองก็ต้องเป็นฝ่ายดูแลเดือนเหมือนกัน ”
อีกสักพักหนึ่งรถยนต์แล่นเข้ามาในเขตบ้านของหล่อน มาณวดีหรือไหม ซึ่งมีอาการดีขึ้นมากแล้ว ได้ก้าวลุกจากเตียงเดินไปดูที่ริมหน้าต่างพอดี รู้สึกเคยคุ้นกับรถคันนี้
อ้าว ปรากฏว่า ใช่ นั่น ธารนาถ
“คุณใหญ่”
น้ำเสียงที่พี่สาวเรียกนั้นรู้สึกคุ้นเคย อ๋อ เดือนมาลย์จำได้แล้ว คนที่พี่สาวไม่ยอมรับรักเขา วันนี้เขามาเยี่ยมถึงบ้าน แสดงว่ามีน้ำใจ
เดือนมาลย์เคยเห็นหน้าตาของเขาหลายครั้ง เขาสนใจ และแอบชอบพี่สาวหล่อนตลอดมา คบหากันนานพอสมควร แต่พี่สาวของหล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่สเปกต์ และตัดรอนความสัมพันธ์ตลอดมา
จนสุดท้ายโกรธกันหนัก ทะเลาะกัน จนไม่อยากให้เขามายุ่งเกี่ยว
จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าหนอ เขาอาจจะแค่แวะมาเยี่ยมเยียนธรรมดา เดือนมาลย์เองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน มารดากับบิดาขับรถแวะออกไปข้างนอก คนใช้เป็นคนเปิดประตูให้เขา
“ ทำยังไงดีค่ะ พี่ไหม เขาคงมาหาพี่ ”
มาณวดีครุ่นคิด
“ ในฐานะเจ้าของบ้าน เราควรต้อนรับเขาน่ะดีที่สุด พี่เข้าใจเขาแล้ว จะไม่โกรธไม่เคืองกับเขา คิดว่าเขาเองก็คงพอจะเข้าใจพี่ ”
“ แต่พี่คิดว่า ไหวนะคะ ”
“ อืมส์ คิดว่า ไหวแน่ พี่รู้สึกตัวว่าเริ่มจะหายแล้ว”
“ งั้น ก็ตามใจคะ เดือนจะต้อนรับเขาไว้ที่ห้องรับแขก แล้วพี่ ไหม ก็ตามมาแล้วกันค่ะ”
มาณวดีพยักหน้าตามน้องสาว ค่อนข้างแปลกใจ ที่ทันทีเมื่อเห็นรถคุ้นสายตาของธารนาถ ธารนาถอดีตคนรักขัดใจกันหล่อนมานานแล้ว
เขาเพียรพยายามใช้ลูกตื้อ เพราะหลงรักหล่อน แต่มาณวดีไม่ได้รักเขาในเชิงชู้สาว
เขาก็ยังคงเพียรพยายามตลอดมามาวันนี้เขาจะเปลี่ยนมากไปหรือเปล่านะ ไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือนเลย
เดือนมาลย์คิด ตั้งแต่หล่อนตัดความสัมพันธ์กับเขา เขาเสียใจ เขาไม่พอใจ โกรธหล่อนรู้ แต่ใจหล่อนคิดยังงั้น จะให้หล่อนทำนอกเรื่องที่หัวใจสั่งการ ฝืนความรู้สึกของตนเองนั้น มาณวดีทำไม่ได้หรอก
“เชิญค่ะ นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ ประเดี๋ยวพี่ไหมจะลงมา”
เดือนมาลย์เข้ามาบอกเขา เป็นคนเปิดประตูรับชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงโปร่งเขาค้อมศีรษะให้หล่อนนิดหนึ่งเป็นการทักทาย และเปิดรอยยิ้มให้ ก่อนจะอนุญาตก้าวเข้ามานั่งข้างในในห้องรับแขก ระหว่างเดินตามหล่อน เขาถามว่า
“ ผมทราบเรื่อง คุณไหม ป่วยเข้าโรงพยาบาลจากเพื่อน เลยตามมาเยี่ยมที่บ้านครับ”
ธารนาถตอบ เขาเคยเห็นหล่อนมาแล้ว หล่อนเป็นน้องสาวของมาณวดี ถ้าเขาจำไม่ผิด เพราะมาณวดีเคยบอกกว่า หล่อนมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง
หน้าตาสวยไม่น้อย หน้าหวาน ผิวออกจะบอบบาง นุ่มนวล และดูเรียบร้อยเป็นธรรมชาติดี
ธารนาถตั้งใจมาเยี่ยมอาการของมาณวดี ถามไถ่สารทุกข์เหมือนเช่นในอดีตที่เขาเคยแวะเข้ามาในบ้านหลังนี้
เขาคิดว่าจะพบบิดาและมารดาของหล่อนที่นี่ แต่กลับไม่พบ ถ้าพบก็ตั้งใจสวัสดีทักทายด้วยเท่านั้นเอง
เพราะท่านทั้งสองเองก็ดูเหมือนจะรู้จักเขาดี บุตรชายของดนุกิจกับชีลาพร
เขานั่งเรียบร้อยที่พนักเบาะนุ่มลายเสือ และนุ่งสงบ เดือนมาลย์มาคุยกับเขาแล้วก็เดินจากไป เพราะหล่อนไม่ได้สนิทสนมกับเป็นการส่วนตัวนัก
อีกอย่างก็คิดว่าเขามีจุดประสงค์อะไรกับการมาที่นี่ เพราะพี่สาวของหล่อนนั้นดูเหมือนจะเลิกราความสัมพันธ์กับเขาแล้ว
จะว่าไป ก็น่าสงสารเขาเหมือนกัน เขาเป็นคนที่นิสัยดี เช่นเดียวกับหน้าตา หรือเขาไม่มีใครอื่นอีก ไม่น่าจะเชื่อเลยนะ หน้าตา หล่อคมคายแบบนี้ จะไม่มีผู้หญิงอื่น?
เดือนมาลย์เคยคิดแบบนี้กับผู้ชายตรงหน้าเหมือนกัน
แต่เดือนมาลย์ก็มีเพื่อนชายที่คบกันแล้วอยู่คนหนึ่ง เอกภาตา หรือโต๋
เขาเป็นคนนิสัยดี แต่ติดนิสัยเด็ก เป็นลูกแหง่ เขาไม่เหมือนผู้ใหญ่ เดือนมาลย์กำลังจะพิจารณาให้คบ เรียกว่า ลองเป็นแฟน แต่การตัดสินใจของหล่อนเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เมื่อเครอบครัวของเขาอพยพไปอยู่ที่ต่างประเทศ นอร์เวย์ ซึ่งเดือนมาลย์คิดว่า คงไม่ได้พบเจอกันอีกแล้ว เขาไปอยู่ประเทศแถบขั้วโลกเหนือ
แต่สเปกต์ของหล่อนจริงๆ คือ ชอบผู้ชายที่ดูสูงวัย หน่อย มากกว่าหล่อนสามสี่ปี เหมือนอย่างเขาคนนี้ เขาสามารถคุ้มครองดูแลปกป้องหล่อนได้
ส่วนคนวัยเดียวกันนั้น ยังดูเด็กทั้งคู่ แต่เดือนมาลย์ยังไม่กล้าตัดสินทำอะไร เพราะการเป็นแฟนกันนั้นดูเหมือนจะตามไปกับกระแสของเพื่อนสาววัยรุ่น ที่นิยมเลือกคู่จับผู้ชายที่ใกล้ชิดที่สุดมาเป็นแฟน
แต่แฟนก็แฟนธรรมดา ไม่ใช่ในฐานะอย่างอื่น ที่ลุกลามเลยเถิดไปไกลขนาดนั้น เป็นเดือนมาลย์เองก็ไม่ยอมหรอก
คำว่ากิ๊กด้วย หล่อนไม่ชอบคำนี้ แม้จะเป็นคนหัวสมัยใหม่ คำนี้เหมือนคนเจ้าชู้ มีคนเดียวไม่เพียงพอ
หล่อนมองความหมายของมันเป็นคำลบ