ตอนที่ 8

1341 คำ
พุกิม หลับฝันในคืนนี้ เขาหลับแล้วฝันสบาย ฝันเห็นวัดวาอาราม สวยงาม ปะติมากรรมศิลปะของคนโบราณ ลวดลายวิจิตรสลักเสลา เหมือนเคยพบจากที่ใดที่หนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ข้างการของพุกิมมีวิทยุเครื่องเล็กเปิดรายการธรรมมะที่มีหลวงพ่อคอยเทศนาธรรมให้เขาฟัง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เรื่องราวบางอย่าง เกี่ยวกับศาสนธรรม สมัยพระพุทธเจ้ายังคงพระชนม์ชีพอยู่ เป็นเรื่องที่มาจากพระไตรปิฎกบ้าง ยกคำกล่าวอ้าง เกี่ยวกับความดีและความชั่ว พุกิมชอบนอนฟังรายการนี้ ถึงเที่ยงคืนตีหนึ่งตีสองทุกวัน จนกล่อมให้เขาหลับสนิท พรุ่งนี้เอาเรี่ยวแรงไปทำงานต่อ ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ไม่มีอะไรวิเศษวิโสไปจากคนอื่นมากนักหรอก วิรามแปลกกใจ เขามองไม่เห็นน้องชาย เลยมาถามเอากับศุกุลยาผู้เป็นลูกสาว “อาของแก ไปไหน พ่อไม่ได้เจอหน้ามาเลยทั้งวัน ” “ คุณพ่อ มีธุระอะไรกับอามินหรือคะ ” ศุกุลยาเมื่อเห็นบิดาเอ่ยทักจึงถาม “ เกี่ยวกับงานที่โรงงานหรือเปล่าค่ะ” ศุกุลยาถามอีก “ ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ก็แปลก พ่ออยากจะถามดูเท่านั้น ทุกทีอาของแก ป่านนี้ นั่งอยู่ที่บริษัท ” “ ให้อา เขาพักผ่อนบ้างเถอะคะคุณพ่อ คุณอาฝากงานกับหนูไว้อีกสองสามวันเขาจะกลับมาที่ปราณ ” นายวิรามขมวดคิ้ว “ ที่ปราณ ” “ ค่ะ ” “ ไป ทำอะไรที่นั่น ” “คุณพ่อ ลืมไปแล้วหรือว่า ว่า คุณด้า แฟนของอามิน เขาเป็นคนประจวบคีรีขันธ์ ” นายวิรามเพิ่งรู้ เพราะไม่ได้สนใจใครมากกว่า ครอบครัวของตนเอง “ เหรอ พ่อเพิ่งรู้นะว่า มันมีแฟนอยู่ที่นั่น ” “นั่นแหละคะ ปล่อยๆอา เขาไปเถอะ เขาจะได้พักผ่อนเต็มที่ ตึงเครียดมากับงานก็สักระยะหนึ่ง หนูว่าดีออกคะคุณพ่อ อามินจะได้พักผ่อนสมอง เพราะที่นั่นอาจจะช่วยให้สภาพจิตใจชีวิตของแกดีขึ้นมากกว่าที่อื่น ถ้ายังอยู่กรุงเทพป่านนี้ คงต้องทนรอคอยด้วยความคิดถึงคุณด้าเขาอย่างเดียวสิคะพ่อ” นายวิรามก็ไม่ยักกะรู้ว่าลูกสาวรู้เรื่องนี้ มากมายเสียด้วย อดแปลกใจไม่ได้ “ แก นี่รู้เรื่องของเขาหมดเลยนะ ยายกุล ” “ โธ่ คุณพ่อ หลานโปรดของคุณอา ไงคะ จะไม่รู้เรื่องคุณอาได้ยังไง ” แค่ฟังก็พอ วิราม ไม่อยากจะเถียงลูก แล้วก็ผละจากไปที่อื่น ก็ไม่ห่วงนัก ก็เมื่อน้องชายเดินทางไปต่างจังหวัด คงเป็นธุระหัวใจของมันแล้วนี่ อะไร งานการที่ฝากไว้กับยายกุล ลูกสาวของเขา ยายกุลจะทำไหวเร๊อะ ลองนายมิน มันเชื่อใจ ก็ลองปล่อยให้ ศุกุลยาบริหารไปเถอะ “พ่อจะไปรับแม่ของแกที่ร้านทำผมเจ้าประจำของเขาเสียหน่อยจะเลยไปต่องานของสมาคมพ่อค้าส่งออก ที่พ่อกับแม่เป็นประธานร่วมอยู่ด้วย ไอ้กาจ คนขับรถมันดันป่วย ไม่งั้นพ่อคงไม่ต้องขับเอง ” “ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อ บริหารคุณแม่หน่อยเดียว นานทีคุณแม่จะได้นั่งรถฝีมือคุณพ่อ ” นายวิรามเดินมาบอกลูกสาว เมื่อคิดเรื่องนี้ได้ ท่านสวมชุดแต่งกายหรู เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก “ พ่อ คงจะกลับดึกนะลูก ราวๆเที่ยงคืน ” “ ค่ะ ” ศุกุลยาพยักหน้ารับคำของท่าน ก่อนที่ท่านจะเดินลงจากบันไดตึก จากนั้นไม่นานนักก็ได้ยินเสียงรถแล่นออกไปข้างนอก จนไม่นานนักเสียงนั้นก็หายไปในที่สุด ฝ่ายคุณชีลาพรในวันจันทร์ต่อมาจึงเข้าไปยื่นตัวกลับเข้ามาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษตามแบบเดิม เพราะเธอรู้ว่าเศรษฐกิจแบบนี้ย่ำแย่ นับวันจะแย่ลง หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองกะทันหันแบบไม่ให้ตั้งตัว เศรษฐกิจจากรัฐบาลรุ่นก่อนก็ถือว่าไม่ค่อยดีนักอยู่แล้ว ยิ่งทำการปฏิวัติเข้าไปอีกซ้ำ เป็นการยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ โรงงานบางแห่งก็ทยอยปิดตัว กะทันหัน เพราะค่าเงินบาทแข็งตัว ธุรกิจไม่มียอดสั่ง สินค้าไม่สามารถขายได้ อย่างที่เป็นข่าว อย่างน่าเห็นใจเจ้าของกิจการ จำเป็นต้องขายโรงงานทอดตลาด ขายเครื่องจักรในโรงงาน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้แก่พนักงาน แล้วแบบนี้ชีลาพรจะนิ่งนอนใจได้อย่างไร มันไม่ต่างไปจากยุคข้าวยากหมากแพงเท่าใด ข้าวของแพงหูฉี่ ประชาชนทุกวันนี้ ชะลอการจับจ่ายใช้สอย จึงเป็นผลประทบต่อเนื่องไปหมด เคยเกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๓๐ ถึง ๓๕ มาแล้ว ไม่นึกว่า พ.ศ. ๕๐ จะกลับมาซ้ำรอยเดิมอีก แต่คราวนี้เศรษฐกิจตกสะเก็ด บ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย ชีลาพรก็รัดเข็มขัดให้แก่ครอบครัว อะไรช่วยชาติประหยัดได้ก็ประหยัด น้ำไฟ ดังนั้นการกลับเข้ามาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอีกครั้งของชีลาพรถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ได้เคาะสนิมความรู้เดิมของตนเอง ภาษาถ้าหากไม่นำมาใช้ มันก็อยู่ที่เดิม เพราะภาษามันมีวิวัฒนาการก้าวไกล คนในสังคมใช้ในการสื่อสาร มันมีศัพท์ใหม่ๆเกิดขึ้นมา ที่ชีลาพรคิดว่า บางครั้งตัวเธอตามไม่ทันแน่นอน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ อย่างที่เขาพูดว่า ภาษามันดิ้นได้ นึกถึงในอดีตที่ชีลาพรเดินทางไปศึกษายังประเทศไกลโพ้นทะเลข้ามน้ำข้ามฟ้าไปยังดินแดนตะวันตก ภาษาศาสตร์ในอดีตถือว่ายากเหมือนกัน แต่คงไม่ซับซ้อนเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้ ชีลาพรก็เหมือนคนไทยทั่วไป ที่ภาษาอังกฤษอ่อนนัก เมื่อเทียบกับนักศึกษาคนอื่น ได้รับการฝึกสอนมาแบบผิดๆ มาแมร์( หญิงที่เป็นอาจารย์สอนเฝ้าดูแล ซึ่งเป็นหญิงผิวดำ คอยหยิกบิดที่เนื้อ ที่เนื้อตามแขน เมื่อชีลาพรออกเสียงไม่ถูก จนกว่าจะเป็น ) แต่ก็นึกขอบคุณอาจารย์ท่านนั้นที่ทำให้ภาษาศาสตร์ด้านภาษาอังกฤษของชีลาพรเก่งขึ้น และเป็นอยู่ทุกวันนี้ นอกจากขยันท่องด้วย เรียนรู้เกี่ยวกับ สัทอักษร สรวิทยา ด้าน ฟอนอลอจี้ การออกเสียง การสเตรส การศึกษาโครงสร้างของเสียง ของคำ ว่ามีที่มาอย่างไรทุกอย่าง ที่มาแมร์คนนี้เคี่ยวเข็ญ เรียนภาษาศาสตร์เป็นเรื่องเครียด และเหนื่อย แต่ชีลาพรก็ผ่านพ้นมาได้ นั่นคือ เหตุการณ์ในอดีตที่ชีลาพรนึกถึงตนเอง ในวัยที่หล่อนยังเป็นสาววัยรุ่น ยังไม่ได้เป็นคุณแม่ของลูก เขาหลับพักผ่อนไปนานถึงสามชั่วโมง จึงตื่นมา พบว่ามีหญิงสาวนั่งเคียงอยู่บนเบาะโซฟาตรงกันข้าม รามินถือเอาเบาะนุ่มๆของโซฟายาวสีครีมนี่แหละเป็นที่นอนหลับของเขาดีที่สุด เขาไม่รู้ว่าหล่อนกลับมาเมื่อไหร่ พอลืมตาตื่นขึ้นมาเองก็พบว่าหล่อนนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ก็เลย ได้แต่ยิ้มเป็นแหย ไม่กล้าถาม แต่หล่อนก็ไม่ว่าอะไร สักพักเขาลุกขึ้นตรงไปที่ห้องน้ำทันที ผมเผ้าที่มันยุ่งหวีปัดให้เข้าทรง ล้างหน้าล้างตาจนสะอาดสะอ้านหมดจด เขาเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม เหมือนรอให้หล่อนถาม และหล่อนก็ถามเขาจริงๆ “ เป็น ยังไงคะ อากาศที่นี่สบายเสียจนมินหลับไปตั้งนานเลย” เขายิ้มตอบหล่อน “ ครับ อากาศคงจะดีอย่างว่า ผมขอโทษด้วยนะด้า ที่นอนเสียเต็มอิ่ม” “ ไม่เป็นไรค่ะ มิน ดีเสียอีก ด้ารู้ว่าคุณเพลีย ขับรถเหนื่อยมาจากระยะทางที่ไกล จากกรุงเทพมาประจวบ อีกอย่างตอนนั้นด้าก็ยังทำงานอยู่ คงไม่มานั่งเป็นเพื่อนคุณได้หรอก” เขารู้สึกปลอดโปร่งขึ้น หายเพลียและเมื่อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม