นายแพทย์อรรคราม เพื่อนหมอคนนี้ยังมาไม่ถึง ปกติก็จะนั่งรถไฟใต้ดิน จากที่พักย่านถนนรัชดาภิเษกแถวๆเกือบถึงพหลโยธินมาทำงาน
เมื่อเรียบร้อยในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสะแล็คส์สีดำสนิท หมอติยากรก็เดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ที่บรรดาคนไข้และญาติมานั่งรอเพื่อฟังการเรียกขานชื่อ ทั้งรับยาและจ่ายเงินรักษาตามบัตรคิว
แต่คุณหมอติยากรกลับไปเดินไปที่เคาน์เตอร์ ประชาสัมพันธ์ของห้าง ซึ่งเป็นแผนกฝ่ายทะเบียนของคนไข้ บอกให้เจ้าหน้าที่อาวุโส ผู้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประกาศ
“ ขอให้ญาติผู้ป่วยที่ ชื่อ นางสาว มาณวดี มารับตัวคนไข้ได้ในช่วงตอนบ่าย หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ เพราะว่าหมอมีประชุมในตอนบ่ายต่อเรื่องเกี่ยวกับวิชาการ ไม่สามารถมาดูแลคนไข้ได้ ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องพบหมอ ขอให้ทำใบนัดเอาไว้”
เขาถ่ายทอดคำพูดเหล่านี้ให้กับเจ้าหน้าที่ นางรับคำ แล้วปฏิบัติตามที่คุณหมอติยากรรูปหล่อ ที่ยิ้มให้ก่อนจะเดินจากไปลงลิฟต์พิเศษเฉพาะแพทย์
“ ขอเรียนให้ญาตินางสาวมาณวดีโปรดทราบ ขอให้ญาติมารับตัวคนไข้กลับบ้านในตอนบ่าย ซึ่งคุณหมอได้ทำการตรวจรักษาเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากท่านต้องการทำใบนัด เพื่อขอพบคุณหมอใหม่อีกครั้ง กรุณามาพบเจ้าหน้าที่ด้วย ขอขอบคุณค่ะ”
“แม่คะ นั่นไง คะ เรียกชื่อ พี่วดีแล้ว”
เดือนมาลย์ได้ยินแล้ว จึงกระตุกที่ข้อมือมารดาเบาๆ คุณใจจวงเองก็ได้ยินแจ่มชัดใบหู
“ ไปเถอะค่ะ เข้าไปหา พี่วดีในห้องกัน ”
คุณใจจวงจำเป็นต้องเดินตามบุตรสาวไป
พอไปถึงแล้ว เห็นอาการของพี่สาวดีขึ้นมากกว่าเดิม ถึงกับยิ้มออกมาได้ นายแพทย์ติยากรทำการฉีดยาป้องกันเชื้อโรคให้แก่มาณวดี ที่ต้นแขน
สักพักเธอรู้สึกอาการดีขึ้น และเพิ่งมารู้กับนางพยาบาลเมื่อครู่นี้ว่า
หล่อนมีโรคไข้เลือดออกติดมากับไข้ด้วย แต่ว่าเป็นสายพันธ์ธรรมดา ไม่ใช่รุนแรง รู้สึกตกใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าติดมาได้ยังไง
จึงนึกได้ว่า แถวบ้านมียุงเยอะ เป็นแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย เพราะมีน้ำท่วมขัง ฝนตกหนักไปเมื่อเดือนสองเดือนที่ผ่านมา พื้นที่ในซอย เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นลำคลองบ้านเรือนของประชนชนปลูกยกสูงเหนือลำคลองมีลักษณะเป็นชุมชนเล็กๆ มันคงเผื่อแผ่เอาพิษร้ายมาถึงหล่อน ผู้มีบ้านพักอยู่ในซอย
ทั้งๆที่บ้านของหล่อนเป็นคฤหาสน์ ไม่ใช่กระต๊อบหรือ บ้านไม้ชั้นเดียวแบบในชุมชน แต่ยังมียุงร้ายแพร่เชื้อเข้ามาถึง
ยุงลายเข้ามากัดจนหมอเผยให้เห็นรอยจ้ำบนผิวเนื้อที่แขน ซึ่งมาณวดีก็ไม่ได้สังเกต อาจจะเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่ง หล่อนมักจะชอบนั่งตากลมเย็นอยู่ที่หน้าระเบียงห้อง ทำงานไปบ้าง อ่านหนังสือไปบ้าง จนค่ำมืดทุกวัน
บางทีก็เผลอหลับฟุบไปตรงนั้น มันอาจจะใช้ช่วงเวลาที่หล่อนเผลองีบหลับเข้ามากัดรุมไปตามเนื้อตัว จนหล่อนไม่รู้เรื่อง
“ นรีนาถ ”
มาณวดีรับโทรศัพท์
“ ใช่ย่ะ น้องสาวของแกโทร.มาบอกฉัน ว่าจะขอลางานต่อ ”
นรีนาถเอ่ยให้ฟังเพราะเดือนมาลย์มาบอกก่อนหน้านี้ว่าอาการของเพื่อนสาวเป็นหนัก ต้องเข้าโรงพยาบาลใหญ่
“เมื่อก่อนแก อยู่ที่คลินิกนี่นา ก็ไม่เห็นเป็นอะไร พอมาอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ ฉันก็เลยคิดหนักน่ะสิ ว่าอาการของแก มันไม่ธรรมดาแล้วนะยะ ป่วยเข้าขั้นโรงพยาบาลใหญ่ แล้วนี่ หมอเขาบอกแกว่า แกเป็นอะไรย่ะ นังวดี ” มาณวดีตอบเพื่อนเสียงเบาๆ
“ โรคไข้เลือดออก แต่ไม่กลายพันธ์นะ เบาหน่อยหมอเขาพอจะหยุดได้ ฉันก็เกือบไปนั่นแหละ ”
“ เฮ้ย แก เดี๋ยวนี้ เฉยๆไม่ได้นะ ไข้หวัดนกระบาดออก แกอย่าชะล่าใจ ”
“ จ๊ะ แม่ตุ่มศรี ขอบใจที่เป็นห่วง ”
“ ถ้าแกไม่ใช่เพื่อนฉัน ฉันก็ไม่ห่วงหรอก ”
คนที่ถูกเอ่ยว่าตุ่มศรี เพราะหล่อนเป็นคนเจ้าเนื้อ เรียกขานกันเล่นๆในกลุ่มเพื่อนๆเท่านั้นเอง
“คอนเฟิร์มใหม่ย่ะ เดี๋ยวนี้ฉันใกล้จะหุ่นสเล็นเดอร์แล้ว ”
นารีนาถพูดตอบไม่อยากให้ใครเข้าใจตัวเองผิด
“ ขอให้ตามที่ปากพูดเถอะย่ะ ฉันจะร่วมดีใจกับแกไปอีกคน ถ้าแกสเล็นเดอร์ได้ ไม่ใช่ ป่องกลมเหมือนแม่หมูอวกาศ ”
ประชดใส่เบาๆ
EP 07
“แหม แก นี่ชอบแกล้งฉันจริงๆ ชอบนักไอ้เรื่องกรีดปมด้อยฉัน ”
นารีนาถ ไม่พอใจอยู่นิดๆ
“อ้าว ก็ฉันพูดเรื่องจริงนี่ ”
มาณวดีพูดอย่างนั้น
“แหม หมอไม่น่าให้แกรีบออกจากโรงพยาบาลเลยนะยายวดี น่าจะให้แกนอนอยู่ต่อไปอีกอาทิตย์หนึ่ง ”
“อ้าว ก็ทำไงได้ หมอไล่ฉันกลับ ไอ้ฉันน่ะนะก็อยากจะอยู่ต่อ หมอออกจะล้อหล่อมากแน่ะนังรี่ ”
“ อุ๊ย หล่อหรือ”
น้ำเสียงของนารีนาถออกจะกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันที
“ สำหรับสาวๆหุ่นดีย่ะ หุ่นอย่างหล่อนไม่มีสิทธิ์ ”
“ ฮึ ไม่สวยบ้างก็ให้มันรู้ไป ถ้าฉันสวยขึ้นมาเมื่อไหร่ แกไม่มีสิทธิ์มาทาบเทียบชั้นหรอก”
นารีนาถประชดเสียงพร้อมกระแทกกลับไป
“ ย่ะ รีบสวยขึ้นมาหน่อยนะยะ จะได้มีแฟนกับเขาบ้าง ”
ไม่วายที่มาณวดีจะตามมาว่าแคะค่อนอีก
ที่ไร่แถวๆประจวบคีรีขันธ์ คือ ไร่สับปะรด รามินนั่นเอง กับ รดารส ซึ่งเขาขับรถบึ่งมาหาเธอตามนัด เพราะความรักที่ชายหนุ่มและหญิงสาวมีให้กัน
ตอนนี้รดารสกลับมาทำงานที่บ้านเกิด บริหารงานที่เป็นกิจการของครอบครัวเธอเอง โรงงานสับปะรด ไม่ใช่มาทำงานและเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งเขาจะพบเจอกับเธอได้ง่าย
ยิ่งรดารสต้องมาเป็นผู้บริหารเองกับน้องๆ เป็นเจ้าของบริษัท ดูเหมือนงานนั้นออกจะหนักมากกว่าลูกจ้างอีก
เพราะต้องทำออกมาดีกว่าลูกจ้าง และการทำงานมีเป้าหมายมากกว่าเดิม
รดารสรักครอบครัว ปราณบุรี แม้ไกลจากทะเลพอสมควร แต่ระหว่างทางที่ขับรถมาเขาก็มองเห็นหมู่บ้านชาวประมง เสากระโดงเรือประมงลำใหญ่ และเรือตังเกหาปลาที่จอดเทียบลำอยู่บริเวณท่าเทียบเรือติดริมฝั่ง
อากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน ระหว่างทางที่เขาขับรถผ่านมา แถวนี้ดาษดื่นหนาตาด้วยต้นมะพร้าว สวนปาล์มและกาแฟ ตลอดสองข้างทาง พอๆกับไร่สับปะรดที่ปลูกแซมได้ไปทั่วตามที่ลาด ไหล่เขาจนมาถึงที่ราบล่างทั้งสองฟากข้างทาง
เขาเดินทางมาถึงช่วงบ่ายโมง ยอมรับตัวเองว่า การที่เขาขับรถมาเองคนเดียวตลอดทาง นี่ค่อนข้างเหนื่อยมาก หยุดแวะรับประทานอาหารที่เมืองเพชรบุรี ดังนั้นเขาจึงรู้สึกล้า เมื่อเดินทางมาถึงไร่ของหล่อน
“ ต๊าย เก่งจังนะคะ เดินทางมาถูก ” รดารสเอ่ยกับเขา
“ ไม่ได้มาตั้งนาน ด้าว่าจะต้องหลงทางแน่ๆ ”
“เพราะนึกถึงหน้าของด้า ตลอดทางไงครับ เลยไม่หลง”
น้ำเสียงของรามินออดอ้อน ทำให้หญิงสาวใบหน้าแดงซ่าน หล่อนเบือนไปทางอื่น ที่บ้านพักรับรองแขกของหล่อน ออฟฟิศซึ่งอยู่ถัดไป และโรงงานก็อยู่อีกถัดไป
ได้ยินเสียงเครื่องจักรครางกระหึ่มรบกวนตลอดเวลา
หล่อนพาเขามาพักที่บ้านก่อน อุตส่าห์เดินทางไกล รดารสยังทำงานไม่เสร็จ หล่อนออกจะยุ่ง ในเมื่อเขามีใจเพียงนี้ จึงบอกให้ไปรออยู่ที่บ้านก่อน พักผ่อนหลับให้สบายสักงีบ
“ อาบน้ำซักหน่อยเถอะคะ เหนียวตัวจะแย่ จะได้รู้สึกสบายขึ้น เดี๋ยวด้าจะให้เด็กเอาผ้าขนหนูมาให้ เผอิญว่าด้าต้องไปจัดการกับงานต่อ ขอให้หลับให้สบายนะคะ ”
หญิงสาวกล่าวอย่างอ่อนหวาน ก่อนเลยเดินจากไปสั่งคนใช้ข้างนอกให้นำผ้าขนหนูผืนใหม่จากในตู้นำมาส่งให้เขา
จากนั้นสาวใช้ก็ทำตามที่หล่อนบอก รามินรับผ้าขนหนูมาไว้
“ ขอบใจนะ”เขาเอ่ย แล้วสาวใช้ก็ออกไป รู้สึกเหนียวตัวมากเหมือนกัน จึงจัดการอาบน้ำชำระร่างกายของตนเองในเวลาตลอดมา
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกโปร่งตัว เบาสบายขึ้น สมองเริ่มแจ่มใสจากที่เคยล้า ก็สามารถคิดอะไรออกได้หลายอย่าง