ค่อยทำให้เดือนมาลย์โล่งใจหน่อย ที่มารดายอมทำตามคำแนะนำ แล้วเธอก็กระวีกระวาดบอก
“ งั้นเดือน ขับรถให้ก็แล้วกันนะคะ ไปเดี๋ยวนี้เลย ใช่ไหมคะ คุณแม่ งั้นให้พี่วดีลุกจากที่นอน ไปรอข้างล่างก็แล้วกัน”
มาณวดียังมีเรี่ยวแรงพอที่จะพยุงตัวเองได้ ยังไม่ถึงขั้นที่เดินไม่ได้ ที่นอนซมอยู่ก็เพราะปวดหัวและตัวร้อนจัดเท่านั้น นี่คืออาการพิษไข้รุมเล่นงาน แต่ก็ต้องให้หมอใหญ่วินิจฉัยอีกครั้ง ว่ามีอาการอื่นแทรกซ้อนไหม
อาจจะเป็นเพราะว่า คลินิกแถวละแวกซอยบ้านตรวจไม่ละเอียด อาการจึงไม่มีท่าทีว่าทุเลาลง
เดือนมาลย์ขับรถไปส่งพี่สาวจนถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จนมาณวดีถึงมือหมอโดยความปลอดภัย คุณใจจวงกับบุตรสาวคนเล็กก็มานั่งรอข้างนอก
สักพักใหญ่ๆหมอก็วินิจฉัยออกมาว่า
“ มีอาการของโรคไข้เลือดออก จำเป็นต้องอยู่ในการดูแลของหมอ ”
ดีแล้วที่หล่อนเฉลียวใจนำส่งพี่สาวเข้าโรงพยาบาลใหญ่ทัน
ไม่ใช่ที่คลินิก ที่พอเข้าไปปุ๊บก็จัดยาให้อย่างเดียว เพราะมีคนไข้รายอื่นเข้าคิวรอเพียบ รักษาเพื่อหวังแต่เงิน
คุณใจจวงทราบเข้าก็ตกใจ หนักเหมือนกันนะอาการของบุตรสาว ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ฝนตกลงมาหนักทุกวัน ทำให้น้ำขังท่วมซอย ยุงก็เลยได้ที ไข่ทิ้งเรี่ยราด แพร่ขยายพันธ์ออกมาอย่างนี้
โรคนี้อันตราย ถึงชีวิตเหมือนกัน ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน และถึงมือแพทย์เร็วไว และมีข่าวจากทางหนังสือพิมพ์ทีวีเคยออกข่าวว่า ผู้ป่วยตายมาหลายรายแล้ว
คุณใจจวงห่วงบุตรสาว อย่าให้ถึงกับเคราะห์ร้ายขนาดนั้นเลย
มาณวดีถือว่าเป็นเรี่ยวแรงของครอบครัวในการหารายได้เช่นกัน เมื่อบวกกับ สามี ถือว่าในแต่ละเดือนเฉลี่ยแล้วพอใช้ และมีเก็บด้วย
ใช้ของสามี และลูกสาวก็ให้เงินเก็บมาส่วนหนึ่ง เดือนละสามพัน ตลอด เงินเดือนของ มาณวดี หมื่นห้าพัน
ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่ากินอยู่ ค่าเสื้อผ้า และเก็บออมในธนาคารส่วนตัวด้วย
ลูกสาวคนนี้ถือว่าเป็นที่พึ่งของครอบครัวได้เป็นอย่างดี ส่วนเดือนมาลย์ยังเด็กอยู่ และยังเรียนหนังสือ นางใจจวงก็หวังว่าลูกสาวจะเจริญรอยตามพี่สาว เรียนจบแล้วก็ออกมาหางานทำ ครอบครัวของนางไม่ได้ร่ำรวยมากนัก เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ว่าบัดนี้ไม่ใช่
มันร่อยหรอเนื่องมาจาก เอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจเปิดโรงงาน แต่ไปไม่ไหว ต้องขาดทุน เป็นหนี้เป็นสินธนาคาร กว่าจะใช้เขาเสร็จอย่างทุกวันนี้ แทบจะขายทรัพย์สินหลายอย่าง ทั้งที่ดิน ขายรถ จนกระทั่งว่าเธอและสามีเข็ดที่จะหยิบจับธุรกิจโรงงาน
เพราะธุรกิจนี้ต้องใช้เงินหมุนเวียนในแต่ละวัน แต่เมื่อการวางแผนไม่ดี ไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลของคู่แข่ง จึงถูกโจมตี ในที่สุดก็จอดลงแบบไม่ต้องแจว
เพราะธุรกิจประเภทนี้ต้องรู้จักทางหนีทีไล่ และศัตรูทางธุรกิจเหล่านี้มีเยอะเหลือเกิน การไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมเขา ทำให้ถูกโกงและหลอก
เงินที่จ่ายมาก็เป็นเช็คติดสปริง วัสดุที่ขายให้บริษัทก็เกรดต่ำ หนำซ้ำยังถูกโกงราคา เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว คุณใจจวงและสามีมารู้เข้าที่หลัง ทำให้เจ็บใจมาก
โรงงานแห่งนั้นจำต้องขายทิ้ง แต่ไม่คุ้มกับการลงทุน ขายเพื่อใช้หนี้ ยังดีกว่าไม่มีทาง หมดทรัพย์สินยังดีกว่าหมดตัว ตอนนั้นเธอกับสามีคิดกันอย่างนั้น จึงอยู่รอดได้
EP 06
ลูกสาวทั้งสองยังเล็กนัก ไม่ประสาทั้งคู่ คนโตเรียนชั้นประถม คนเล็ก เรียนชั้นอนุบาล นางคิดย้อนเรื่องในอดีตเมื่อยี่สิบกว่าปีนี่เอง
นางนึกแล้วยิ่งเจ็บแค้น ถ้าหากไม่นึก มันก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่เคยพบพานมาก่อน ที่นางมาสะดุดป้ายหน้าห้องของนายแพทย์ ติยากร อมรวัฒนาเกรียงไกร
นามสกุลนี้ นางช่างคุ้นเหลือเกิน อ๋อ เพิ่งนึกถึงได้ มีคนหนึ่งที่นางรู้จัก นายสมชาย อมรวัฒนาเกรียงไกร คนทรยศ พ่อค้ามากเหลี่ยม ที่มีส่วนทำให้ธุรกิจของนางกับสามี ล่มจมขาดทุน
แค่นามสกุลนี้ ทำให้นางแวบขึ้นมาทันที ชื่อของนายแพทย์คนนี้ อาจจะเป็นทายาทหรือลูกหลานก็ได้ และมาณวดีลูกสาวกำลังอยู่ภายใน โดยการรักษาของนายแพทย์ที่มีชื่อว่า ติยากร นามสกุลดังกล่าว
คุณใจจวงเกลียดนามสกุลนี้ ทำไมล่ะ นางไม่เงยหน้าเห็นหล่อนที่พยาบาลจะนำตัวมาณวดีเข้าไปข้างใน
ถ้านางรู้ นางไม่ยอมอย่างเด็ดขาด จะให้ลูกสาวไปรักษาตัวอยู่ที่อื่น
แม้ว่ากิตติศัพท์ของนายแพทย์โรงพยาบาลแห่งนี้จะดีรักษาเก่งแค่ไหน
แต่นางเกลียดนามสกุล ข้อเดียวที่เสียกับนาง เหมือนกับต้องมาพบเรื่องแสลงใจเวลานี้ คนสกุล อมรวัฒนาเกรียงไกร รักษาลูกสาวของนาง
นางไม่ถือว่า เป็นบุญคุณหรอก อยากจะหนี นามสกุลนี้ไปให้ไกล
ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาหลายปีแล้ว ทำไมต้องมาเจอตรงนี้
เพราะนางทราบมาว่า นายสมชาย ตั้งแต่คราวนั้น ร่วมมือกันโกงสามีกับนาง เสร็จแล้วก็ปิดบริษัทหนี ย้ายบ้านไปอยู่ที่ต่างประเทศ ขายบ้านเดิมทิ้ง
บาดแผลคราวนั้น คุณใจจวงเจ็บไม่เคยลืม แต่ก็ไม่ได้สอนให้บุตรสาวอาฆาต พยาบาท ทางที่ดีเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงคนพวกนี้เสีย
นางไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ให้เดือนมาลย์ กับมาณวดีรับทราบ เพราะไม่อยากให้ลูกสาวรับช่วงต่อไปในเรื่องอาฆาตแค้น
นางทำแบบนี้ตลอด สอนสั่งลูกในทางที่ดี ทำตัวให้ดี รู้จักการวางตัว มีมารยาท และเดือนมาลย์ กับ มาณวดีก็ไม่เคยทำให้นางผิดหวัง
จนในวันนี้ นางก็ลูกเหมือนกัน ไม่ปรารถนาการอาฆาตแค้น ที่จะให้ลูกทั้งสองสานสืบ แต่คิดในแนวทางที่ว่า ไม่ต้องพบเจอกันเลยทั้งชาตินี้จะดีกว่า
แต่ว่ากรุงเทพ ค่อนข้างแคบเหลือเกิน สักวันนางต้องพบเจอกับคนในตระกูลนี้อีกอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ นางใจจวง จะเก็บ มันไว้เป็นความลับ บอกได้เพียงแค่สามี
แม้แต่บุญคุณที่ทายาทของอมรวัฒนาเกรียงไกร ช่วยรักษาลูกสาวของนางให้หายป่วยไข้ นางก็ไม่คิดอะไร ไม่คิดว่าเป็นบุญคุณ สิ่งเหล่านั้น คือ ความว่างเปล่า ต่างหากล่ะ นางจะคิดอย่างนี้
“แม่ เหมือน คนคิดหนัก อีกแล้ว แม่คิดเรื่องอะไรอีกล่ะคะ พี่วดีถึงมือหมอแล้ว เดือนว่าคงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะคะ”
“ ปละ เปล่าจ๊ะ ลูก แม่ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
จำเป็นต้องโกหกบุตรสาว ดูเหมือนเดือนมาลย์มีท่าทีไม่สงสัยอีกเลย
เรื่องอะไรที่คุณใจจวงจะบอกความจริง ไม่อยากให้บุตรสาวไปรู้จักคบหาคนตระกูล นามสกุลนี้ด้วย
ระหว่างทำการรักษา มาณวดีอยู่ตามลำพังกับคุณหมอติยากร หมอติยากรเป็นหมอที่รูปหล่อมาก จนคนไข้อย่างมาณวดีรู้สึกเขินทุกครั้ง ที่หมอแตะตรวจจับไข้ ด้วยการให้อมปรอท
การสัมผัสแตะต้องมือแขน มาณวดีพยายามปิดเปลือกตาลงเพื่อไม่อยากเห็นภาพนั้น ซึ่งตนเองมีท่าทีขวยเขินต่อหมอจนเกินไป หมอติยากรเองก็ไม่สังเกต
เขาทำไปตามหนห้าที่รักษาผู้ป่วย อยู่สิทธิ์ของแพทย์ที่มีอยู่ เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ เพราะการรักษาคนไข้ จำเป็นต้องสัมผัสไปถึงเนื้อตัวของคนไข้
แต่เขาเองก็เขินไม่น้อยกับคนไข้สาวๆเหล่านี้ แทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ที่ผ่านมา
เขาพยายามทำเป็นแบบไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกัน มีสาวๆหลายๆคนที่เป็นคนไข้แอบจ้องมองใบหน้าของเขา ในตอนที่เขาไม่ทันสังเกต แต่แวบหนึ่งก็มีความรู้สึกว่า มีดวงตาจ้องมาทางเขานานมาก จะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนไข้ ซึ่งอยู่ในห้องตามลำพังกับเขา
กับชุดกาวน์ที่ขาวสะอาด ร่างผึ่งผายสูงโปร่งก็ก้าวออกจากห้องของคนไข้ เข้าไปในห้องพักผ่อนสำหรับหมอทันที
หมอติยากรนึกหิว เป็นช่วงเวลาที่เพื่อนหมอด้วยกันกำลังผลัดเปลี่ยนเวร และในระหว่างนี้คุณหมอให้พยาบาลเป็นคนมาเฝ้าดูแลคนไข้แทน