ตอนที่ 10
ระหว่างที่มนต์นภาเดินไปพักเที่ยง พีรวิทย์ก็เดินไปดึงมือของหญิงสาวให้ไปขึ้นรถของเขา
“ไปทานข้าวกับผม”
“คุณจะมาบังคับฉันทุกอย่างไม่ได้นะคะ” มนต์นภาเสียงแข็งใส่เขา
“ถ้าคุณไม่ไปก็ได้ งั้นไปเราไปหาท่านประธานด้วยกันเลยดีมั้ย” แต่ก็ต้องยอมไปด้วยอยู่ดี เพราะเขากำลังเป็นต่อเธอ
“คุณนี่มัน...” เธอพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ที่กระแทกเท้าเดินตามชายหนุ่มไปที่ลานจอด พีรวิทย์ไม่สนใจ
“ได้คืบจะเอาศอก” มนต์นภาพึมพำก่อนจะถูกเขาจูงมือให้เดินเร็วขึ้นจนพามนต์นภาขึ้นรถและขับออกไป ระหว่างนั้นคุณประภาศรีเดินมาที่ห้องทำงานของลูกชาย ก็ไม่พบใครเลย จึงโทรหาพีรวิทย์ โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นในรถ ชายหนุ่มกดปุ่มรับโทรศัพท์ที่พวงมาลัย
“นี่แกอยู่ไหน”
“อ๋อ ผมกำลังจะพา...” ยังไม่ทันจะเอ่ย มนต์นภาก็รับโบกมือเป็นสัญญาณให้กับพีรวิทย์
“อ๋อ!..ผมมาทานข้าวครับ”
“กับใคร”
“คนเดียวสิครับแม่” มนต์นภาค่อยโล่งอก
“นี่แกปล่อยให้หนูมนต์ทานข้าวคนเดียวเหรอ”
“อ่าว!.. เธอไม่ใช่เด็กอมมือนะครับ ที่ต้องคอยพาไปกินข้าวอาบน้ำ หรือแม่จะให้ผมทำแบบนั้นครับ”
“ไอ้ลูกคนนี้...นี่ไม่ได้เรื่องเลย” มนต์นภาหันหน้าออกไปมองด้านนอกรถเมื่อได้ยินคำนี้เธอถึงกับแอบยิ้ม
“แค่นี้นะครับแม่”
“เออ ๆ
“สวัสดีครับ”
หลังจากนั้นไม่นานโทรศัพท์ของมนต์นภาก็ดังขึ้นอีก เป็นสายเรียกเข้าจากคุณศรีประภา ชู่ววว์!!! มนต์นภาทำท่าทางให้พีร์วิทย์เงียบ ๆ
“สวัสดีค่ะ คุณป้า”
“สวัสดีจ้ะหนูมนต์ ทานข้าวกลางวันหรือยังลูก”
“อ๋อ กำลังทานอยู่พอดีเลยค่ะ..คุณป้า” มนต์นภาโกหกไป
“หนูออกไปทานข้าวคนเดียวเหรอจ๊ะ”
“อ๋อ..พอดีมนต์นัดเพื่อนไว้ค่ะ..คุณป้า”
“อ๋อ...ถ้าวันไหนหนูว่าง ก็ชวนพี่พีร์ไปทานข้าวเป็นเพื่อนสิลูก”
“อ๋อ..ค่ะ ๆ ได้ค่ะคุณป้า”
“แค่นี้นะลูก”
“ค่ะ..ขอบคุณค่ะคุณป้า” หญิงสาวยกมือทานอกและรีบกรอกเสียงไป
พอทั้งคู่ทานข้าวเสร็จก็กลับมาพร้อมกัน พีรวิทย์เดินจุงมือมนต์นภากำลังจะเดินขึ้นตึกไป อยู่ ๆ เธอก็รีบสะบัดมือออกจากชายหนุ่ม พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ปล่อย เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก ฉันยิ่งบอกว่าไม่ได้ออกไปกับคุณอยู่ด้วย เกิดแม่คุณเห็นขึ้นมาจะหาว่าฉันโกหกท่านได้”
“แม่ผมใจดีจะตาย เออ..แล้วเมื่อกี้ตอนที่อยู่ในรถคุณคุยอะไรกับแม่ผม”
“ท่านก็แค่ถามว่าทานข้าวหรือยัง แล้วก็ถามเรื่องงาน” มนต์นภาไม่ยอมบอกว่าคุณประภาศรีให้ชวนพีรวิทย์ไปทานข้าวกลางวันด้วย
“แล้วคุณแม่ผมได้บอกอะไรคุณหรือเปล่า”
“ก็ไม่นี่คะ”
หลังจากเลิกงานมนต์นภาก็โทรไปปรับทุกข์กับนีน่าเพื่อนสาว ระหว่างที่ขับรถกลับคอนโด
“ทําไมชีวิตฉันต้องมาเจอเรื่องบ้าบอคอแตกอย่างนี้ด้วยย!!เนี่ย!!”
“ใจเย็น ๆ สิยัยมนต์ แล้วแกไม่ได้มีใจให้พี่พีร์สักนิดเลยเหรอ หรือว่าแกยังลืมแฟนเก่าไม่ได้”
“อย่าพูดถึงเขาเลย ผู้ชายพรรค์นั้นฉันไม่เอามาคิดให้รกสมองหรอก”
“อืมก็ดีแล้ว แต่ฉันว่า พี่พีร์เขาชอบแกนะ ผู้ชายอะไร๊ ล้อ หล่อ แถมยังดูดีมีชาติตระกูล ถ้าฉันโสดหน่อยแกไม่ได้แอ้มหรอกจะบอกให้”
“ยัยนีน่า แกอย่ามาทำหื่นแถวนี้นะ”
“แหม่!!.. แค่แหย่เล่นนิดเดียวทำเป็นหึงไปได้ ตกลงแกก็มีใจให้เค้าแล้วใช่ปะ”
“เปล่าซะหน่อย”
“เชื่อฉันสิ พระเจ้าสร้างแกกับเขามาคู่กัน แถมแม่แกกับแม่เขาก็ยังเป็นหุ้นส่วนกันอีกต่างหาก...เรียกว่าพรหมลิขิต รับรองแกหนีไปไหนไม่รอดหรอก”
“มันก็คนละเรื่องกันนิ แล้วฉันไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลยเหรอ” มนต์นภาโอดครวญกับเพื่อน
“แล้วไอ้คนที่แกเลือกเป็นไงล่ะ พี่รุทของแก สรุปเขาเคยมาไยดีแกหรือเปล่า”
“อย่าพูดถึงเขาเลยมันจบแล้ว เป็นเพราะเขานั่นแหละฉันถึงต้องมีสภาพแบบนี้ และฉันทำใจได้แล้ว แต่ก็ช่างเหอะแล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกัน เอ่อ!..ว่าแต่คุณพี่ร์นี่เขามีแฟนเยอะมั้ยอะ”
“ฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอก เดี๋ยวจะถามพี่วีร์ให้นะ”
“ฮั่นแน่!!.. ถามแบบนี้แสดงว่าแกก็เริ่มมีใจแล้วสิ”
“บ้าน่า...ฉันจะได้หาทางหนีทีไล่ต่างหาก” มนต์นภารีบแก้ตัวกับเพื่อน
“แค่นี้ก่อนนะฉันขับรถถึงคอนโดแล้ว” มนต์นภากลัวเพื่อนจะซักเธอไปมากกว่านี้จึงรีบวางสาย
กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงห้องก็เกือบหกโมงเย็นล่ะพอถึงห้องมนต์นภาก็เลยรีบอาบน้ำ ระหว่างที่หญิงสาวนั่งเป่าผมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล” หญิงสาวกรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
“ทําอะไรอยู่ครับที่รัก” ถึงกับไม่ต้องเดาเลยว่าใครโทรมา
“หยุดเรียกฉันแบบนี้ซะที มีอะไรพูดมา” มนต์นภากรอกสายด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ก็แค่คิดถึง...ขอไปหาได้มั้ย” หญิงสาวถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“แต่ฉันไม่คิดถึงคุณ จบนะ” มนต์นภารีบพูดแล้วกำลังจะวางสาย
“อ๋อ ถ้างั้นแสดงว่าผมพูดเรื่องของเราได้?”
“นี่คุณ!!! จะเอายังไงรีบๆ พูดมา”
“คุณอยู่ไหน ผมจะไปหา”
“อยู่คอนโด”
“ส่งโลมาเดี๋ยวนี้เลย” หลังจากได้โลเคชั่นทางไลน์ไปแล้ว ประมาณเกือบทุ่มพีรวิทย์ก็เดินทางมาถึงคอนโดของมนต์นภา
“นี่!...คุณต้องการอะไรจากฉันอีก”
“ผมแค่ต้องการรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบอะไรฉันไม่ต้องการ”
“แต่ผมต้องการจะรับผิดชอบ”
“เอ๊!!..คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงเนี่ย ก็ฉันบอกว่าไม่ต้อง”
“.........” พีร์วิทย์เงียบไป แล้วทําหน้าจริงจังใส่มนต์นภา
“มองทําไม?”
“คุณอยากแต่งงานกับผมมั้ย”
“ห๊า!!! คุณพูดอะไรเนี่ย...ใครจะไปอยากแต่งกับคนฉวยโอกาสอย่างคุณ” หญิงสาวพูดขึ้นเสียงแข็งพร้อมกับเอามือผลักอกแกร่งของเขาให้ถอยห่างจากตัวเธอ ให้ตายเถอะเขาทําหน้าหื่นอีกแล้ว...นี่เธอคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้เขามาถึงห้องเนี่ย
“ถ้าคุณไม่อยากแต่งก็ต้องทำตามข้อตกลงของผมเพิ่ม”
“ข้อตกลงบ้าบออะไรอีก”
“ถ้าแม่ผมรู้ว่าผมมีอะไรกับคุณ แม่ผมคาดโทษเอาไว้ว่า ผมต้องแต่งงานกับคุณเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากให้แม่ผมรู้เรื่องละก็ คุณต้องให้ผมดูแลคุณ พูดง่ายก็คือ..คุณต้องไปอยู่คอนโดกับผม หรือจะให้ผมย้ายมาอยู่กับคุณก็ได้”
คำพูดจริงจังของพีรวิทย์มันทําให้หน้ามนต์นภาถึงกับร้อนผ่าว ‘นี่เธอกำลังเขินเขาอยู่เหรอบ้าจริง!!!’
“พะ...พูดอะไรของคุณ กินยาลืมเขย่าขวดเหรอ” มนต์นภาถามไปแบบกวน ๆ เพื่อแก้เขิน เขาบ้าไปแล้วจริงๆ สินะ
“ผมจริงจัง!!! ถ้าคุณปฏิเสธผม ความจริงทั้งหมดผมจะเป็นคนเปิดเผยมันเอง” พีรวิทย์พูดจบก็ดึงมนต์นภาเข้าไปกอดและพยายามจะจูบเธอ
“ปล่อยฉัน!!! ถามจริงๆ เหอะไปตายอดตายอยากมาจากไหน เกิดมาไม่เคยเจอผู้หญิงหรือไงห๊ะ!!!”
“เอาจริงๆ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนว่าทำไมถึงอยากจะรับผิดชอบผู้หญิงปากจัดและก็มือหนักอย่างคุณ เพราะผมแค่กระดิกนิ้วก็มีผู้หญิงพร้อมจะพลีกายให้ผมค่อนประเทศ”
“อ๋อเหรอ!!! งั้นก็ไปหาผู้หญิงพวกนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม”
“พูดแบบนี้..คุณหึงผมละสิ?” พีรวิทย์ยิ้มแล้วส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้มนต์นภา
“บ้า!..หลงตัวเอง ฉันจะไปหึงคุณทำไมไม่ทราบ”
“แล้วก็หยุดกอดฉันได้แล้ว!!! ถ้าไม่หยุดฉันโกรธจริงๆ ด้วย แล้วจะเอายังก็ว่ามา ฉันไม่อยากเล่นสงครามประสาทกับคุณแล้ว”
“อืม..แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
“แล้วจะปล่อยฉันได้หรือยัง ฉันจะไปกินข้าวแล้ว” เธออ้างเพราะอยากหนีเขาไปเสียจากตรงนี้ เพราะมนต์นภารู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่เขากอด
“งั้นผมไปกินด้วยคนสิ ร้านไหนเหรอ กินไปคุยไปก็ได้” ชายหนุ่มปล่อยแขนที่โอบกอดหญิงสาว แต่ก็เอี้ยวตัวไปหอมแก้มเธอหนึ่งฟอด พีรวิทย์ทำท่าทางยียวนใส่เธอเหมือนเขาเป็นผู้ชนะ
“..........” มนต์นภารีบจับแก้มตัวเองแล้วทำตาขวางใส่พีรวิทย์
“หอมจัง...ไม่ดื้อแบบนี้สิถึงจะน่ารัก” พูดจบพีรวิทย์ก็ทำท่าสดชื่นทันที
“พอได้แล้ว..จะไปไหนก็รีบ ๆ ไปเถอะ”
“โอเค เดี๋ยวผมพาคุณไปเอง รับรองร้านนี้คุณต้องชอบ”