ตอนที่ 9
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
“สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงดังมาจากประตูห้องทำงาน พีรวิทย์หันไปตามเสียงเพราะรู้สึกว่ามันคุ้น ๆ และทันทีที่ชายหนุ่มหันไปประจันหน้ากับเธอ หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ นี่มันผู้หญิงที่เขานอนด้วยเมื่อเดือนที่แล้ว ดูเหมือนว่าเธอก็คงตกใจไม่น้อยไปกว่าพีรวิทย์ที่ตอนนี้หน้าเธอซีดเหมือนจะเป็นลม
“หนูมนต์ เป็นอะไรหรือเปล่าลูกทําไมหน้าซีด ๆ ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ” คุณประภาศรีที่ตามเข้ามารีบประคองหญิงสาวแล้วเอ่ยถามเธอ นี่อย่าบอกนะว่ายัยเด็กเส้นคือมนต์นภาที่คุณแม่จะให้ฝึกงานกับเขา
พีรวิทย์นึกในใจเป็นไปไม่ได้ บ้าไปแล้ว! ยัยนั่นจะสวยขนาดนี้ได้อย่างไร
“เอ่อ...หนูหน้ามืดนิดหน่อยค่ะคุณป้า..ขอบคุณนะคะ”
“อ่อ นี่พี่พีร์นะลูก หนูมนต์จำพี่เขาได้หรือเปล่า ทำความรู้จักกันไว้สิ ตอนเด็ก ๆ หนูก็เคยเล่นกับพี่เขาอยู่ไม่ใช่เหรอลูก” ยังไม่ทันจะพูดอะไรได้มากนัก คุณประภาศรีก็มีโทรศัพท์เรียกเข้าเสียก่อน จึงต้องรีบเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้ให้มนต์นภา เผชิญสายตาของพีรวิทย์อยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ประตูแล้วทำการล็อกห้องทันที
“ไม่คิดว่าโลกจะกลมนะ ที่แท้เธอก็เป็นลูกของคนรู้จัก แต่ว่าเมื่อก่อนเธอไม่ใช่แบบนี้นี่น่า เหมือนเป็นคนละคน สวยขึ้นจนผิดหูผิดตา” เขาเดินวนรอบตัวหญิงสาวแล้วแกล้งพูดให้เธอโมโห มนต์นภาหันมาทําตาเขียวใส่พีรวิทย์ทันที ว่าที่เจ้านายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากทันทีแต่เธอหันหน้าหนี
“เฮ่อ!!!..ทำไมอะไร ๆ มันช่างลงตัวแบบนี้เนี่ย” พีรวิทย์ ทำท่าลูบคางแล้วยิ้มหวานส่งสายตัวเจ้าเล่ห์ให้มนต์นภา ที่กำลังยืนคุมสติของตัวเองอยู่ นี่เธอไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?
“คุณจะทำอะไร”
“ก็เปล่านี่ครับ..ว่าแต่มาฝึกงานเลขาฯ ผมเนี่ย ก็ต้องตามใจผมนะครับ”
“ถ้าเรื่องงานฉันไม่เกี่ยงค่ะ” มนต์นภารีบตอบทันที
“มันก็ต้องมีทั้งเรื่องงานและก็เรื่องอย่างว่าด้วยสิ” พีรวิทย์พูดเป็นนัย ๆ จนให้มนต์นภาเดือนดาล เพราะคราวที่แล้วก็ยังไม่ได้คิดบัญชีกับเขาเลย
“หยุดความคิดบ้า ๆ ของคุณไว้แค่นั้น นี่ฉันเห็นแก่คุณป้าหรอกนะ”
“ไม่เอา ไม่พูด แบบนั้นสิ เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย”
“คุณจะให้ฉันเริ่มงานได้หรือยังค่ะ”
“ได้สิครับ ก่อนอื่นคุณไปชงกาแฟมาให้ผมก่อนนะ 1 แก้ว” พูดจบพีรวิทย์ก็เดินไปนั่งที่โซฟา
“ค่ะ” มนต์นภาถอนหายใจกำลังจะเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวคุณจะไปไหน”
“ก็ไปชงกาแฟมาให้คุณยังไงคะ”
“เครื่องชงกาแฟผมอยู่ในห้องนี้แหละ คุณเดินไปข้างหลังนี้นะ ในห้องผมมีห้องน้ำ มีห้องครัว มีห้องนอนครบ” มนต์นภาใจคอไม่ดี ถ้าเธอรู้ก่อนว่าต้องมาเจอเขาคงต้องขอบาย
ระหว่างที่มนต์นภากำลังใช้เครื่องชงกาแฟอยู่นั้น เธอก็ทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ เนื่องจากไม่เคยใช้มาก่อน พีรวิทย์เดินตามเข้ามาในครัวแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“มาสิครับ เดี๋ยวผมสอนให้” แล้วชายหนุ่มก็โอบเธออยู่ด้านหลังพลางจับมือหญิงสาวทำเพื่อเป็นการสอนเธอ
“คุณแค่บอกเฉย ๆ ก็ได้มั้งค่ะ”
“ไม่ได้หรอก คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผมต้องการใส่อะไรบ้าง แล้วก็จำนวนเท่าไหร่”
เมื่อชงกาแฟเสร็จ พีรวิทย์หอมแก้มหญิงสาวไปหนึ่งฟอด
“คิดถึงจังเลย ผมทิ้งนามบัตรไว้ให้เพื่อนคุณทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง ใจร้ายจังเลยนะ..เมียจ๋า”
“กรุณาอย่ารุ่มร่ามกับดิฉันค่ะ!..แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นเมียคุณ” เธอพูดด้วยใบหน้าตาจริงจัง แต่ในความคิดชายหนุ่มอยากจะบดจูบริมฝีปากสวยของเธออีกสักครั้ง
“ทำไมล่ะ หรือคุณอยากให้ผมบอกท่านประธานละ ว่าคุณเป็นเมียผม”
“อย่า ๆ ค่ะ ขอร้องนะคะ”
“อื้มม!!!...อย่าค่ะ” มนต์นภาตกเป็นรอง เธอบ่ายหน้าหนีไปมา ขณะที่พีรวิทย์พยายามจะจูบเธอ
“คุณไม่ให้ผมเปิดปาก ก็ต้องมีค่าปิดปากให้ผมสิครับ”
“ตกลงค่ะ คุณต้องการค่าปิดปากเท่าไหร่”
“คุณจะใช้เงินปิดปากผมเหรอครับ...คงไม่ง่ายขนาดนั้น” เขายักไหล่แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางยียวน
“แล้วคุณต้องการอะไร”
“คุณต้องให้โอกาสผม..เพราะผมอยากเป็นแฟนคุณ”
“ห๊า!!!!.. แฟนคุณมีเป็นโหล ๆ จะมาต้องการฉันไปเป็นแฟนทำไมกัน”
“ใครบอกคุณล่ะครับ ผมโสดต่างหาก และผมเชื่อว่าถ้าคุณยอมเป็นแฟนกับผม ทั้งแม่คุณและแม่ผมคงจะพอใจไม่น้อย เพราะมันเป็นความต้องการของท่านอยู่แล้ว และนี่ก็เป็นสาเหตุให้คุณต้องให้มาฝึกงานกับผม”
“ก็ได้ๆ ถ้าคุณยอมปิดปากสนิท ฉันจะยอมเป็นแฟนกับคุณ แต่ว่าระหว่างนี้เราต้องไม่มีเรื่องเกินเลยกันนะ และเรื่องระหว่างเราก็อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด คุณตกลงมั้ย”
“แล้วเรื่องระหว่างเรามันคือเรื่องอะไรล่ะครับ...” พีรวิทย์ถามด้วยสายตากรุ้มกริ่ิม
“นี่คุณ!! เลิกกวนประสาทซะทีได้มั๊ย” มนต์นภาเริ่มจะเหลืออดกับท่าทางยียวนกวนประสาทของพีรวิทย จึงขึ้นเสียงใส่เขา
“โอเคๆ เรื่องที่คุณเป็นเมียผมใช่มั๊ย” มนต์นภากำลังจะยกกำปั้นทุบเขา แต่ว่าพีรวิทย์ไวกว่าจับมือหญิงสาวเอาไว้ได้ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
“ปล่อยนะคุณเดี๋ยวก็ได้ มีใครมาเห็นเอาหรอก”
“ใครจะเข้ามาได้ครับ ผมล็อกประตูไว้แล้ว” ใบหน้าคมพูดไปยิ้มไป ถ้าลดความกวนลงสักนิดกว่านี้ก็คงจะดี
“ปล่อยนะ อื้อ!!!” พีรวิทย์อดใจไม่ไหวเลยก้มลงจูบปาก บางอย่างเร่าร้อนและหนักหน่วง
“อื้ยยย!!! อืมมม!!!..” หญิงสาวทุบหัวไหลของพีรวิทย์ร้องประท้วงเพราะเธอเริ่มขาดอากาศหายใจ เขาเลยยอมถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง มนต์นภารีบสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดแล้วก็ส่งสายตาค้อนขวับมาทางพีรวิทย์ทันที
“หึ ๆ ๆ ตอนนี้เวลางานผมจะไม่คุยเรื่องส่วนตัว เอาไว้หลังเลิกงานผมจะโทรหา เอาเบอร์คุณมา”
“ฝันไปเถอะ”
“งั้นผมคงต้องไปป่าวประกาศแล้วล่ะว่าเราเป็นอะไรกัน อ่อคืนนั้นลืมบอกไป ผมมีคลิปด้วยนะ” พีรวิทย์พูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมาขู่ แต่อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ถ่ายไว้หรอกแค่อยากจะแกล้งเธอเล่นเฉยๆ
“สารเลว! นี่คุณจะแบล็คเมล์ฉันเหรอ?"
“เปล๊า! ผมแค่อยากเป็นแฟนกับคุณ...ก็แค่นั้น”
“ก็ได้ตกลง แต่คุณต้องหยุดคุกคามฉันก่อน” พีรวิทย์พยักหน้ารับด้วยท่าทางกวน ๆ
“อืม!...แล้วช่วยแอดไลน์ผมไว้ด้วยนะ เอ่อ..แล้วคุณมีเฟสบุคหรือเปล่า ถ้ามีก็เพิ่มผมเป็นเพื่อนด้วยนะ” พีรวิทย์พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้มนต์นภา เธอรับไปแล้วกดเบอร์โทรเธอให้ว่าที่เจ้านาย แล้วยื่นให้เขาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง มนต์เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ