เวลาต่อมา…
เคลย์ตันถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ได้เจอกับเธอ สายตาคมปรายตามองร่างบางตรงหน้า ที่ยืนก้มหน้าก้มตากอดลูกแมวน้อยไว้แน่น ก่อนจะเหลือบมองข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ที่เธอขนมาด้วยบางส่วนก่อน
"น่ารำคาญ" เคลย์ตันบอกเสียงเรียบนิ่งอย่างเบื่อหน่าย
"ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้พี่เลยนะ มาบอกฉันน่ารำคาญได้ยังไง" เอพริลเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเอ่ยพูดออกไป เมื่ออยู่ดี ๆ คนตรงหน้าก็พูดว่าเธอน่ารำคาญ ทั้งที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนนิ่งกอดลูกแมวน้อยตัวเองไว้แน่น
"แค่เห็นหน้าเธอมันก็น่ารำคาญแล้ว" พูดจบเขาก็เดินผ่านหน้าเธอไปหมายจะไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่ม แต่ก็ต้องชะงักกับประโยคต่อมาของเธอ
"ใจร้ายจัง แล้วพามาอยู่ด้วยทำไม…"
"นอกจากจะซื่อบื้อน่ารำคาญแล้ว นี่เธอยังความจำเสื่อมอีกงั้นเหรอ?" ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมาพร้อมกับสายตาคมที่ตวัดจ้องมองไปที่คนตัวเล็กข้าง ๆ
เธอพูดมาได้ยังไงว่าเขาพาเธอมาอยู่ด้วย เธอเองไม่ใช่หรือไงที่วุ่นวายกับเขา จนเขาต้องจำใจพาเข้ามาเหยียบในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองแบบนี้ ที่แม้กระทั่งเพื่อนสนิทยังมาแบบนับครั้งได้
"กะ ก็หนู…หนูไม่มีที่ไป แถมยังไม่มีเงินด้วย" เอพริลเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองใหม่ทันที เพื่อให้อีกคนเห็นใจพร้อมกับคำพูดที่ฟังดูน่าสงสาร ทำเอาเคลย์ตันต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
"เธอมันน่ารำคาญ!" เคลย์ตันกระแทกเสียงพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินไปที่ห้องนอนแทนโซฟา
ปัง!
เสียงกระแทกปิดประตูห้องดังลั่น บ่งบอกถึงอารมณ์ความหงุดหงิดของเจ้าของการกระทำได้เป็นอย่างดี ทำเอาร่างบางของเอพริลถึงกับสะดุ้งโยงสุดตัว
"มันจะพังไหมนะ" เสียงเล็กพึมพำกับตัวเองเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ประตูห้องนอนของเคลย์ตันอย่างรอลุ้น ว่าประตูห้องจะหลุดออกมาตามหลังหรือเปล่า ก่อนจะเดินอุ้มลูกแมวไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่าประตูไม่ได้หลุดออกมาอย่างที่เธอคิด
ฟุบ!
"อ่า โซฟานี่นุ่มกว่าเตียงที่ห้องเราอีกนะชีส" ว่าแล้วก็ปล่อยลูกแมวน้อยลงบนโซฟานุ่มทันที แค่โซฟาของเขาก็นุ่มกว่าเตียงนอนที่หอพักเก่าเธอเป็นไหน ๆ แถมยังกว้างขวางสามารถหลับนอนได้สบาย
เอพริลนั่งสอดส่องสายตามองรอบห้องกว้างใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูหรูหราไปหมดทุกอย่าง ก่อนจะลุกเดินสำรวจมุมนั้นมุมนี้ภายในห้องของรุ่นพี่หนุ่มหล่อหน้านิ่งอย่างถือวิสาสะ ในหัวก็ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อดีกับชีวิตต่อจากนี้ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่หอพักเดิมก็ยังขนมาไม่หมด เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ไม่รอช้า เธอรีบหยิบเอาคีย์การ์ดที่เคลย์ตันวางทิ้งไว้ที่เคาน์เตอร์ข้างประตูห้องขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้องเพื่อไปทยอยขนข้าวของของตัวเองที่หอพักเดิมฝั่งตรงข้าม ที่ไม่ได้มีอะไรมากมายนักมาไว้ที่ห้องของเคลย์ตัน ที่ตอนนี้เป็นที่พักอาศัยใหม่ชั่วคราวของเธอ
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงที่เคลย์ตันหายเข้าไปภายในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูออกมาด้านนอกอีกครั้ง เพียงแค่ประตูห้องเปิดออกกว้างคิ้วหนาก็ขมวดเป็นปนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นข้าวของเครื่องใช้มากมายกว่าเมื่อสองชั่วโมงก่อนกองเต็มอยู่บนพื้นห้องของเขา
เหมียว~
สายตาคมตวัดมองตามเสียงของสัตว์ตัวน้อยที่เรียกขานกันว่าแมว ที่ตอนนี้กำลังเดินส่ายหางดุ๊กดิ๊กไปมาตรงเข้ามาหาเขาที่ยังยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน แล้วเจ้าของมันไปไหนถึงได้ปล่อยให้ลูกตัวเองมาเดินเพ่นพ่านในห้องเขาแบบนี้กัน
แกร๊ก!
แอด…
เสียงปลดล็อกประตูห้องดังขึ้นดึงสายตาของเคลย์ตันให้หันไปมอง ก่อนจะเห็นร่างบางของเอพริลที่กำลังผลักประตูเข้ามาภายในห้อง ในมือถือถุงพลาสติกของร้านสะดวกซื้อ มืออีกข้างถือถ้วยมาม่าคัพที่น่าจะเติมน้ำร้อนมาแล้ว เพราะกลิ่นที่โชยเข้ามานั้นยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าใช่
"ฉันไปซื้อของข้างล่างมาค่ะ" เอพริลบอกเสียงใสพลางชูของในมือให้เขาดู ทั้งที่เขายังไม่ทันจะถามด้วยซ้ำ
"…" เคลย์ตันทำเพียงปรายตามองแล้วเดินเลี่ยงเข้าไปเปิดตู้เย็นในครัว หยิบน้ำเปล่าขึ้นมาเปิดแล้วยกขวดขึ้นดื่มแทนการเทใส่แก้ว
"พี่… กินไหมคะ ฉันซื้อมาเผื่อด้วยแต่ยังไม่ได้ใส่น้ำร้อนนะ" ร่างบางเดินตามเข้าไปในครัวก่อนจะวางของในมือลงที่เคาน์เตอร์ครัว แล้วหยิบเอามาม่าคัพในถุงออกมาวางเรียงกัน เพื่อเป็นตัวเลือกให้เจ้าของห้องได้เลือกรสชาติที่ถูกปาก ก่อนจะมองไปที่ร่างสูงของเคลย์ตัน ที่กำลังยืนกระดกน้ำจากขวดลงคอไปอึกแล้วอึกเล่าราวกับคนกระหาย
ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่ลำคอหนาของเคลย์ตันไม่วางตา ผิวขาวเนียนละเอียดยิ่งกว่าผิวผู้หญิงของรุ่นพี่หนุ่มหล่อนั้นชวนให้เผลอจ้องมอง ไหนจะจังหวะที่เขากลืนน้ำลงคอทำให้ลูกกระเดือกขยับเคลื่อนไหวตาม ยิ่งทำให้เธอจ้องมองจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้ อ่า…ทำไมเขาถึงได้ดูเซ็กซี่ได้ขนาดนี้นะ
"ไหนว่าไม่มีเงิน" เคลย์ตันเอ่ยขึ้นหลังจากที่ดื่มน้ำไปเกือบจะหมดขวด
"กะ ก็ตอนนี้ยังมีพอให้ซื้อข้าวกินได้อยู่" เสียงเรียบนิ่งที่เอ่ยถามขึ้นมา ทำเอาเอพริลรีบลนลานเบือนหน้าหนีอย่างทำตัวไม่ถูก กลัวว่าเขาจะจับได้ที่เธอแอบมอง ก่อนจะตอบคำถามเขาเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
เหมียว~
"ชีส~" รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของแมวน้อย พร้อมกับสัมผัสได้ถึงขนนุ่ม ๆ ที่กำลังคลอเคลียอยู่ที่เท้าของเธอ
รอยยิ้มหวานและดวงตากลมโตที่ทอประกายขึ้นมาทำให้เคลย์ตันถึงกับชะงักค้างราวกับถูกต้องมนต์ เมื่อได้พบเห็นรอยยิ้มหวานสดใสที่ดูมีความสุขของเธอเป็นครั้งแรก
"พี่กินไหมคะ เดี๋ยวฉันใส่น้ำร้อนให้" เอพริลเงยหน้าขึ้นถามหลังจากที่ก้มลงอุ้มลูกแมวขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด ทำเอาเคลย์ตันรีบเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน ที่ดันเผลอจ้องมองเธอไปก่อนหน้านี้
"ไม่!" เคลย์ตันปฏิเสธเสียงแข็งก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้เธอนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับแมวของตัวเองไป
"ชีสอย่าไปใกล้พี่เขานะ พี่เขาดูน่ากลัวมาก ๆ เลย ชีสต้องระวังตัวนะ เกิดพี่เขาจับหักคอขึ้นมาจะต้องแย่แน่ ๆ เดี๋ยวแม่จะรีบหาที่อยู่ใหม่ให้เร็ว เราจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่เขานาน ๆ " เธอก้มหน้าลงพูดคุยกับลูกแมวน้อยในอ้อมกอด ก่อนจะดึงเก้าอี้บาร์ทรงสูงขยับออกห่างจากเคาน์เตอร์เล็กน้อยเพื่อพาตัวเองขึ้นไปนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในถ้วยคัพที่ซื้อมา ที่ก็ไม่แน่ใจว่าเส้นอืดไปหมดหรือยัง
เธอคิดว่าเธอคงจะขอรบกวนเคลย์ตันประมาณสองสามวันในระหว่างที่หาที่พักใหม่ ส่วนเรื่องเงินเธอก็พอมีเงินเก็บในบัญชีไว้ใช้จ่ายเวลาจำเป็นบ้าง คงต้องไปทำเรื่องเบิกถอนที่ธนาคารแทน เพราะบัตรต่าง ๆ ของเธออยู่ในกระเป๋าใบที่หายไป ต้องไปทำเอกสารทำเรื่องใหม่หมด และไหนจะเครื่องมือสื่อสารสำคัญอย่างโทรศัพท์มือถืออีก ที่เธอยังจำเป็นต้องได้ใช้ เพราะต้องเอาไว้คอยติดต่อกับตายายที่ต่างจังหวัด แต่เงินในบัญชีที่มีก็สามารถเลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ว่าจะใช้เป็นค่าเช่าห้องใหม่หรือซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ และแน่นอนว่าเธอเลือกที่จะใช้มันเป็นค่าเช่าห้องให้ตัวเองก่อน เพราะการที่ต้องมาอาศัยคนอื่นอยู่แบบนี้มันก็ไม่ค่อยสะดวกนัก แถมยังไม่ใช่คนรู้จักคุ้นเคยกันด้วย เกิดเผลอทำให้เขาไม่พอใจแล้วถูกจับหักคอขึ้นมาจะทำยังไง