ร่างบางของเอพริลยังคงยืนกอดร่างสูงของเคลย์ตันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ร่างกายยังคงสั่นเทิ้มไม่ต่างจากใจดวงน้อยที่เต้นแรง มองไม่ออกด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาแบบไหนอยู่ เพราะม่านน้ำตาที่เอ่อคลอรอบดวงตาทำให้การมองเห็นของเธอนั้นเลือนลาง
"จะกอดอีกนานไหม" เสียงเข้มที่ติดรำคาญเอ่ยออกมาหลังจากที่มองดูเหตุการณ์รอบ ๆ แล้วเห็นชายร่างบึกบึนในชุดเสื้อวินชะลอฝีเท้าลง ก่อนจะรีบหมุนตัวกลับแล้ววิ่งกลับไปทิศทางเดิม ทำให้เขาพอเดาสถานการณ์ได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้เธอวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่นแบบนี้
"ช่วยหนูหน่อย ฮือออ" เสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสรรพนามที่แทนตัวเองเปลี่ยนไปด้วยความเคยชิน ที่เธอมักจะแทนตัวเองว่าหนูกับคนที่อายุเยอะกว่าเป็นประจำ สองแขนเล็กก็กอดเขาไว้แน่นกว่าเดิม ก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เมื่อตอนนี้เธอยังคงรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เพิ่งพบเจอมา และที่กลัวมากกว่านั้นคือกลัวว่าเขาอาจจะไม่ช่วยเธอ
เคลย์ตันชะงักมือที่กำลังจะดันไหล่ของคนตัวเล็กออกห่าง เมื่ออยู่ ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมาแบบนั้น ร่างกายที่สั่นเทิ้มอยู่แล้วยิ่งสั่นแรงขึ้นไปอีก
"ชะ ช่วยหนู ฮึก… ด้วยนะคะ หนูยังต้องกลับไปหาลูกที่ห้อง ฮือออ หนูกลัว…" เอพริลยังคงพร่ำพรรณนาคำพูดออกมาเพื่อให้เขาเห็นใจ สองแขนก็โอบกอดเขาแน่นจนลืมไปว่าเขานั้นยังคงบาดเจ็บและแขนยังคงต้องเข้าเฝือกอยู่
"…" คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างนึกสงสัย ก่อนจะก้มลงมองคนตัวเล็กที่กอดเขาแน่น ไม่รู้ว่าเขาได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่ากับสิ่งที่เธอพูดมา ที่บอกว่าลูกรออยู่ที่ห้อง?
นานหลายนาทีที่เคลย์ตันยืนให้เอพริลกอดและร้องไห้อยู่กับแผงอกของเขาแบบนั้น จนเสียงร้องไห้ของเธอเงียบไปเหลือเพียงเสียงสะอื้นเบา ๆ ที่ดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะ
"ถ้าเธอยังไม่ปล่อยฉันจะฆ่าเธอแทนไอ้โรคจิตนั่น"
พรึบ!
เพียงแค่ได้ยินเสียงเข้มที่ติดรำคาญของเขาเอ่ยขึ้น ก็ทำเอาเธอรีบผละตัวออกห่างจากเขาพร้อมถอยหลังกรูด้วยความกลัว ใจดวงน้อยเต้นแรงระส่ำขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้สบตาคมกับเขาที่จ้องมองมาที่เธอ
"กระเป๋าล่ะ กระเป๋าไปไหน" เสียงเล็กเอ่ยขึ้นพลางหันมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่พบกระเป๋าตัวเอง นี่เธอเผลอปล่อยกระเป๋าที่กำไว้แน่นทิ้งไปตั้งแต่ตอนไหนกัน แล้วทีนี้เธอจะทำยังไง ของมีค่าอย่างพวกโทรศัพท์มือถือกระเป๋าตังค์และกุญแจห้องทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด
เคลย์ตันมองท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนตัวเล็กด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที
"พี่คะ!" เอพริลที่เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นร่างสูงของรุ่นพี่หนุ่มกำลังเดินออกไปก็รีบร้องเรียกเขาไว้ทันที แต่แทนที่เขาจะหยุด เขากลับสาวเท้าเดินต่ออย่างไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเธอด้วยซ้ำ
"ตามมาทำไม" เคลย์ตันเอ่ยถามเสียงเรียบเมื่อเห็นเธอวิ่งตามมาและเดินอยู่ข้าง ๆ
"พี่ช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหมคะ"
"ทำไมฉันต้องทำ"
"เห็นแก่ที่ฉันเคยช่วยปฐมพยาบาลให้พี่ครั้งนั้นก็ได้" เสียงเล็กตอบพลางมองไปที่แขนข้างขวาของเขา ที่ทำให้เธอต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ลืมไปซะสนิทว่าเขาบาดเจ็บอยู่ แล้วก่อนหน้านี้ที่เธอพุ่งเข้ากอดเขาไว้แน่น …เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างเหรอ?
"ไม่ได้ขอร้อง"
"เห็นแก่ความเป็นมนุษย์ร่วมโลกก็ได้ค่ะ นะคะ ฉันไม่มีเงินเลย ไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่าง" เอพริลบอกเสียงเศร้าอย่างน่าสงสาร พลางก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองเมื่อไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
"บนหัวเธอไง"
หมับ!
เพียงแค่ได้ยินแบบนั้นสองมือเล็กก็ยกขึ้นจับไปที่ศีรษะตัวเองด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าตอนนี้บนศีรษะของเธอนั้นยังคงสวมใส่หมวกกันน็อคอยู่เช่นเดิมอย่างไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
"พี่ช่วยไปส่งฉันหน่อยนะคะ นะคะพี่เคลย์ตัน…"
"น่ารำคาญ"
@หอพักเอพริล
รถยนต์คันหรูจอดสนิทหน้าหอพักของเอพริลในเวลาต่อมา เมื่อความน่ารำคาญของเธอทำให้เคลย์ตันต้องยอมบอกให้คนขับรถขับมาส่งเธอก่อนค่อยไปส่งเขาที่คอนโด แต่ก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งเมื่อหอพักเธออยู่ฝั่งตรงข้ามกับคอนโดของเขา
"ลงไป" เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นสั้น ๆ เมื่อคนตัวเล็กข้าง ๆ ไม่ยอมลงจากรถสักที
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณพี่ด้วยค่ะ" เสียงเล็กเอ่ยบอกพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณคนตัวโตที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหันไปบอกกับคนขับรถของเคลย์ตันแล้วยกมือไหว้ไม่ต่างกัน ทำเอาคนถูกไหว้ลนลานรีบยกมือไหว้ตอบอย่างทำตัวไม่ถูก
เอพริลเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับหมวกกันน็อคในมือ ที่ไม่รู้ว่าเธอจะถือมาด้วยทำไม แต่ถ้าจะให้ทิ้งไว้บนรถของเคลย์ตันก็คงจะดูยังไง ๆ อยู่ เลยต้องถือลงมาด้วย แล้วค่อยเอาไปฝากป้าเจ้าของหอพักเธอไว้ เผื่อมีใครต้องการอยากใช้ เพราะถ้าจะทิ้งก็เสียดายแย่ ในเมื่อมันยังใช้การได้ปกติ
"จะกลับไปที่ผับอีกไหมครับ" เสียงของคนขับรถเอ่ยถามขึ้นเมื่อเอพริลลงจากรถไป
"ไม่ กลับไปพักเถอะ" เคลย์ตันเอ่ยบอกกับคนขับรถเสียงเรียบ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างบางของเอพริลเดินเข้าไปภายในหอพัก ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถทันที
เขาเลือกที่จะเดินข้ามถนนกลับเอง เพราะถ้าให้วนรถกลับไปส่งเขาก็คงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฝ่ารถติดไปถึงจุดกลับรถได้
"เธอทำผิดกฎของหอพักฉัน เพราะฉะนั้นเก็บของออกไปเดี๋ยวนี้!"
"ขอเวลาให้หนูหาที่พักใหม่ก่อนได้ไหมคะ วันนี้หนูก็เกือบจะโดนวินมอเตอร์ไซค์บังคับขืนใจ แถมของมีค่ายังหล่นหายระหว่างทางที่หนีเอาตัวรอดอีก ให้เวลาหนูหน่อยนะคะป้า"
เสียงที่ดังแว่วออกมาจากภายในหอพักที่เอพริลเพิ่งจะเดินเข้าไปได้ไม่ถึงห้านาที ทำให้เคลย์ตันที่กำลังตั้งท่าจะเดินไปที่ถนนเพื่อข้ามไปฝั่งคอนโดตัวเองต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงประโยคหลังที่ดังตามมานั้นเป็นเสียงของคนที่เพิ่งจะเดินเข้าไปในหอพักได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
เคลย์ตันหันกลับไปมองด้านหลังด้วยสายตาที่เรียบเฉยก่อนจะหันกลับมาแล้วก้าวเท้าเดินต่อทันทีอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะนั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
"พี่เคลย์ตัน!"
เสียงเรียกชื่อของเขาดังลั่นขึ้นจากทางด้านหลัง ทำเอาต้องถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกกับเขาว่ากำลังจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง จากบุคคลน่ารำคาญคนเดิม…
"พี่เคลย์ตันหยุดก่อนค่ะ หยุดก่อน" ร่างบางวิ่งตามหลังเขาพร้อมทั้งตะโกนเรียก เมื่อเจ้าของชื่อไม่ยอมหยุดเดิมตามเสียงเรียกของเธอ
หมับ~
"อะไรของเธออีก" เคลย์ตันหันกลับมาเอ่ยถามน้ำเสียงเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน เมื่อถูกมือเล็กคว้าแขนเขาไว้ให้หยุดเดิน
"พี่… ช่วยฉันอีกสักครั้งได้ไหมคะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ฉันไม่มีที่ไปและไม่รู้จักใครเลย จะติดต่อใครก็ไม่ได้ด้วย" เอพริลรีบเอ่ยขอความช่วยเหลือทันที เมื่อตอนนี้เธอไม่สามารถพึ่งพาใครได้เลยนอกจากเขา คนที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาคือความหวังเดียวที่เธอมี เพราะจะติดต่อหาเพื่อนตอนนี้ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อเธอจำช่องทางการติดต่อของเพื่อนไม่ได้สักทาง ญาติพี่น้องก็ไม่มี
"…" เคลย์ตันถอนหายใจออกมาแรง ๆ อย่างหงุดหงิด ไม่รู้เวรกรรมอะไรส่งให้เขามาเจอเธอ ที่เจอกันทีไรมักจะมีแต่เรื่อง
"ฉันถูกไล่ออกจากหอพักเพราะถูกจับได้ว่าแอบเลี้ยงสัตว์เลี้ยง…"
"สมควร" ไม่ทันที่เอพริลจะพร่ำบอกถึงเหตุผลที่ถูกไล่ออกจากหอพักจบ เคลย์ตันก็แทรกขึ้นเสียงเรียบทันที ในเมื่อทำผิดกฎข้อห้ามก็สมควรแล้วที่จะถูกไล่ออก แต่ทำไมจะต้องเป็นเขาตลอดด้วยที่ต้องมาเจอความวุ่นวายจากเธอแบบนี้
"เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกและลูกน้อยตัวเล็ก ๆ ของฉันด้วยเถอะนะคะ ช่วยฉันอีกสักครั้งนะคะพี่เคลย์ตัน"