เสียงผู้คนบนอัฒจันทร์เริ่มส่งเสียงเชียร์กันดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามแข่ง เมื่อนักแข่งที่มีเพียงสองคนเข้าประจำที่รถของตัวเอง เตรียมพร้อมเพื่อรอสัญญาณการออกตัว
"ทำไมรอบนี้มีคนลงแข่งแค่สองคนเองล่ะ แถมยังเป็นรถบิ๊กไบค์ด้วย" เอพริลเอ่ยถามขึ้นอย่างให้ความสนใจปนความสงสัย รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยราวกับว่าตัวเองนั้นไปนั่งคร่อมอยู่บนรถบิ๊กไบค์คันใหญ่นั่นด้วยตัวเอง
สายตาก็จับจ้องไปที่รถบิ๊กไบค์คันใหญ่ทั้งสองคันที่แต่งต่างกันชัดเจน เมื่อคันหนึ่งสีดำดูดุดันน่าเกรงขาม ซึ่งเป็นคันของเคลย์ตัน อีกคันที่เป็นคู่แข่งกันนั้นสีแดงดูทรงพลังไม่แพ้กัน
"แมตช์พิเศษไม่มีกติกา"
เสียงทุ้มที่เอ่ยตอบออกมานั้นทำให้เอพริลต้องละสายตาจากสิ่งเร้าตรงหน้าหันกลับมามอง เพราะเสียงที่ตอบออกมานั้นไม่ใช่เสียงของยี่หวาอย่างทุกทีที่เธอตั้งคำถาม แต่เป็นเสียงของ เทมส์ เพื่อนสนิทอีกคนของเคลย์ตันที่เป็นคนตอบคำถามชวนสงสัยใคร่รู้ให้กับเธอ
"แบบนี้ก็โกงกันได้ใช่ไหมคะ" ถ้าบอกว่าไม่มีกติกา การแข่งที่ต้องการผู้ชนะย่อมเกิดการโกงกันเกิดขึ้นได้เสมอ
"คงงั้น" เทมส์ตอบกลับสั้น ๆ
"แล้ว…"
"จะเริ่มแล้ว ๆ " น้ำเสียงตื่นเต้นของยี่หาดังแทรกขึ้น ในจังหวะที่เอพริลกำลังจะตั้งคำถามต่อ ทำให้ความสงสัยที่มีถูกแทนที่ด้วยเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มไปทั่วสนามแข่ง เมื่อที่จุดสตาร์ทกำลังจะทำการปล่อยตัว
ปัง!
บรื๊นนน!!
เสียงปืนที่ดังลั่นขึ้นเป็นสัญญาณปล่อยตัวของผู้ที่เข้าแข่งขันทั้งสอง ก่อนที่รถบิ๊กไบค์ทั้งสองคันจะกระชากออกตัวด้วยความเร็วที่พร้อมเพรียงกันจนแยกไม่ออกว่าใครคือคนที่ออกตัวได้คันแรก แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะการเข้าเส้นชัยคนแรกต่างหากล่ะ คือสิ่งที่จะบ่งบอกได้ว่าใครคือผู้ชนะ
หลังจากที่ปล่อยตัวออกไปการแข่งขันก็เหมือนจะไม่มีอะไรผิดแปลกหรือมีใครเล่นนอกกติกา จนกระทั่งถึงรอบสุดท้ายก่อนจะเข้าเส้นชัย รถของเคลย์ตันเหมือนจะส่ายไปมาและทรงตัวไม่อยู่ ทำเอาเพื่อน ๆ ที่นั่งลุ้นกันอยู่ต่างลุกพรวดพราดขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว เมื่อเห็นรถของเพื่อนถไลออกนอกสนามแข่งในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย ทำให้คู่แข่งเข้าเส้นชัยและคว้าชัยชนะไปครอง
"แม่ง! รถมันเป็นอะไรวะ!" เสียงของการันต์สถบอย่างหัวเสีย ก่อนที่ทุกคนในเต็นท์จะรีบวิ่งไปดูเคลย์ตันที่รถเสียหลักล้มคว่ำอยู่ข้างสนาม
"เราต้องไปด้วยไหม" เอพริลพึมพำกับตัวเองมองซ้ายมองขวา เมื่อตอนนี้ภายในเต็นท์นั้นมีแค่เธอคนเดียวที่ยังยืนงวยงงอยู่ เพราะยี่หวาเองก็วิ่งตามคนอื่น ๆ ไปด้วย
แล้วเธอ…ต้องไปดูเขาไหม? แต่เธอไม่ได้รู้จักเขาหนิ
ติ๊ง~
เสียงข้อความจากแอพพลิเคชันแชตดังขึ้นเบา ๆ ทำให้เธอต้องรีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมากดเปิดดูด้วยความสงสัย เพราะเวลาที่ดึกแบบนี้น้อยครั้งนักที่จะมีเสียงแจ้งเตือนว่ามีคนส่งข้อความมาหา
ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันทีที่อ่านข้อความจบ รีบหันซ้ายหันขวาด้วยความร้อนรนเพื่อหากล่องปฐมพยาบาลตามที่ได้รับข้อความมาจากยี่หวา ก่อนที่สองเท้าบนรองเท้าผ้าใบที่รีบออกตัววิ่งทันทีที่ได้สิ่งที่ต้องการ
"ปฐมพยาบาลเป็นไหม" เสียงของการันต์ถามขึ้น เมื่อเอพริลส่งกล่องปฐมพยาบาลให้หลังจากที่วิ่งมาถึงไม่ทันจะได้หายเหนื่อย
"ถามหนูเหรอคะ" เสียงใสเอ่ยถามกลับพลางมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเผลอสบตากับเคลย์ตันที่นั่งพิงรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่พลิกคว่ำอยู่
"อืม" การันต์ขานตอบกลับในลำคอสั้น ๆ
"เขา…ไม่มีแผลหนิคะ" เมื่อสังเกตจนแน่ชัดแล้วว่าคนที่ประสบอุบัติเหตุนั้นไม่มีบาดแผลใด ๆ เพราะทุกอย่างบนตัวเขาดูปกติดีทุกอย่าง แล้วทำไมเพื่อนเธอถึงได้ตามให้นำกล่องปฐมพยาบาลมาให้ แล้วเพื่อนของเขาถึงได้ถามว่าเธอปฐมพยาบาลเป็นไหม
"แขนหัก"
"ห๊ะ!" ได้ยินแบบนั้นดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นทันที ก่อนจะเผลอร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปนั่งลงข้างร่างสูงของเคลย์ตันด้วยความรวดเร็ว
"ข้างไหนคะ"
"…"
"พี่แขนหักข้างไหน" เมื่อเห็นอีกคนนิ่งเงียบไม่ตอบ ทำให้เธอเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง ไม่กล้าที่จะยื่นมือไปจับสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะไม่รู้ว่าแขนเขาหักข้างไหน
เคลย์ตันใช้สายตาปลายตามองไปที่แขนตัวเองแทนคำตอบ ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเฉยทำเหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ เอพริลจ้องมองตามสายตาไปที่แขนข้างขวาของคนเจ็บ ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือไปจับอย่างเบามือแล้วทำการหาอุปกรณ์ในกล่องปฐมพยาบาลที่การันต์นำมาวางไว้ข้าง ๆ เพื่อมาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับคนเจ็บหน้านิ่ง
สายตาคมของเคลย์ตันจับจ้องไปที่คนตัวเล็กที่กำลังช่วยปฐมพยาบาลให้เขาอย่างตั้งใจโดยที่ไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้เธอปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้อย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นเผลอจ้องมองเธออยู่อย่างไม่อาจละสายตา ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาพอให้มีสีสัน ดวงตากลมโตดูมีเสน่ห์ จมูกที่เชิดรั้นนิด ๆ รับกับริมฝีปากเล็กที่ดูอวบอิ่มพองาม ช่วยขับให้โครงหน้าของเธอชวนมองจนไม่อาจละสายตา
"เสร็จแล้วค่ะ…" ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นบอกกับคนเจ็บ ทำให้เผลอสบตาคมที่กำลังจ้องมองเธออยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ
เคลย์ตันที่เหมือนถูกมนต์สะกดไปชั่วขณะที่ได้จ้องมองใบหน้าของเธอใกล้ ๆ ในระยะของลมหายใจที่เป่ารดสัมผัสถึงไออุ่นได้ รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที โดยที่แขนของเขายังคงวางค้างอยู่ที่ตักของเธอไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
"รถมาแล้ว" เสียงของการันต์ดังขึ้นเมื่อคนนำรถยนต์เข้ามาจอดข้างจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะเข้ามาช่วยพยุงเพื่อนขึ้นจากพื้น เพื่อรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลไปรับการผ่าตัดรักษาต่อตามขั้นตอน
"น้องเอพริลกลับยังไงคะ" ไอเดียร์ถามหลังจากที่เคลย์ตันขึ้นรถไปโรงพยาบาลแล้ว
"ยี่หวาล่ะคะ" คิ้วมนสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยที่ได้ยินรุ่นพี่สาวสวยถามมาแบบนั้น ก่อนจะถามหาเพื่อนที่มาด้วยกัน ที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย
"ยี่หวามีธุระด่วนกลับไปก่อนแล้ว"
"อ้าว…" แล้วแบบนี้เธอจะกลับยังไงล่ะ มีแท็กซี่ผ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมดึกดื่นแบบนี้ยิ่งอันตรายเข้าไปอีก
"ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่ไปส่งเองจ้ะ" ไอเดียร์บอกด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของรุ่นน้อง
"ขอบคุณนะคะ" พอได้ยินแบบนั้นเอพริลเองก็รีบเอ่ยขอบคุณกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีรถกลับไหม
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับทันที โดยที่เอพริลนั้นได้รุ่นพี่อย่างไอเดียร์ขับรถมาส่งจนถึงหอพัก ก่อนจะได้รับข้อความจากยี่หวาที่ส่งมาขอโทษยกใหญ่ที่ต้องรีบกลับก่อน เพราะที่บ้านโทรมาบอกว่าแม่ของเธอนั้นลื่นล้มในห้องน้ำจนหมดสติ ตอนแรกก็ใจแป้วที่ถูกทิ้งไว้แบบนั้น แต่พอรู้ถึงเหตุผล และด้วยความที่เป็นคนขี้สงสารเห็นใจคนอื่นอยู่แล้วก็ทำเอาเธอใจอ่อนยวบทันทีที่ได้ฟังเหตุผล